xs
xsm
sm
md
lg

สธ.ชี้ หม่อน-เถาวัลย์เปรียง อาจรักษาเบาหวาน-ปวดหลังได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปลัดสธ. เผยข่าวดีคนไทยป่วยเบาหวาน ปวดหลัง อาจมีหวังได้ยาจากสมุนไพรไทยแท้คือหม่อน เถาวัลย์เปรียง มารักษา ระบุผลจากการศึกษาวิจัยเบื้องต้นได้ผลดีเกินคาด เตรียมศึกษาต่อยอด และวงการแพทย์ไทยยังได้วิจัยพัฒนาเทคนิคการรักษาโรคตา โรคหัวใจขาดเลือด โรคพาร์กินสัน จากสเต็มเซลล์ คาดจะได้คำตอบอีกในไม่ช้า

นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมลงนามความร่วมมือการจัดตั้งสำนักงานร่วมของคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการทำวิจัยในคนของประเทศไทยที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทยหรือทีเซลส์ (TCELS) เมื่อบ่ายวันนี้ว่า เป็นที่น่ายินดีว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขขณะนี้ นอกจากจะทดลองวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ยังมีโครงการศึกษาวิจัยในคนอีก 2 เรื่องใหญ่ ได้แก่ การศึกษายาใหม่จากสมุนไพรไทย และการวิจัยการใช้ สเต็มเซลล์เพื่อรักษาโรคบางชนิด ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจอย่างมาก

“สำหรับการวิจัยยาใหม่จากสมุนไพรไทย จะทำอย่างครบวงจรตั้งแต่ผลิตจนถึงพัฒนาเป็นยา ศึกษา 4 ตัว ได้แก่ แมงลักคา ใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่และรักษาโรคเอดส์ อยู่ระหว่างศึกษาขั้นความปลอดภัย สมุนไพรตัวที่ 2 ได้แก่ ปัญจขันธ์ ใช้รักษาโรคเอดส์ ทั้ง 2 ชนิดนี้ศึกษาที่จังหวัดเชียงราย คาดจะเสร็จในเดือนกันยายน 2549 สมุนไพรตัวที่ 3 ได้แก่ การศึกษาเถาวัลย์เปรียงรักษาโรคปวดหลังช่วงล่าง ซึ่งคนไทยเป็นกันมากและต้องใช้ยาแก้ปวดนำเข้าจากต่างประเทศ ดำเนินการที่จังหวัดปราจีนบุรี”

นพ.ปราชญ์ กล่าวต่อไปว่า ผลการศึกษาเถาวัลย์เปรียงเบื้องต้นได้ผลดีเกินคาด เทียบผลรักษา 7 วันพบว่ามีสรรพคุณลดอาการปวดได้เท่ากับยานอก ส่วนสมุนไพรตัวที่ 4 ได้แก่ หม่อน ใช้รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ไม่ใช่กรรมพันธุ์ และเป็นชนิดที่คนไทยเป็นมากที่สุดกว่า 2 ล้านคนในขณะนี้ ผลวิจัยเบื้องต้นพบได้ผลดีมาก ไม่มีผลข้างเคียง และใบหม่อนยังทำให้ระดับไขมันที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย 2 ตัว ได้แก่ โคเลสเตอรอล(Cholesterol) และไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglyceride) ลดลงอย่างชัดเจนด้วย กำลังจะศึกษาต่อในกลุ่มที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงต่อไป ขณะนี้ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการศึกษาวิจัยในคนแล้ว หากสำเร็จจะเป็นข่าวดีของคนไทยและทั่วโลกด้วยเนื่องจากมีคนทั่วโลกกำลังป่วยจากโรคนี้มากกว่า150ล้านคน

นพ.ปราชญ์กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนการวิจัยการรักษาโรคนั้น ในปี 2549 นี้ มีโครงการศึกษาการใช้เซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์ (Stem Cell) ที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัว มาใช้ซ่อมแซมกระจกตาและซ่อมแซมผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อหัวใจตาย เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง และรักษาโรคพาร์กินสัน (Parkinson Disease) ซึ่งเป็นโรคทางระบบประสาท และไม่มียารักษา โดยศึกษาร่วมระหว่างกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมการแพทย์ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นทีมแพทย์ไทยทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ และจะจัดตั้งห้องปฏิบัติการเฉพาะสเต็มเซลล์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น