xs
xsm
sm
md
lg

ไปฟังเสียงไส้เดือนเดินกับวิทย์สุดมันจาก MAD SCIENCE

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“นักเรียนเคยได้ยินเสียงไส้เดือนเดินมั้ยค่ะ”

“ไม่เคย ครับ/ค่ะ”

“แล้วอยากได้ยินไหม”

“อยากครับ/ค่ะ”

“เดี๋ยวครูจะเอาไส้เดือนใส่ในถุงกระดาษ แล้วนักเรียนผลัดกันเอาแนบไว้ที่หูนะคะ แต่มีเงื่อนไขว่านักเรียนทุกคนจะต้องเงียบ....ไหนใครได้ยินเสียงไส้เดือนเดินบ้าง”


นักเรียนทั้งห้องยกมือ

“คราวนี้พวกเรามาดูกันว่าไส้เดือนอาศัยอยู่ที่ไหน ครูจะมีบ้าน 3 หลัง ทราย ดิน กระดาษทิชชูที่พรมน้ำไว้ เพื่อให้ชื้นนิดๆ แล้วนักเรียนสังเกตว่าไส้เดือนจะเดินไปอยู่ที่ไหน”

“เย้ รู้แล้วค่ะว่าบ้านของไส้เดือนอยู่ที่ดินร่วนและชื้นนิดๆ”

“กลุ่มผมไส้เดือนเดินไปอยู่ใต้กระดาษทิชชูครับ”

“ไส้เดือนเลือกบ้านดินหรือกระดาษทิชชู เพราะมีความชุ่มชื้น และไม่มีแสง ตรงไหนที่แสงส่องถึงไส้เดือนจะหนีทันที เพราะถ้าไส้เดือนตัวแห้งหรือขาดน้ำ ไส้เดือนจะตายทันที”

นี่คือตัวอย่างบรรยากาศการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ของ MAD SCIENCE ซึ่งปัจจุบันมีสถานศึกษาทั้งของรัฐบาลและเอกชน ให้ MAD SCIENCE เข้าไปจัดหลักสูตรการเรียนการสอนในชั้นเรียน บางแห่งจัดในลักษณะกิจกรรมหลังเลิกเรียน

MAD SCIENCE คืออะไร และทำไมโรงเรียนต่างๆ ถึงไปใช้บริการแทนคุณครูวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนของตัวเอง

ทำไมต้องพึ่ง MAD SCIENCE

ดร.อัญจลา จารุมิลินท ผู้อำนวยการ ร.ร.ทับทอง ให้เหตุผลว่า การให้ MAD SCIENCE เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสอนวิทยาศาสตร์ มีประโยชน์ต่อนักเรียนของเรา เพราะเขาจัดกิจกรรมโดยให้เด็กได้ทดลอง ปฏิบัติจากของจริง การจำลอง หรือผ่านเกม ซึ่งการเรียนด้วยวิธีนี้จะช่วยให้เด็กจำได้อย่างแม่นยำ

ที่สำคัญคือ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ที่จัดให้นักเรียน สอดคล้องกับนโยบายของโรงเรียนอยู่แล้วคือเน้นให้นักเรียนสัมผัสการเรียนรู้จากของจริง โดยเฉพาะการให้คนรุ่นใหม่มาสอน ด้วยจิตวิทยาที่กระตุ้นให้เด็กสนุกกับการเรียนรู้ ฉะนั้นจะเห็นว่าเวลาเรียนจะมีแต่เสียงหัวเราะ และแย่งกันตอบคำถามที่ผู้สอนถาม

“ก่อนเปิดเทอมทางโรงเรียนกับ MAD SCIENCE จะคุยกันในเทอมนี้ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ จะต้องเรียนอะไรบ้าง ครูประจำวิชาวิทยาศาสตร์จะบอกว่าจะสอนเรื่องอะไรบ้างในแต่ละสัปดาห์ ขณะที่ MAD SCIENCE จะต้องหากิจกรรมให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่จะสอน เพื่อให้การเรียนไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ยังสอดแทรกศัพท์วิทยาศาสตร์ให้แก่เด็กโดยที่เด็กไม่รู้ตัวอีกด้วย”

