“สุนทรภู่” เป็นกวีเอกของไทย ที่ฝีปากคำกลอนได้รับการยกย่องว่าไพเราะหาตัวจับยาก กวีนิพนธ์ของท่านก็มักแฝงไว้คำคม สุภาษิตที่ใช้ถ้อยคำง่ายๆ แต่มีความคมคาย และมีคติสอนใจเสมอ ดังนั้น ในโอกาสวันครบ ๒๒๐ ปีเกิด ของท่านใน วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๙ นี้ จึงอยากจะขอนำคำกลอนเกี่ยวกับความรักในมุมมองของท่านสุนทรภู่มาเสนอให้อ่านเป็นแง่คิด ดังนี้
จากเรื่อง “พระอภัยมณี”
• ในเพลงปี่ว่าสามพราหมณ์เอ๋ย ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย ถึงร้อยรสบุปผาสุมาไลย จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย
• ธรรมดามาเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง ต้องอ้อยอิ่งอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เราอุตส่าห์พยายามตามโบราณ คงเป็นการมั่นคงอย่าสงกา
• หลงอะไรจะเหมือนหลงทรงมนุษย์ ที่โศกสุดเศร้าแสนเสน่หา จนลืมตัวมัวหมองเพราะต้องตา ต้องตรึกตราตรอมจิตเพราะบิดความ
• จึงตรัสตอบขอบคุณการุญรัก ที่ถ่อมศักดิ์สารพัดไม่ขัดขวาง แม้นมั่นคงทรงฤทธิ์ไม่คิดร้าง น้องจะวางชีพถวายจนวายชนม์ แต่โบราณท่านว่าจะค้าขาย อย่ามักง่ายเงินก็ลองทองก็ฝน เกิดเป็นคนอย่าไว้แก่ใจคน ค่อยผ่อนปรนปรองดองให้ต้องความ
• เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน ครั้นรักจางห่างเหินไปเนิ่นนาน แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล
• อดอะไรจะเหมือนอดที่รสรัก อกจะหักเสียด้วยใจอาลัยหา ไม่เห็นรักหนักสิ้นในวิญญา จะเป็นบ้าเสียเพราะรักสลักทรวง
• มเหสีขี้หึงเหมือนหนึ่งเสือ จะฉีกเนื้อน้องกินเหมือนชิ้นหมู จะเจ็บช้ำคำคารมชาวชมพู เพราะชิงชู้ของเขาเอามาเชย
• อันโศกอื่นหมื่นแสนในแดนโลก มันไม่โศกลึกซึ้งเหมือนหึงผัว อันเสียทองของรักสักเท่าตัว ค่อยยังชั่วไม่เสียดายเท่าชายเชือน
• นางทูลว่าข้าน้อยนี้รูปชั่ว ก็รู้ตัวมั่นคงไม่สงสัยแต่แสนงามความรู้อยู่ในใจ เหมือนเพชรไพฑูรย์ฝ้าไม่ราคีแล้วหมายว่าฝ่าพระบาทก็มีห้าม ล้วนงามงามเคยประณตบทศรีแต่หญิงมีวิชาเช่นข้านี้ ยังไม่มีไม่เคยเลยทั้งนั้น
• ด้วยวิสัยในประเทศทุกเขตแคว้น ถึงโกรธแค้นความรักย่อมหักหายอันความจริงหญิงก็ม้วยลงด้วยชาย ชายก็ตายลงด้วยหญิงจริงดังนี้จากเรื่อง “สิงหไกรภพ”
• สวาทไหนหรือจะเปรียบสวาทมิ่ง สวาทแม่นี่ยิ่งเป็นที่สุด พี่หวังเสกเป็นเอกอนงค์นุช อนงค์ไหนมิได้สุดสวาทเรียม จากเรื่อง “นิราศภูเขาทอง”
• ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน
• โอ้สามัญผันแปรไม่แท้เที่ยง เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย นี่หรือจิตคิดหมายมีหลายใจ ที่จิตใครจะเป็นหนึ่งอย่างพึงคิด
จากเรื่อง “นิราศพระประธม”
• สารพัดตัดขาดประหลาดใจ ตัดอาลัยตัดสวาทไม่ขาดความ
• ถึงสวนหลวงหวงห้ามเหมือนความรัก เหลือจะหักจับต้องเป็นของหลวง
จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่าแนวคิดที่ท่านสุนทรภู่นำมาผูกไว้เป็นคำกลอนเหล่านี้ เป็นสัจธรรมของชีวิต เป็นคติธรรมที่แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าไปเพียงใดก็ตาม แต่หากเป็นอารมณ์ ความรู้สึกของคน โดยเฉพาะในเรื่องความรักแล้ว ดูเหมือนว่าแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
