ครม.เห็นชอบบัญชีรายชื่อแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 ของ ศธ.15 ตำแหน่ง แจงมีการสลับตำแหน่งถึง 12 คน โยก “ชินภัทร” พ้นรองเลขาฯ สพฐ. ด้านจาตุรนต์รับ "ทักษิณ" ฝาก “บุญศรี” ข้ามห้วยจากสำนักพุทธฯ มารับซี 10 ที่ ศธ.
คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ เห็นชอบบัญชีรายชื่อแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 ของกระทรวงศึกษาธิการ 15 ตำแหน่ง ซึ่งมีระดับ 10 สลับตำแหน่ง 12 ตำแหน่ง ดังนี้ นายสมเกียรติ ชอบผล จากรองเลขาธิการสภาการศึกษา และนายบุรี แก้วเล็ก ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นรองปลัดกระทรวงฯ นางมัณฑนา ศังขะกฤษณ์ จากรองปลัดกระทรวงฯ นายมังกร กุลวานิช กับนางเบญจา ชลธาร์นนท์ จากผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
นายชินภัทร ภูมิรัตน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นรองเลขาธิการสภาการศึกษา นางศิริพรรณ ชุมนุม จากที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายนิราศ สร่างนิทร เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา นางรุ่งเรือง สุขาภิรมย์ ที่ปรึกษาด้านวิจัยและประเมินผลการศึกษา นายนิวัตร นาคะเวช ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายประเสริฐ งามพันธุ์ จากผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
พร้อมแต่งตั้งข้าราชการระดับ 9 ขึ้นเป็นระดับ 10 เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง คือ นายอนุสรณ์ ไทยเดชา จากผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน นายสุนันท์ เทพศรี นักพัฒนาทรัพยากรบุคคล และนางบุญศรี พาหะจิตต์ โยกมาจากรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ให้สัมภาษณ์ถึงรองเลขาธิการ กพฐ.ใหม่ทั้ง 3 คน ซึ่งครม.เห็นชอบวันนี้ว่า เป็นการหารือร่วมกันกับผู้ใหญ่ โดยตนเป็นผู้ที่เสนอขอนางมัณฑนา ศังขะกฤษณ์ จากรองปลัดกระทรวงฯ เพราะเคยเป็นผู้ที่ทำงานสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.) และเป็นคนทำงานด้านแผนและนโยบายละเอียด
ส่วน นายมังกร กุลวานิช เคยเป็นผู้บริหารโรงเรียนมาก่อนย่อมรู้จักพื้นที่ดี สำหรับนางเบญจา ชลธาร์นนท์ เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการศึกษาพิเศษและด้อยโอกาส ส่วนการโยกนายชินภัทร ภูมิรัตน์ กลับไปเป็นรองเลขาธิการสภาการศึกษานั้น คงเป็นการดูภาพรวม ซึ่งต้องถามนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ให้นโยบายเพิ่มรองเลขาธิการ กพฐ.อีก 1 คนให้ดูแลด้านวิชาการ แต่คงไม่เพิ่มตำแหน่ง จะนำมาจากตำแหน่งที่ปรึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และตั้งแต่พรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ตนและรองเลขาธิการ กพฐ.ที่ได้รับแต่งตั้งจะเริ่มศึกษางานและแบ่งงานของ สพฐ.ตามที่นายจาตุรนต์ มอบหมาย
ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรัฐมนตรี ศธ. กล่าวว่า การโยกนางบุญศรี พานะจิตต์ จากรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาขึ้นระดับ 10 ตำแหน่งผู้ตรวจราชการ ศธ. ถือเป็นความร่วมมือระดับกระทรวงที่คนเก่าๆ เคยอยู่ใน ศธ. โครงสร้างเก่า แล้วออกไปอยู่กับกระทรวงวัฒนธรรม และ พศ. กระทรวงกีฬาและการท่องเที่ยว มีความประสงค์จะกลับมาอยู่ที่เดิม กรณีนางบุญศรี ได้สมัครขอกลับมาอยู่ ศธ. ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี ได้ปรารภ และประสานขอความร่วมมือมาก็ต้องช่วยสนับสนุน แม้จะกินเนื้อตัวเอง
