xs
xsm
sm
md
lg

โผไม่พลิก “กษมา” ผงาด สพฐ. “นริศ” คุม สกอ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา
ครม.มีมติแต่งตั้งซี 11 ศธ.แล้ว เผย “คุณหญิงกษมา” กลับมาใหญ่อีกครั้ง ย้ายจากปลัด ศธ.เป็นเลขาฯคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่วน “นริศ” ข้ามห้วยจากกระทรวงการคลัง กลับมาเป็นเลขาฯคณะกรรมการการอุดมศึกษา ด้าน “จาตุรนต์” เผยโยก “คุณหญิงกษมา”นั่ง สพฐ.เพราะมีประสบการณ์ทำงานและเข้าใจการปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างดี ขณะที่ “นริศ” มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจการเงิน ปฏิเสธไม่ได้พิจารณาแต่งตั้งเพราะเป็นคนสนิทของใคร ระบุไม่ได้หารือ ทปอ.เพราะไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติและหวั่นเกิดการล็อบบี้เสนอคนของตัวเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (8 ส.ค.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 11 ของกระทรวงศึกษาธิการเรียบร้อยแล้ว โดยคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ย้ายจากตำแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) แทนนางพรนิภา ลิมปพยอม ที่เกษียณอายุราชการ ส่วน ดร.นริศ ชัยสูตร ย้ายจากผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เป็นเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) แทน ศ.พิเศษ ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่เกษียณอายุราชการเช่นเดียวกัน สำหรับตำแหน่งปลัด ศธ.นั้น ครม.ได้มีมติแต่งตั้งให้นางจรวยพร ธรณินทร์ รองปลัด ศธ.ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน

สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 นั้น ไม่ได้เข้าสู่วาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด

รศ.ดร.นริศ ชัยสูตร ว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ตนจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยจะประสานกับอธิบการบดีมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูลและขอความร่วมมือ

ทั้งนี้ ตนทราบวัฒนธรรมการทำงานของมหาวิทยาลัยดีว่า เลขาธิการ กกอ.จะไปสั่งการอะไรไม่ได้ นอกจากขอความร่วมมือ สำหรับข้อวิจารณ์เรื่องการทำงานนั้นไม่ได้คิดอะไร แต่จะนำข้อวิจารณ์ไปปรับปรุงตัวเอง และคิดว่าทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับผลงาน ใครที่บอกว่าได้รับแต่งตั้งเพราะเป็นเรื่องการเมืองนั้น ไม่อยากวิจารณ์ แต่ขอถามว่าตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2 สมัย มีการเมืองแทรกแซงได้หรือไม่

รวมทั้งระหว่างอยู่ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ก็ได้รับความไว้วางใจจากนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายทนงยังประกาศว่าจะให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ สศค.เป็นปีที่ 3 แต่เมื่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอตัวมาก็ยินดีสนับสนุน และหากนายจาตุรนต์จะคืนให้มาก็พร้อมรับ อย่างไรก็ตาม ตนเป็นข้าราชการประจำให้ไปอยู่ที่ไหนก็ได้

ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า พร้อมสำหรับการทำหน้าที่ดังกล่าว ส่วนจะพร้อมจริงหรือไม่ต้องติดตามดูต่อไป แต่คิดว่า สพฐ.ในยุคนี้ต่างไปมาก คงมีความพร้อมมากกว่าเมื่อครั้งที่เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กพฐ. เพราะตอนนั้น แม้แต่เขตพื้นที่ก็ยังไม่มีความพร้อม แต่เท่าที่ติดตามขณะนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.)เข้มแข็งมาก

ดังนั้นจึงเป็นเวลาทำงานที่จะไปสนับสนุนโรงเรียนให้เต็มที่มากขึ้น โดยปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขคือ ปัญหาขาดแคลนครู โดยในระยะนี้คงจะไปผลักดันต่อเนื่อง สำหรับงานที่เป็นยุทธศาสตร์ของ รมว.ศธ. ที่เป็นห่วงมากคือการปฏิรูปการเรียนการสอน ซึ่งทราบว่า สพฐ.ก็ได้ปูพรมทำความเข้าใจแล้ว เหลือเพียงนำไปปฏิบัติ คงสามารถขยายผลได้

