คนกรุงเทพฯ และปริมณฑล พนันบอลเพิ่มกว่า 1 ล้านคน วงเงินสะพัดกว่า 3 พันล้าน แต่เบี้ยวจ่ายหนี้เกินครึ่ง ขณะที่ยอดซื้อหวยบนดินใต้ดินเพิ่มขึ้น แนะรัฐบาลชูนโยบายเมืองไทยใสสะอาด เน้นเศรษฐกิจพอเพียง
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ เสนอผลสำรวจเรื่อง"ความคืบหน้าสถานการณ์การเล่นทายพนันบอลและเล่นหวยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล: สภาพปัญหา สาเหตุ และแนวทางแก้ไข" ระหว่าง10-16มิ.ย.2549 จากกลุ่มประชากรเป้าหมาย คือกลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีอายุ13 ปีขึ้นไป จำนวน 6,081,390 คน
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยว่า จำนวนคนเล่นทายพนันบอลเพิ่มสูงขึ้นจาก 8.5 แสนคน ถึงกว่า 1 ล้านคนในช่วงแรกของการแข่งขัน มีวงเงินสะพัดคาดว่าเพิ่มสูงขึ้นจากกว่า2พันล้านบาท เป็น 3 พันกว่าล้านบาท
นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มคนเล่นพนันบอลจะมีการคดโกงไม่ยอมจ่ายกันประมาณร้อยละ 60 ของวงเงินพนัน ดังนั้น วงเงินที่จะหมุนเวียนจริงสำหรับการเล่นทายพนันบอลประมาณกว่า 1 พันล้านบาทเท่านั้น ที่เหลือก็จะกลายเป็นสภาพการหนีหนี้ และตามทวงหนี้ของคนในสังคมและปัญหาอื่นๆ จะตามมาอย่างแน่นอน
สำหรับสถานการณ์เล่นหวย พบว่า ประชาชนเล่นหวยใต้ดินหรือซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 56.8 ในช่วงต้นพฤษภาคม มาอยู่ที่ร้อยละ 67.4 หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 ของกลุ่มที่ถูกศึกษา
ดร.นพดล กล่าวอีกว่า นี่คือสภาพปัญหาการเล่นทายพนันบอลและเล่นหวยของคนไทยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สาเหตุสำคัญของปัญหามีอย่างน้อยสามประการคือ ประการแรกคือ ประชาชนทั่วไปจำนวนมากในสังคมยังอ่อนแอด้านจริยธรรมและคุณธรรมมากเกินกว่าจะมีพลังปฏิเสธสิ่งยั่วยุด้านอบายมุข
ประการที่สองคือ ระบบและกลไกป้องกันปราบปรามการเล่นทายพนันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ตามไม่ทันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสื่อสารที่ทันสมัยของเครือข่ายการเล่นทายพนันทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ประการที่สามคือ การถ่ายทอดสดทุกนัดการแข่งขันและการวิเคราะห์อัตราต่อรองของสื่อมวลชนกลายเป็นสิ่งยั่วยุให้ประชาชนจำนวนมากหมกมุ่นกับการเล่นทายพนันมากกว่าการชมเพื่อความบันเทิงและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทางสังคมกับคนใกล้ชิดและผู้อื่น
แนวทางแก้ไขระยะสั้นคือ
1) บิดามารดา ผู้ปกครอง คนรักใกล้ชิดต้องคอยห้ามปรามตักเตือนให้คนที่มีพฤติการณ์อาจเล่นทายพนันบอลรู้จักยับยั้งชั่งใจไม่เล่นทายพนัน
2) ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานของรัฐต้องเร่งตรวจสอบจับกุมเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกันเองก่อนเพราะกลุ่มนักพนันยืนยันชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ด้วยอย่างน้อยร้อยละ 10 ของวงเงินสดหมุนเวียนแต่ละนัด
3) เจ้าหน้าที่รัฐต้องช่วยกันทำลายเครือข่ายการเล่นทายพนันทั้งในประเทศและจุดเชื่อมโยงกับต่างประเทศ
4) กลุ่มนายทุนที่สนับสนุนการถ่ายทอดสดควรมีข้อความเตือนผู้ชมให้ยับยั้งชั่งใจและปฏิเสธการเล่นทายพนันบอล
สำหรับแนวทางแก้ไขระยะยาวคือ
1) กระทรวงศึกษาธิการควรปลูกฝังจิตสำนึกและชักนำให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมในการปฏิเสธการเล่นทายพนันทุกรูปแบบ
2) รัฐบาลควรมีนโยบายประเทศไทยใสสะอาดอย่างแท้จริง ยกเลิกการแสวงหาเงินจากการกระตุ้นให้ประชาชนเล่นทายพนันทุกประเภท
3) สร้างจิตสำนึกและเปิดช่องทางให้ประชาชนนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตอย่างแท้จริง ด้วยการส่งเสริมในนโยบายสาธารณะให้ประชาชนประกอบอาชีพด้วยความอุตสาหะ ความเพียร เก็บออม ไม่ประมาทในการใช้เงิน