ทั้งนี้ ไม่ใช่เรียกว่าเป็นเรื่องการฝากมา ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายจึงต้องรับผิดชอบเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ก็มีข้าราชการของ ศธ. สมัครไปเป็นรอง ผอ.พศ. หรือผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน ซึ่งตนเคยสนับสนุนการโยกย้ายข้ามหน่วยงานใหม่ที่เคยอยู่กับ ศธ.ได้ ไม่เช่นนั้นบางคนอาจรู้สึกว่าไม่มีความก้าวหน้า ดังนั้น ถือว่าก็เป็นลูกหม้อ ศธ. เดิมทั้งสิ้น
“การฝากการแนะนำก็ต้องมีเป็นธรรมดา ใครที่เขาอยากฝากก็ฝากมา แต่ผมรับมาแล้วไม่ใช่ว่าผมต้องไปทำตามอะไรใคร ภูมิต้านทานมีเพียงพอที่จะไม่ใช่ทำตามการสั่ง หรือบางคนบอกว่าสนิทกับคนนั้นคนนี้ ไม่ใช่ ถ้าผมจะไม่เอาก็ไม่เอา และถ้าผมจะเอา ผมเอาสนิทตัวผมดีกว่า ส่วนใหญ่ผมจะหารือกับผู้บริหารระดับสูงของ ศธ. โดยภาพรวมของระดับ 11 และระดับ 10 ที่แต่งตั้งโยกย้าย เชื่อว่าจะทำให้องค์กรทำงานได้ดีขึ้น แม้จะมีการตั้งคำถามสำหรับบางคน เพราะผมก็คิดว่าปรับเปลี่ยนได้อย่างใจร้อยละ 80 ไม่เหมือนคราวที่มานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการใหม่ๆ ที่ยังค่อนข้างอนุรักษ์ไว้มาก ยืนยันไม่มีเด็กเส้น ทำด้วยความโปร่งใส และไม่มีอามิสสินจ้างหรือสินบนล้านเปอร์เซ็นต์”
นายจาตุรนต์ กล่าวถึงการโยกนายนิราศ สร่างนิทร จากเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง แล้วให้นายประเสริฐ งามพันธุ์ จากผู้ตรวจฯ มานั่งแทนนั้นว่า เพื่อต้องการจัดกระบวนทัพใหม่ให้รับมือกับปัญหาที่คั่งค้างอยู่เดิมโดยทำให้เร็วขึ้น
คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ เห็นชอบบัญชีรายชื่อแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 ของกระทรวงศึกษาธิการ 15 ตำแหน่ง ซึ่งมีระดับ 10 สลับตำแหน่ง 12 ตำแหน่ง ดังนี้ นายสมเกียรติ ชอบผล จากรองเลขาธิการสภาการศึกษา และนายบุรี แก้วเล็ก ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นรองปลัดกระทรวงฯ นางมัณฑนา ศังขะกฤษณ์ จากรองปลัดกระทรวงฯ นายมังกร กุลวานิช กับนางเบญจา ชลธาร์นนท์ จากผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
นายชินภัทร ภูมิรัตน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นรองเลขาธิการสภาการศึกษา นางศิริพรรณ ชุมนุม จากที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายนิราศ สร่างนิทร เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา นางรุ่งเรือง สุขาภิรมย์ ที่ปรึกษาด้านวิจัยและประเมินผลการศึกษา นายนิวัตร นาคะเวช ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายประเสริฐ งามพันธุ์ จากผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
พร้อมแต่งตั้งข้าราชการระดับ 9 ขึ้นเป็นระดับ 10 เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง คือ นายอนุสรณ์ ไทยเดชา จากผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน นายสุนันท์ เทพศรี นักพัฒนาทรัพยากรบุคคล และนางบุญศรี พาหะจิตต์ โยกมาจากรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ให้สัมภาษณ์ถึงรองเลขาธิการ กพฐ.ใหม่ทั้ง 3 คน ซึ่งครม.เห็นชอบวันนี้ว่า เป็นการหารือร่วมกันกับผู้ใหญ่ โดยตนเป็นผู้ที่เสนอขอนางมัณฑนา ศังขะกฤษณ์ จากรองปลัดกระทรวงฯ เพราะเคยเป็นผู้ที่ทำงานสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.) และเป็นคนทำงานด้านแผนและนโยบายละเอียด