ส่วนเรื่องที่เป็นห่วงคือเรื่องโรงเรียนขนาดเล็ก ที่จะให้ความสำคัญเพิ่มเติมคือโรงเรียนที่ยังไม่ผ่านมาตรฐาน เพราะคิดว่าเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบที่ต้องมีต่อสังคม โรงเรียนจะต้องมีคุณภาพอย่างน้อยในระดับมาตรฐานที่พอรับได้ ซึ่งทุกคนคงไม่อยากเห็นลูกหลานคนไทยอยู่ในโรงเรียนที่ตกเกณฑ์ใดเกณ์หนึ่ง ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบที่ ศธ.ควรมีให้กับสังคม

ส่วนที่มีการย้ายกลับไปมาระหว่างสำนักปลัดฯ กับ สพฐ.ฯ นั้น คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ไม่ได้คิดเรื่องนี้ คิดแต่ว่ามีงานอะไรอยู่ข้างหน้า งานนั้นจะมีความสำคัญอย่างไร ถ้ามองในแง่ สพฐ. ถือเป็นงานที่ดูแลโรงเรียน เป็นงานที่ชอบและท้าทาย ส่วนจะทำได้ตามที่ได้รับความไว้วางใจหรือไม่ คงจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพราะหมดยุคสมัยแล้วที่ใครจะทำงานคนเดียวเพียงลำพัง ต้องอาศัยความคิดและประสบการณ์ คิดว่าทีมงานรองเลขาธิการ กพฐ.ที่ทำงานร่วมกันคงทำงานเป็นทีม รับฟังผู้ที่ทำงานในพื้นที่เป็นอย่างมาก

ส่วนกระแสก่อนหน้าที่ระบุว่ามี ส.ส.พรรไทยรักไทยไม่เห็นด้วยกับการให้คุณหญิงกษมาไปดำรงตำแหน่งเลขิการกพฐ.นั้น คุณหญิงกษมา กล่าวว่า พยายามจะถามดูว่ากลุ่มไหนเป็นกลุ่มที่ไม่สบายใจถ้าตนไปอยู่ สพฐ. ซึ่งยังไม่พบคนดังกล่าว แต่โดยปกติถ้าอะไรเป็นไปเพื่อประโยชน์ของโรงเรียน นักเรียน ก็ยินดีให้ความร่วมมือ

“หลายคนบอกว่าดิฉันตัดสินใจช้า ก็ยืนยันได้ว่าถ้าเรื่องใดไม่ใช่เพื่อประโยชน์คนใดคนหนึ่ง แต่เป็นประโยชน์ของโรงเรียน นักเรียน ตัดสินใจไม่ยาก อะไรที่เป็นหลักการตัดสินใจได้เลย แต่ถ้าไม่สอดคล้องในหลักการก็ตัดสินใจลำบากเหมือนกัน ถ้าผิดไปจากนี้ก็จะพยายามรับฟังและดูว่าทำให้ถูกต้องและเป็นประโยชน์ได้อย่างไร ซึ่งกรณีเช่นนี้ก็อาจจะตัดสินใจช้าไปบ้าง” คุณหญิงกษมากล่าว

สำหรับปัญหาที่ข้าราชการครูมีการฟ้องร้องหลายกรณีนั้น เลขาธิการ กพฐ.คนใหม่กล่าวว่า การฟ้องร้องหรือการประท้วงเป็นเรื่องปกติถ้าสามารถมีกลไกรับฟังความคิดเห็นและชี้แจงได้ก็น่าจะทำให้หลายเรื่องเบาลงไป บางครั้งการมีประด็นฟ้องร้องก็เป็นเองดี เพราะบางเรื่องข้อกฎหมายไม่ชัดเจน ก็ทำให้มีการตีความจนเกิดปัญหา หากมีข้อวินิจฉัยของศาลก็จะทำให้ชัดเจนขึ้น

ส่วนนางจรวยพร ธรณินทร์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าที่ปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ กล่าวว่า หน้าที่หลักของปลัด ศธ. คือต้องพยายามประสานงานองค์หลักของ ศธ. ทั้ง 5 องค์กร รวมไปถึงการประสานงานระหว่างกระทรวงด้วย โดยจะต้องพยายามให้เกิดการประสานงานที่รวดเร็วขึ้น จะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพิ่มมากขึ้น และตนจะพยายามทำให้ ศธ. เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ส่วนโครงการใหม่ที่มีแนวคิดจะดำเนินการภายหลังจากรับตำแหน่ง ปลัดศธ. แล้ว จะเน้นไปที่การเสริมสร้างความเข้มแข็งในกลุ่มกิจการนักเรียน นักศึกษา โดยเฉพาะเรื่องการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การแก้ปัญหาความรุนแรง ยาเสพติด การพนัน เหล้า และการละเมิดสิทธิเด็ก

