ศธ.-กรมการขนส่งทางบก-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หารือแก้ปัญหาอุบัติเหตุจราจร ชี้หน้าโรงเรียน โรงพยาบาล หน่วยงานราชการควรก่อสร้างเกาะกลางถนนช่วยลดอุบัติเหตุได้ ส่วนรถนักเรียนหากบรรทุกเกินและปล่อยให้นักเรียนนั่งบนหลังคารถ โทษปรับไม่เกิน 500 บาท
นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการได้เชิญผู้แทนจากกรมการขนส่งทางบก กรมทางหลวง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุการจราจร สืบเนื่องจากในช่วงเดือนที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุกับรถรับส่งใน จ.ปราจีนบุรี และ จ.นครราชสีมา ส่งผลให้มีนักเรียนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ซึ่ง ศธ.มีหน้าที่ต้องดูแลนักเรียนทั้งที่อยู่ในโรงเรียนและนอกโรงเรียนด้วย
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากกรมทางหลวงว่า การสร้างถนนในประเทศไทยส่วนหนึ่งไม่มีเกาะกลางถนนเช่นเดียวกับถนนที่รถนักเรียนประสบอุบัติเหตุที่ จ.ปราจีนบุรี ก็ไม่มีเกาะกลางถนนเช่นกัน เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ และเมื่อมีเกาะกลางถนนก็จะต้องขับไปกลับรถในระยะทางที่ไกลขึ้น ซึ่งอุบัติเหตุไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะรถโรงเรียนแต่เกิดขึ้นกับรถทั่วไปด้วย โดยบริเวณเส้นทางที่รถโรงเรียนประสบอุบัติเหตุที่ จ.ปราจีนบุรี ได้นำเสาไฟฟ้าไปกั้นแทนเกาะกลางถนนไว้แล้ว อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าการสร้างถนนบริเวณหน้าโรงเรียน หน้าโรงพยาบาล หรือหน่วยงานราชการ ที่ประชาชนใช้บริการอย่างหนาแน่นควรจะมีการก่อสร้างเกาะกลางถนน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นได้
“ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาอยู่ประจำบนถนนสายหลักหน้าสถานศึกษาในช่วงเช้าและเย็นอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ และศธ.ได้แจ้งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาถึงมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนอย่างเคร่งครัด โดยให้สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ให้ใช้เกณฑ์การดูแลความปลอดภัยนักเรียนในการประเมินสถานศึกษา และให้โรงเรียนแจ้งต่อนักเรียนถึงการโดยสารรถและการขับขี่รถจักรนยานยนต์อย่างปลอดภัยด้วย ส่วนรถรับส่งนักเรียนที่บรรทุกน้ำหนักเกินและปล่อยให้นักเรียนขึ้นไปนั่งบนหลังคารถ ถือว่าคนขับมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท และหากนักเรียนขึ้นไปนั่งบนหลังคารถก็ไม่ควรจะออกรถเด็ดขาด” นายอุดม กล่าว
เลขานุการ รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ต้องยอมรับว่ารถรับส่งนักเรียนที่วิ่งในหมู่บ้านส่วนใหญ่สภาพรถไม่ค่อยดี แต่หากใช้มาตรการจับกุมก็จะสร้างปัญหาให้กับผู้ปกครองที่ต้องอาศัยรถเหล่านี้ส่งบุตรหลานมาโรงเรียน ซึ่งจะต้องหาทางแก้ไขต่อไปในอนาคต โดยเร็วๆ นี้กรมการขนส่งทางบกจะจัดอบรมคนขับรถรับส่งนักเรียนเพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัยทั่วประเทศ
นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการได้เชิญผู้แทนจากกรมการขนส่งทางบก กรมทางหลวง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุการจราจร สืบเนื่องจากในช่วงเดือนที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุกับรถรับส่งใน จ.ปราจีนบุรี และ จ.นครราชสีมา ส่งผลให้มีนักเรียนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ซึ่ง ศธ.มีหน้าที่ต้องดูแลนักเรียนทั้งที่อยู่ในโรงเรียนและนอกโรงเรียนด้วย
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากกรมทางหลวงว่า การสร้างถนนในประเทศไทยส่วนหนึ่งไม่มีเกาะกลางถนนเช่นเดียวกับถนนที่รถนักเรียนประสบอุบัติเหตุที่ จ.ปราจีนบุรี ก็ไม่มีเกาะกลางถนนเช่นกัน เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ และเมื่อมีเกาะกลางถนนก็จะต้องขับไปกลับรถในระยะทางที่ไกลขึ้น ซึ่งอุบัติเหตุไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะรถโรงเรียนแต่เกิดขึ้นกับรถทั่วไปด้วย โดยบริเวณเส้นทางที่รถโรงเรียนประสบอุบัติเหตุที่ จ.ปราจีนบุรี ได้นำเสาไฟฟ้าไปกั้นแทนเกาะกลางถนนไว้แล้ว อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าการสร้างถนนบริเวณหน้าโรงเรียน หน้าโรงพยาบาล หรือหน่วยงานราชการ ที่ประชาชนใช้บริการอย่างหนาแน่นควรจะมีการก่อสร้างเกาะกลางถนน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นได้
“ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาอยู่ประจำบนถนนสายหลักหน้าสถานศึกษาในช่วงเช้าและเย็นอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ และศธ.ได้แจ้งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาถึงมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนอย่างเคร่งครัด โดยให้สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ให้ใช้เกณฑ์การดูแลความปลอดภัยนักเรียนในการประเมินสถานศึกษา และให้โรงเรียนแจ้งต่อนักเรียนถึงการโดยสารรถและการขับขี่รถจักรนยานยนต์อย่างปลอดภัยด้วย ส่วนรถรับส่งนักเรียนที่บรรทุกน้ำหนักเกินและปล่อยให้นักเรียนขึ้นไปนั่งบนหลังคารถ ถือว่าคนขับมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท และหากนักเรียนขึ้นไปนั่งบนหลังคารถก็ไม่ควรจะออกรถเด็ดขาด” นายอุดม กล่าว
เลขานุการ รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ต้องยอมรับว่ารถรับส่งนักเรียนที่วิ่งในหมู่บ้านส่วนใหญ่สภาพรถไม่ค่อยดี แต่หากใช้มาตรการจับกุมก็จะสร้างปัญหาให้กับผู้ปกครองที่ต้องอาศัยรถเหล่านี้ส่งบุตรหลานมาโรงเรียน ซึ่งจะต้องหาทางแก้ไขต่อไปในอนาคต โดยเร็วๆ นี้กรมการขนส่งทางบกจะจัดอบรมคนขับรถรับส่งนักเรียนเพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัยทั่วประเทศ