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ เสนอผลสำรวจเรื่อง"ความคืบหน้าสถานการณ์การเล่นทายพนันบอลและเล่นหวยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล: สภาพปัญหา สาเหตุ และแนวทางแก้ไข" ระหว่าง10-16มิ.ย.2549 จากกลุ่มประชากรเป้าหมาย คือกลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีอายุ13 ปีขึ้นไป จำนวน 6,081,390 คน
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยว่า จำนวนคนเล่นทายพนันบอลเพิ่มสูงขึ้นจาก 8.5 แสนคน ถึงกว่า 1 ล้านคนในช่วงแรกของการแข่งขัน มีวงเงินสะพัดคาดว่าเพิ่มสูงขึ้นจากกว่า2พันล้านบาท เป็น 3 พันกว่าล้านบาท
นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มคนเล่นพนันบอลจะมีการคดโกงไม่ยอมจ่ายกันประมาณร้อยละ 60 ของวงเงินพนัน ดังนั้น วงเงินที่จะหมุนเวียนจริงสำหรับการเล่นทายพนันบอลประมาณกว่า 1 พันล้านบาทเท่านั้น ที่เหลือก็จะกลายเป็นสภาพการหนีหนี้ และตามทวงหนี้ของคนในสังคมและปัญหาอื่นๆ จะตามมาอย่างแน่นอน
สำหรับสถานการณ์เล่นหวย พบว่า ประชาชนเล่นหวยใต้ดินหรือซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 56.8 ในช่วงต้นพฤษภาคม มาอยู่ที่ร้อยละ 67.4 หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 ของกลุ่มที่ถูกศึกษา
ดร.นพดล กล่าวอีกว่า นี่คือสภาพปัญหาการเล่นทายพนันบอลและเล่นหวยของคนไทยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สาเหตุสำคัญของปัญหามีอย่างน้อยสามประการคือ ประการแรกคือ ประชาชนทั่วไปจำนวนมากในสังคมยังอ่อนแอด้านจริยธรรมและคุณธรรมมากเกินกว่าจะมีพลังปฏิเสธสิ่งยั่วยุด้านอบายมุข
ประการที่สองคือ ระบบและกลไกป้องกันปราบปรามการเล่นทายพนันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ตามไม่ทันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสื่อสารที่ทันสมัยของเครือข่ายการเล่นทายพนันทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ประการที่สามคือ การถ่ายทอดสดทุกนัดการแข่งขันและการวิเคราะห์อัตราต่อรองของสื่อมวลชนกลายเป็นสิ่งยั่วยุให้ประชาชนจำนวนมากหมกมุ่นกับการเล่นทายพนันมากกว่าการชมเพื่อความบันเทิงและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทางสังคมกับคนใกล้ชิดและผู้อื่น
แนวทางแก้ไขระยะสั้นคือ
1) บิดามารดา ผู้ปกครอง คนรักใกล้ชิดต้องคอยห้ามปรามตักเตือนให้คนที่มีพฤติการณ์อาจเล่นทายพนันบอลรู้จักยับยั้งชั่งใจไม่เล่นทายพนัน
2) ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานของรัฐต้องเร่งตรวจสอบจับกุมเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกันเองก่อนเพราะกลุ่มนักพนันยืนยันชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ด้วยอย่างน้อยร้อยละ 10 ของวงเงินสดหมุนเวียนแต่ละนัด
3) เจ้าหน้าที่รัฐต้องช่วยกันทำลายเครือข่ายการเล่นทายพนันทั้งในประเทศและจุดเชื่อมโยงกับต่างประเทศ
4) กลุ่มนายทุนที่สนับสนุนการถ่ายทอดสดควรมีข้อความเตือนผู้ชมให้ยับยั้งชั่งใจและปฏิเสธการเล่นทายพนันบอล
สำหรับแนวทางแก้ไขระยะยาวคือ
1) กระทรวงศึกษาธิการควรปลูกฝังจิตสำนึกและชักนำให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมในการปฏิเสธการเล่นทายพนันทุกรูปแบบ
2) รัฐบาลควรมีนโยบายประเทศไทยใสสะอาดอย่างแท้จริง ยกเลิกการแสวงหาเงินจากการกระตุ้นให้ประชาชนเล่นทายพนันทุกประเภท
3) สร้างจิตสำนึกและเปิดช่องทางให้ประชาชนนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตอย่างแท้จริง ด้วยการส่งเสริมในนโยบายสาธารณะให้ประชาชนประกอบอาชีพด้วยความอุตสาหะ ความเพียร เก็บออม ไม่ประมาทในการใช้เงิน