นางจรวยพร กล่าวด้วยว่า ในส่วนงานของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) นั้น ตนจะให้มีการจัดระบบในส่วนของการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่ฯ ให้มีระบบมากขึ้น โดยจะให้มีการทบทวนกฎหมาย 3 ฉบับ คือ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ

ขณะที่ในส่วนของสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) จะต้องพยายามเก็บตกเด็กที่ไม่ได้รับการศึกษาทั้งหมด และจะต้องคิดด้วยว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยมีการศึกษาตลอดชีวิต ด้านสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จะต้องเข้าไปดูแลนักศึกษาปวส. ของโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชน ที่ได้รับผลกระทบจากกองทุนเงินกู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) และจะต้องนำครอบครัวของครูโรงเรียนเอกชนเข้าโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

“ไม่รู้สึกหนักใจในการทำหน้าที่ปลัด ศธ. จะเน้นเรื่องการศึกษานอกระบบของกศน.โดยจะเก็บตกเด็กที่ออกนอกระบบตลอดจนผู้ใหญ่ที่ออกจากโรงเรียนแล้วให้ได้รับการส่งเสริมให้เรียนรู้ตลอดชีวิต โดยตั้งเป้าให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากเดิม 10-20% ในส่วนของการศึกษาเอกชนนั้น จะเข้าไปแก้ไขปัญหาเรื่องคุณภาพของโรงเรียนตลอดจนปัญหาที่ปวส.ได้รับผลกระทบจาก กรอ. ส่วน ก.ค.ศ. จะเข้าไปทบทวน พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ เพื่อให้ระบบการบริหารงานบุคคลได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง แต่โดยภาพรวมทั่วไปจะเน้นเรื่องส่งเสริมจริยธรรมคุณธรรม แก้ไขเรื่องความรุนแรงและการละเมิดสิทธิในเด็ก” ว่าที่ปลัดศธ. กล่าว

ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ได้พิจารณาตามความเหมาะสม และความสามารถในการทำงานในแต่ละหน้าที่ โดยมีพื้นฐานในการทำงานนั้นๆ เพื่อให้การทำงานในแต่ละตำแหน่งเป็นไปได้ดีและประสบความสำเร็จ ซึ่งจะช่วยในการปฏิรูปการศึกษาให้เดินหน้าได้ ที่สำคัญได้พิจารณาภาพรวมด้วยว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ควรจะดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

สำหรับการให้คุณหญิงกษมาไปเป็นเลขาธิการ กพฐ.นั้น เนื่องจากเห็นว่าคุณหญิงกษมาเคยทำงานมาแล้วหลายกรม รวมถึงที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เอง และมีความเข้าใจเรื่องการปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างดี เพราะรับรู้เรื่องกระบวนการการปฏิรูปการเรียนการสอนมาโดยตลอดอยู่แล้ว

ส่วนการให้นายนริศมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกอ.นั้น การหาคนมาเป็นเลขาธิการ กกอ.ได้พิจารณาหลายคนและหลายที่มา ซึ่งการที่แต่งตั้งคนนอกนั้น ไม่ใช่ว่าคนในสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) จะไม่มีความรู้ความสามารถ แต่ขณะเดียวกันก็ได้ประเมินแล้วว่า สกอ.ควรจะมีผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการทำงานของมหาวิทยาลัยอื่นๆ มาทำงานด้วย ซึ่งอธิการบดีบางคนที่คิดว่าจะทำงานนี้ได้ แต่ก็มีเหตุผลว่าอายุราชการเหลือน้อยบ้าง หรือเพิ่งจะมาเป็นอธิการบดีจึงอยากเรียนรู้งานก่อนบ้าง