เช่นตัวอย่างในเรื่องพระอภัยมณี ที่เทียบให้เห็นความรัก ความเสน่หาของหญิงชายในหลายๆเรื่อง อาทิ การจะจีบสาว ก็บอกเป็นนัยว่าต้องใช้เทคนิค และเวลาอย่างโบราณสอน จึงจะสำเร็จสมหวัง มิใช่บุ่มบ่ามจะเอาให้ได้ดั่งใจ หลายคนอาจคิดว่าสมัยนี้ไม่เป็นเช่นนี้แล้ว เพราะหากหนุ่มไหนหล่อ มีแต่สาวๆ จะเหล่ ให้เบอร์ให้ท่า แต่จริงๆ แล้วลองถามหนุ่มๆ เหล่านี้ซิว่า เขาคิดเช่นไรกับเรา “รักจริง หวังแต่ง” หรือ “ตั้งใจฟันแล้วทิ้ง” หรือ “ได้ก็ดี ของฟรีก็น่าลอง”
นอกจากนี้ ท่านสุนทรภู่ยังนำเสนอให้เห็นข้อเท็จจริงที่ว่า เมื่อยามคนเรารักกัน อะไรๆ ก็ดูดีไปหมด แม้แต่น้ำผักต้มธรรมดาๆ ก็ยังชมว่าหวาน ครั้นรักจืดจาง น้ำตาลหวานยังว่าเปรี้ยวได้ และความเศร้าโศกเจ็บช้ำน้ำใจของหญิงนั้น ไม่มีอะไรเกินไปกว่าสามีนอกใจ แม้คนเดี๋ยวนี้จะบอกว่า “มีทองเท่าหัว เอาผัวไปเลย” ส่วนใหญ่ก็เป็นการว่าประชด เพราะน้ำใสใจจริงแล้ว คงไม่มีใครอยากถูกเลื่อนขั้นเป็น “เมียหลวง” โดยไม่เต็มใจหรือไม่รู้ตัว และพิษรักแรงหึงนั้นเป็นเรื่องที่ใครๆก็ทราบกันดีอยู่ โดยเฉพาะเมียๆ ทั้งหลายก็มักจะขี้หึง
ดังที่ท่านเทียบไว้ว่าเหมือนเสือ และที่นำเรื่องนางวาลีมาลงไว้ด้วย ที่ว่านางบอกพระอภัยมณีมีเมียมีหม่อมห้ามสวยๆเยอะแยะแล้ว แต่ยังไม่มีเมียที่มีวิชาความรู้เลย จึงควรรับนางเป็นเมียอีกคนนั้น ก็เพื่อเป็นกำลังใจว่าผู้หญิงขี้เหร่ หากมีวิชาความรู้และรู้จักใช้เป็น ก็ใช่ว่าจะต้อง “ขึ้นคาน” เสมอไป และจะว่าไปแล้ว นางวาลีตั้งใจเลือกพระอภัยมณีเป็นสามี มิใช่พระอภัยมณีเลือกนางเอง แสดงว่าผู้หญิงก็มีสิทธิ์จะเลือกได้ หากต้องการ อยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่ทำเท่านั้น และที่สุดแล้วหญิงก็ตายเพราะชาย ชายก็มักม้วยมรณ์เพราะหญิงด้วยเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อย่างที่เราเห็นเป็นข่าวทุกวันนี้
ส่วนตัวอย่างในเรื่องอื่นๆก็เช่นเดียวกัน ทำให้เราเห็นความปากหวานของชายว่า พอยามรัก ก็มักยกหญิงนั้นๆว่าให้เป็นหนึ่ง หรือความรักทำให้คนหลงมัวเมาตลอดเวลา ไม่มีสร่างเหมือนเมาเหล้า หรือจิตใจชายและหญิง ที่หวังจะให้รักเดียวใจเดียว บางทีก็ยาก และความรักเป็นสิ่งที่ตัดให้ขาดจากจิตใจยากยิ่ง อีกทั้งความรักบางครั้งก็เป็น “รักต้องห้าม” ที่ท่านเปรียบว่าเหมือนของหลวง คือ ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของได้
อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่มีความรักทั้งหลายก็ขอให้ทุกคู่สมรักสมปรารถนาเหมือนคำกลอนของท่านที่เป็นดั่งคำอธิษฐานที่ว่า “แม้ม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่ เป็นราชสีห์สิงสู่เป็นคู่สอง จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป” (พระอภัยมณี)
เรื่องโดย...อมรรัตน์ เทพกำปนาท กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