“จากการเกาะติดการเรียนการสอนตั้งแต่เปิดเทอม และสังเกตพัฒนาการของนักเรียน พบว่านักเรียนของเราหลายคนช่างซักช่างถามและเป็นเด็กช่างสังเกต พูดง่ายๆ กลายเป็นเด็กกล้าแสดงแล้วมีเหตุมีผลเพิ่มมากขึ้น”

ขณะที่ นุจรี จิระยิ่งเจริญ หัวหน้ากลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ ร.ร.พันธะวัฒนา กล่าวว่า MAD SCIENCE เข้ามาสอนวิทยาศาสตร์แก่นักเรียน ป.3-6 โดยจัดตารางสอนให้ครูของโรงเรียนสอน 3 คาบ MAD SCIENCE สอน 1 คาบต่อสัปดาห์ โดยเวลาที่ MAD SCIENCE สอน ครูของโรงเรียนจะเข้าไปนั่งสังเกตการเรียนการสอนว่าสอดคล้องกับเนื้อหาหรือไม่ ไม่ใช่การจับผิดเพียงแต่ต้องการให้จัดกิจกรรมในเรื่องเดียวกัน

“ยอมรับว่าครูของ MAD SCIENCE มีวิธีจูงใจให้เด็กเข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทุกครั้ง เด็กไม่รู้สึกเครียด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกสนุก ต้องยอมรับว่าครูประจำอย่างเราทำไม่ได้ เพราะถ้าเล่นกับเด็กมากๆ เหมือนเพื่อนกัน เด็กจะขาดความเคารพ จะปกครองยาก”

ทั้งนี้ มีผู้ปกครองหลายท่านชื่นชอบการเรียนการสอนของ MAD SCIENCE อยากให้โรงเรียนจัดตารางเรียนเพิ่มให้แก่เด็กหรือไม่ก็สอนหลังเลิกเรียน ซึ่งทางโรงเรียนไม่เห็นด้วย เนื่องจากต้องการปูพื้นฐานให้เด็กรู้จักคิด วิเคราะห์ มีเหตุผล ไม่ได้เน้นให้เด็กเก่งด้านวิชาการ เมื่ออธิบายผู้ปกครองก็เข้าใจ

ด้าน อาจารย์ชมบงกช คลายหนองสรวง หัวหน้ากลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ ร.ร.อัสสัมชัญ คอนแวนต์ บอกว่า มีเพื่อนครูที่ เซนต์ฟรังฯ และผู้บริหารโรงเรียนแนะนำให้ลองคุยรายละเอียดและดูวิธีการเรียนการสอน พอได้พูดคุยประกอบกับดูแนวการสอน ก็เห็นว่า มีประโยชน์ ประกอบกับขณะนั้นทางโรงเรียนขาดครูสอนวิทยาศาสตร์ จึงตัดสินใจให้มาสอน ป.4-6 พร้อมทั้งให้มีส่วนร่วมในการออกข้อสอบ เพื่อประเมินความรู้ความสามารถของเด็กไปพร้อมกับโรงเรียนด้วย

พิสูจน์จากเสียงของเด็กๆ

คราวนี้ลองมาฟังความรู้สึกของนักเรียนกันบ้าง...

เริ่มจาก พิมพ์ศิริ ศรีวรางกูล นักเรียนชั้นป.6 ร.ร.อัสสัมชัญฯ เล่าด้วยแววตาแจ่มใสว่า ชอบเรียนวิทยาศาสตร์แบบได้สัมผัสด้วยมือตัวเอง ทำให้รู้ เห็น เข้าใจ อย่างวันนี้ครูสอนเรื่องสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำ ครูจะนำน้ำจากแหล่งต่างๆ มาให้ดูผ่านกล้องจุลทรรศน์เห็นว่า มีสาหร่าย ตะไคร่น้ำ ซึ่งบางทีเราดูด้วยตาเปล่าจะคิดว่าน้ำสะอาด

หรือการสอนปรากฏการณ์ท่อรูเล็กที่ให้นักเรียนนำดินใส่ลงไปในน้ำเพื่อทำให้น้ำขุ่น จากนั้นนำผ้ากอซชุบน้ำสะอาดแล้วบีบให้หมาดๆ แล้วนำชายผ้ากอซอีกข้างหนึ่งใส่แก้วน้ำขุ่น อีกด้านหนึ่งใส่แก้วเปล่า จะเห็นน้ำค่อยๆ ไหลมาที่แก้วเปล่าเป็นน้ำใสสะอาด ส่วนผ้ากอซจะมีเศษดินติดอยู่