จนที่สุดได้รับคำแนะนำนายนริศซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถึง 2 สมัย และยังดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลังอีกด้วย จึงทำให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งอุดมศึกษามีความต้องการปฏิรูประบบการเงินของอุดมศึกษา เพื่อรองรับมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐและดำเนินการเรื่องกองทุนเงินกู้ยืมที่ผูกติดกับรายได้ในอนาคตหรือไอซีแอล ซึ่งได้พิจารณาถึงกระทรวงอื่นๆ ที่ต้องมาทำงานประสานกันด้วย ซึ่งก็น่าจะช่วยทำให้งานของ ศธ.ราบรื่นขึ้น

“ที่มีอธิการบดีบางท่านออกมาวิจารณ์นั้น การแต่งตั้งคงจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และไม่ว่าจะเสนอชื่อใครก็ต้องมีความคิดเห็นที่แตกต่าง ส่วนที่ไม่ได้ถามความเห็นที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หรือ ทปอ.นั้นถือเป็นเรื่องปกติ และไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติหากจะไปขอความเห็น ซึ่งหากจะหารือในระดับนั้นก็จะเกิดความพยายามเสนอชื่อคนที่ตนต้องการสนับสนุนหรือการล็อบบี้กันขึ้น คงไม่ทำเช่นนั้นในการแต่งตั้งโยกย้ายอย่างแน่นอน การที่มีอธิการบดีบางคนวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งว่าการเปิดกว้างบางครั้งก็เป็นปัญหา ซึ่งหากนำเข้า ครม.เสียตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วก็คงไม่มีเสียงวิจารณ์เกิดขึ้น แต่การแสดงความเห็นก็สามารถกระทำได้ เพื่อจะได้นำเอาจุดอ่อนไปทบทวนปรับแก้ไขต่อไป และก็ต้องขอความร่วมมือในการทำงานด้วย”นายจาตุรนต์กล่าว

ต่อข้อถามว่าการแต่งตั้งเลขาธิการ กกอ.มักจะนำคนนอกเข้ามาจนกลายเป็นประเพณีปฏิบัติ จะทำให้คนใน สกอ.เสียกำลังใจหรือไม่ รักษาการ รมว.ศธ.กล่าวว่า รู้สึกเห็นใจคนใน สกอ.แต่ก็ต้องตัดสินใจและชั่งน้ำหนัก และการแต่งตั้งนั้นไม่ได้พิจารณาว่าเป็นคนสนิทของใคร เพราะหากเป็นเช่นนั้นตนคงเอาคนสนิทของตัวเองมาทำหน้าที่แล้ว ซึ่งการแต่งตั้งก็เป็นความรับผิดชอบของรัฐมนตรีด้วย ทั้งนี้ การนำคนนอกมาทำหน้าที่คงไม่ได้ถือเป็นบรรทัดฐาน แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาโยกย้ายในแต่ละครั้ง

สำหรับการโยกย้ายนางจรวยพร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เป็นผู้ที่มีความรู้และเข้าใจงานของสำนักงานปลัดเป็นอย่างดีและเป็นผู้ที่มีอาวุโสสูงสุดจึงเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งปลัด ศธ.

ขณะที่ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า มองในแง่บวกกรณี รศ.ดร.นริศ ชัยสูตร มาเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ซึ่งเป็นบุคคลที่มาจากการตัดสินของฝ่ายการเมือง คาดว่าจะสามารถประสานเชื่อมโยงให้มหาวิทยาลัยกับฝ่ายนโยบายคือรัฐบาลได้ เพราะขณะนี้ยังมีหลายเรื่อง เช่น ระบบพนักงานและงบประมาณของมหาวิทยาลัย กองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ส่วนเรื่องของโครงสร้างนั้นไม่น่ามีปัญหาอะไรเนื่องจากมหาวิทยาลัยค่อนข้างมีความเป็นอิสระสูง

ด้าน ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า จริงๆ แล้วทุกมหาวิทยาลัยไม่ได้ดื้อด้าน หรือตั้งป้อมไม่ยอมรับใครที่จะมาเป็นเลขาธิการ กกอ. หากคนที่มาแล้วฟังมหาวิทยาลัยร่วมกันคิดร่วมกันทำให้เกิดเป็นผลดีต่ออุดมศึกษา ส่วนคนที่มาจะมาจากการเมืองหรือไม่ก็ตาม ต้องหยุดระบบการเมืองหรืออำนาจทางการเมือง แล้วตัดสินใจโดยไม่ให้การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
ดร.นริศ ชัยสูตร
กำลังโหลดความคิดเห็น