ส่วน นายมังกร กุลวานิช เคยเป็นผู้บริหารโรงเรียนมาก่อนย่อมรู้จักพื้นที่ดี สำหรับนางเบญจา ชลธาร์นนท์ เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการศึกษาพิเศษและด้อยโอกาส ส่วนการโยกนายชินภัทร ภูมิรัตน์ กลับไปเป็นรองเลขาธิการสภาการศึกษานั้น คงเป็นการดูภาพรวม ซึ่งต้องถามนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ให้นโยบายเพิ่มรองเลขาธิการ กพฐ.อีก 1 คนให้ดูแลด้านวิชาการ แต่คงไม่เพิ่มตำแหน่ง จะนำมาจากตำแหน่งที่ปรึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และตั้งแต่พรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ตนและรองเลขาธิการ กพฐ.ที่ได้รับแต่งตั้งจะเริ่มศึกษางานและแบ่งงานของ สพฐ.ตามที่นายจาตุรนต์ มอบหมาย
ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรัฐมนตรี ศธ. กล่าวว่า การโยกนางบุญศรี พานะจิตต์ จากรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาขึ้นระดับ 10 ตำแหน่งผู้ตรวจราชการ ศธ. ถือเป็นความร่วมมือระดับกระทรวงที่คนเก่าๆ เคยอยู่ใน ศธ. โครงสร้างเก่า แล้วออกไปอยู่กับกระทรวงวัฒนธรรม และ พศ. กระทรวงกีฬาและการท่องเที่ยว มีความประสงค์จะกลับมาอยู่ที่เดิม กรณีนางบุญศรี ได้สมัครขอกลับมาอยู่ ศธ. ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี ได้ปรารภ และประสานขอความร่วมมือมาก็ต้องช่วยสนับสนุน แม้จะกินเนื้อตัวเอง
ทั้งนี้ ไม่ใช่เรียกว่าเป็นเรื่องการฝากมา ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายจึงต้องรับผิดชอบเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ก็มีข้าราชการของ ศธ. สมัครไปเป็นรอง ผอ.พศ. หรือผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน ซึ่งตนเคยสนับสนุนการโยกย้ายข้ามหน่วยงานใหม่ที่เคยอยู่กับ ศธ.ได้ ไม่เช่นนั้นบางคนอาจรู้สึกว่าไม่มีความก้าวหน้า ดังนั้น ถือว่าก็เป็นลูกหม้อ ศธ. เดิมทั้งสิ้น
“การฝากการแนะนำก็ต้องมีเป็นธรรมดา ใครที่เขาอยากฝากก็ฝากมา แต่ผมรับมาแล้วไม่ใช่ว่าผมต้องไปทำตามอะไรใคร ภูมิต้านทานมีเพียงพอที่จะไม่ใช่ทำตามการสั่ง หรือบางคนบอกว่าสนิทกับคนนั้นคนนี้ ไม่ใช่ ถ้าผมจะไม่เอาก็ไม่เอา และถ้าผมจะเอา ผมเอาสนิทตัวผมดีกว่า ส่วนใหญ่ผมจะหารือกับผู้บริหารระดับสูงของ ศธ. โดยภาพรวมของระดับ 11 และระดับ 10 ที่แต่งตั้งโยกย้าย เชื่อว่าจะทำให้องค์กรทำงานได้ดีขึ้น แม้จะมีการตั้งคำถามสำหรับบางคน เพราะผมก็คิดว่าปรับเปลี่ยนได้อย่างใจร้อยละ 80 ไม่เหมือนคราวที่มานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการใหม่ๆ ที่ยังค่อนข้างอนุรักษ์ไว้มาก ยืนยันไม่มีเด็กเส้น ทำด้วยความโปร่งใส และไม่มีอามิสสินจ้างหรือสินบนล้านเปอร์เซ็นต์”
นายจาตุรนต์ กล่าวถึงการโยกนายนิราศ สร่างนิทร จากเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง แล้วให้นายประเสริฐ งามพันธุ์ จากผู้ตรวจฯ มานั่งแทนนั้นว่า เพื่อต้องการจัดกระบวนทัพใหม่ให้รับมือกับปัญหาที่คั่งค้างอยู่เดิมโดยทำให้เร็วขึ้น