“การเรียนผ่านสถานการณ์จำลอง ทดลองด้วยตัวเอง สนุกและเข้าใจกว่านั่งอ่านตำราเรียน บางทีเราจินตนาการหรือนึกภาพไม่ออก เรียนวิธีนี้เข้าใจง่ายแล้วสนุก บางเรื่องเป็นสิ่งใกล้ตัวเคยนำกลับไปใช้ที่บ้าน เช่น การเลี้ยงปลาจะมีกระบวนการจัดระบบนิเวศให้ปลา ตอนแรกคิดว่ามีหิน ปะการังเทียม ก็ใส่ไปให้หมด จริงๆ แล้วควรมีช่องว่าง เพื่อให้ปลาว่ายด้วย”

ขณะที่สุดารัตน์ อันทรพร กับ ณปัณณ์ โสวรรณะ และเพื่อนร่วมชั้น ป.5 ร.ร.ทับทอง เล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า ชอบเรียนวิทยาศาสตร์ผ่านการทดลอง ทำกิจกรรม สนุก ครูจะจัดอุปกรณ์ให้เรียนทุกครั้ง ทำให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง

“อย่างไส้เดือน ไม่เคยได้ยินเสียงเดิน ครูก็หาวิธีง่ายๆ ทำให้พวกเราได้ยิน และสอดแทรกให้เรามีความเมตตา รักสัตว์ ว่า ถ้าเจอก็อย่าไปทำร้าย ไส้เดือนมีประโยชน์ช่วยพรวนดินให้ต้นไม้”

MAD SCIENCE บุกสถานศึกษา

อติชาติ ตรีกาลสราญสุข กรรมการผู้จัดการ MAD SCIENCE อธิบายเสริมว่า บ้านเรามองวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องยาก และมีแนวคิดว่าเรียนแค่ในตำราก็พอแล้ว ความจริงวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่แตกต่างจากวิชาอื่นๆ เป็นเรื่องของกระบวนการคิด การทดลอง การตั้งสมมติฐาน ลงมือปฏิบัติ ถึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ ต่างจากคณิตศาสตร์ที่นำสูตรมาใช้คำนวณ หรือการเล่นดนตรี การวาดรูป ที่ฝึกฝนบ่อยแล้วเด็กจะมีความเชี่ยวชาญ

“ผมให้ความสนใจวิทยาศาสตร์ค่อนข้างมาก และเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผมเดินทางไปแคนาดา เห็น MAD SCIENCE ก็โดนใจ จึงตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ หวังให้เด็กไทยมีพื้นฐานวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น ช่วงแรกยอมรับว่าเหนื่อยมาก ครูในโรงเรียนไม่เข้าใจ พอสอนให้ดู ครู ผู้บริหาร นักเรียน มีทีท่าพอใจกระบวนการเรียนการสอนมากขึ้น”

“ผมและครูตระเวนสอนตามโรงเรียนต่างๆ จนในที่สุดก็มีโรงเรียนยอดนิยม หลายแห่งสนใจติดต่อให้ไปสอน บางแห่งสอนในชั่วโมงเรียน บางแห่งสอนหลังเลิกเรียน และมีแนวโน้มว่าโรงเรียนหลายแห่งให้ความสนใจติดต่อให้เราไปสอน”

ส่วนบุคลากรทางบริษัทเลือกผู้ที่จบสายวิทย์โดยตรง ดังนั้น โรงเรียน และผู้ปกครองจึงมั่นใจได้ว่า คัดสรรผู้ที่มีความรู้จริง มาถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ ขณะที่อุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากแคนาดา และส่วนหนึ่งหาสิ่งใกล้ตัวมาใช้เป็นสื่อในการสอนด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้มีผู้ปกครอง กับทางโรงเรียนอยากให้จัดหลักสูตรถึงระดับมัธยมฯ แต่อติชาติตัดสินใจสอนแค่ระดับประถมฯ เท่านั้น เพราะต้องการปลูกฝังกระบวนการเรียนรู้มากกว่าสนใจวิชาการเพื่อทำเกรด หรือปูพื้นฐานในการสอบเข้าเรียนในระดับสูงมากกว่า



กำลังโหลดความคิดเห็น