ป่าชายเลนเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำตัวเล็กตัวน้อยให้กล้าแกร่งออกไปเผชิญกับทะเลอันไพศาล หน้าที่ของพ่อแม่ และผู้ปกครองก็คงไม่ต่างกันคือฟูมฟักเด็กๆ เหล่านั้นให้กล้าแกร่งพอที่จะเผชิญกับโลกภายนอกได้
กองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมไทย จึงชักชวนองค์กรแพลน ประเทศไทย จัดทำโครงการต้นกล้าสึนามิ โดยร่วมกับเด็กๆ จากโรงเรียนพระราชทานฯ ทับละมุ ฐานทัพเรือพังงา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ 1 จ.พังงา องค์การบริหารส่วนตำบลลำแก่น และผู้ใหญ่จนถึงผู้สูงอายุมาบอกเล่า ชวนเที่ยว สำรวจว่า ทับละมุบ้านเรามีอะไร บ้าง
ด.ญ.ขนิษฐา วงศ์จันทร์ หรือน้องออย จากโรงเรียนพระราชทานฯ ทับละมุ กล่าวว่า ร่วมเดินดูแพปลา(ตลาดซื้อ-ขายปลา) ดูว่าพ่อแม่เราออกทะเลเหนื่อยๆ ได้สัตว์อะไรมาบ้าง กุ้ง กิโลกรัมละเท่าใด แล้วเงินที่เราใช้ เ สื้อผ้าที่เราใส่ ข้าวที่เรากินมาจากที่ไหน
“ท้องทะเลเป็นเหมือนหม้อข้าวหม้อแกงเรา หนูจำได้ตอนที่โดนสึนามิใหม่ๆ พ่อไม่มีเรือ เราก็ไม่มีตังค์กินข้าว ตอนนี้พ่อมีเรือแล้ว หนูก็มีเงินใช้ บางทีมีเรือก็ไม่ต้องมีตังค์ก็ได้ เพราะในทะเลมีกุ้งหอยปูปลาให้เรากินตั้งเยอะตั้งแยะ” น้องออยเราอย่างภูมิใจ
แม้ป่าชายเลนจะเป็นแหล่งอนุบาลพันธุ์สัตว์ทะเลหลากชนิด เป็นแหล่งรวมความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ พันธุ์ไม้หลากชนิดสามารถนำมาทำเป็นสมุนไพร และยังสามารถทำให้ภัยธรรมชาติอย่างสึนามิสร้างความเสียหายให้กับชุมชนน้อยลง แต่เด็กชาวทับละมุก็รู้จักป่าชายเลนน้อยเกินกว่าที่จะนำป่าชายเลนมาทำประโยชน์ งานนี้ผู้อาวุโสปู่ชวน ศรีพนัง ชาวประมงพื้นบ้านผู้ผ่านลูกคลื่นทะเลมากว่าล้านลูก พาหลานๆ เดินป่าถ่ายทอดภูมิปัญญา และภูมิความรู้ของชาวทับละมุ
“สมัยนี้ใครเป็นอะไรก็หากันแต่ยาฝรั่ง เมื่อก่อนเดินเข้าป่าแป๊บเดียวก็ได้ยาแล้วไม่ต้องเสียเงินสักบาท ตอนหลังมันตัดป่าโกงกางเอาไปทำถ่านกัน จากที่เคยออกทะเลไปไม่ถึงกิโลฯ ก็ได้ปลาเต็มเรือแล้ว ต้องออกไปกว่าสิบกิโลฯ ยิ่งเดี๋ยวนี้ยิ่งออกกันไปไกลใหญ่ แต่ถ้าป่าชายเลนมันสมบูรณ์ก็มีปลาเยอะขึ้นนะ” ลุงชวนสะท้อนความเป็นไปของท้องทะเลให้หลานๆ ฟัง
สำหรับ ด.ช.สุรพงษ์ สมนึก น้องโอม ต้นกล้าพันธุ์ใหม่ของทับละมุกล่าวว่า ป่าชายเลนหลังโรงเรียนเมื่อก่อนก็ไม่มีใครสนใจ เพราะเราไม่รู้ว่าป่าชายเลนมีประโยชน์อย่างไร มีอะไรเกี่ยวกับชีวิตของเรา และทำไมต้องช่วยกันอนุรักษ์ป่าชายเลน
“ป่าชายเลนหลังโรงเรียนผมก็ไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไร แต่สิ่งที่เห็นในวันนี้ก็เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องออกทะเลไปหาปลานานกว่าเมื่อก่อน ตอนที่ป่าชายเลนหลังโรงเรียนเสื่อมโทรม ผมรู้แล้วล่ะว่าธรรมชาติทุกๆ อย่างมีเกี่ยวข้องกัน ไม่มีป่าชายเลน ก็ไม่มีปลา ไม่มีปลา ผมก็ไม่มีตังค์กินข้าว” น้องโอมอธิบายสิ่งที่ได้ศึกษาจากการเดินป่าชายเลน
หากเอ่ยถึงทับละมุ หลายๆ คนคงนึกถึงอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิรัน เพราะที่นี่เป็นท่าเรือข้ามฟากไปดำน้ำดูปะการังที่นั่น นักท่องเที่ยวหลายล้านคนมาทับละมุเพื่อใช้เป็นทางผ่านไปยังหมู่เกาะสวรรค์แห่งนั้น สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่พบเห็นได้ทุกเมื่อเชื่อวัน เด็กๆ หลายคนไม่รู้ว่าทับละมุบ้านของเขามีอะไรดีพอจะอวดคนอื่นๆ
ด.ญ.จริยา แดงแท้ หรือน้องบุ๋ม อายุ 11 ปี ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมสำรวจชุมชน เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตโดยพึ่งพาธรรมชาติของปู่ยาตาทวด กล่าวว่า ทับละมุเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ แต่เราก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติไม่ว่าจะป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์ ทะเลที่สวยงามสามารถดำดูปะการังน้ำตื้นที่สวยงามได้
“เมื่อก่อนหนูก็ไม่รู้จะตอบยังไง เวลามีคนถามว่าทับละมุมีอะไรดี หนูก็บอกไปว่าเกาะสิมิลัน แต่เดี๋ยวนี้หนูจะตอบเขาว่า ทับละมุบ้านฉันมีป่าชายเลนให้ศึกษาชีวิตสัตว์ต่างๆ เรามีทะเลที่ใสสวย ปะการังเงาวับ กุ้งหอยปูปลามากมาย และหนูก็พอใจในทับละมุบ้านหนู” น้องบุ๋มพูดเสียงดังฟังชัดด้วยท่าทีภาคภูมิใจ
วันนี้เด็กๆ ได้รับความรู้จากผู้ใหญ่ใจดีอย่างเต็มเปี่ยม เสมือนกับต้นไม้ได้สารอาหารอย่างเต็มที่ และต้นกล้าเหล่านี้ จะเป็นอนาคตที่แข็งแรงของทับละมุ