อย.ระบุวัตถุประหลาดคล้ายวุ้น หรือเยลลี่ขนาดใหญ่ที่พบในต่างจังหวัด และ กทม.เป็นแค่แผ่นเจลลดไข้ มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป เตือนระวังอย่างให้เด็กนำเข้าปาก เพราะอาจพองตัวและเกิดการอุดตันได้ ด้าน “ชิดชัย” จวกข่าวที่ออกมาทำให้คนไทยถูกมองว่าปัญญาอ่อน ชี้จะให้ สธ.หาสาเหตุว่ามีที่มาอย่างไร

ภก.มานิตย์ อรุณากูร รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ตามที่ปรากฏพบวัตถุประหลาดคล้ายวุ้น หรือเยลลี่ขนาดใหญ่ในต่างจังหวัด และ กทม.จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่วนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ขอชี้แจงว่า วัตถุประหลาดดังกล่าว คือ แผ่นเจลลดไข้ มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ทั่วไป ตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2531
มีส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นน้ำประมาณ 70% ที่เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้น และกลุ่มสารที่ทำให้เกิดการฟอร์มเจล และมีส่วนประกอบอื่นเล็กน้อย ได้แก่ สารแต่งกลิ่น เช่น เมนทอล สารแต่งสี และวัตถุกันเสีย มีสรรพคุณช่วยลดความร้อน และบรรเทาอาการไข้
“การใช้แผ่นเจลลดไข้ ควรใช้ร่วมกับยาลดไข้ด้วย เช่น ยาพาราเซตามอล ไม่ควรใช้กับเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ หากมีไข้สูงต่อเนื่องนานต้องรีบพบแพทย์ และมีข้อควรระวังในการใช้ เช่น ห้ามรับประทาน เนื่องจากสามารถจะเกิดการพองบวม และเกิดการอุดตันได้ ระวังอย่างให้เด็กนำเข้าปาก ไม่ควรใช้กับผิวหนังที่มีอาการระคายเคือง หรือมีบาดแผล หากเกิดอาการแพ้หรือผื่นคันบริเวณที่ติดแผ่นเจลให้หยุดใช้ทันที” ภก.มานิตย์ กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพบวัตถุประหลาดที่ตกลงมาจากฟ้า และพบภายหลังว่าเป็นแผ่นเจลลดไข้ ว่า ข่าวที่ออกมาทำให้คนไทยถูกมองว่าปัญญาอ่อน โดยจะให้กระทรวงสาธารณสุขไปดูและหาสาเหตุว่ามีที่มาอย่างไรต่อไป
ต่อมา ในวันเดียวกันนายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงข่าวที่ กระทรวงสาธารณสุข โดย นายพินิจ กล่าวว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้ทำการตรวจพิสูจน์วัตถุประหลาดร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก และยังเป็นการป้องกันหากวัตถุดังกล่าวอาจเป็นอันตรายกับประชาชน ผลตรวจพบว่าวัตถุดังกล่าวคือ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปสำหรับลดไข้ชนิดแผ่น ซึ่งใช้แช่เย็น แล้วนำวางบนหน้าผากเพื่อลดไข้ มีจำหน่ายตามท้องตลาดหลายยี่ห้อ มีราคาตั้งแต่กล่องละประมาณ 60-150 บาท บรรจุ 10-20 แผ่น ถึงแม้ว่าจะได้ผลในการลดไข้บ้าง แต่ไม่แนะนำให้นำมาใช้เพื่อลดไข้วิธีเดียว เนื่องจากปรกติความร้อนที่เกิดจากไข้จะปรากฎทั่วร่างกาย ดังนั้นการใช้เจลดังกล่าวจะเป็นการใช้เฉพาะที่เท่านั้น ประชาชนสามารถใช้ได้ แต่ควรใช้ในยามจำเป็น เช่น ระหว่างเดินทาง หรือใช้เวลากลางคืน เนื่องจากแผ่นเจลจะแห้ง ไม่ทำให้ผ้าห่ม เสื้อผ้าเปียกน้ำ เมื่อใช้เสร็จแล้วควรทิ้งลงในถุงพลาสติกก่อนทิ้งขยะ เพื่อไม่ให้เปียกน้ำ พองตัว ซึ่งหากแผ่นเจลนี้หลุดตกลงไปในท่อระบายน้ำ อาจทำให้ท่อน้ำอุดตันได้โดยเฉพาะเมื่อแช่ในน้ำนานๆ จึงพองตัว
ทางด้านนายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า วิธีการดูแลเพื่อลดไข้ ที่ส่งเสริมให้ปฏิบัติกันมากที่สุด และได้ผลดีกว่า ไม่สิ้นเปลืองเงินมาก เหมาะในยุคประหยัด ได้แก่ การเช็ดตัวด้วยน้ำสะอาด น้ำธรรมดาทั่วๆ ไป ร่วมกับการกินยาลดไข้ โดยเมื่อเช็ดตัวด้วยน้ำบิดผ้าให้เปียกหมาดๆ น้ำจะมีคุณสมบัติช่วยพาความร้อนระเหยออกจากร่างกาย วิธีการเช็ดจะเช็ดจากส่วนปลายอวัยวะเข้าหาหัวใจ เช่นปลายเท้า มือ เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนขับความร้อนออกจากร่างกายให้ดียิ่งขึ้น และวางตามซอกคอ รักแร้ ข้อพับ เพื่อถ่ายความร้อนออกจากผิวหนัง และใส่เสื้อบางๆ นอกจากนี้การเช็ดตัว ยังเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างแม่ลูกด้วย ส่วนยาลดไข้แนะนำให้ใช้พาราเซตามอล อาจจะกินทุก 4-6 ชั่วโมง ไม่ควรกินยาแอสไพริน เพราะอาการไข้เกิดขึ้นหลายสาเหตุ โดยเฉพาะโรคที่มีผลกระทบต่อเม็ดเลือด เช่น ไข้เลือดออก จะทำให้เลือดออกมากขึ้น เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้
ทั้งนี้อาการไข้ นับเป็นสัญญาณแสดงให้ทราบว่ามีความผิดปรกติเกิดขึ้นในร่างกาย ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ ที่พบบ่อยที่สุดคือ การอักเสบติดเชื้อต่างๆ ในร่างกาย ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส อย่างไรก็ตาม โรคที่ต้องระวังขณะนี้ ก็คือโรคไข้เลือดออก พบได้ทุกวัย หากมีไข้สูงติดต่อกัน 2 วัน กินยาลดไข้ เช็ดตัวแล้วไข้ยังไม่ลด ก็ควรพาไปพบแพทย์ เพื่อรักษาให้ทันท่วงที
ภก.มานิตย์ อรุณากูร รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ตามที่ปรากฏพบวัตถุประหลาดคล้ายวุ้น หรือเยลลี่ขนาดใหญ่ในต่างจังหวัด และ กทม.จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่วนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ขอชี้แจงว่า วัตถุประหลาดดังกล่าว คือ แผ่นเจลลดไข้ มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ทั่วไป ตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2531
มีส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นน้ำประมาณ 70% ที่เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้น และกลุ่มสารที่ทำให้เกิดการฟอร์มเจล และมีส่วนประกอบอื่นเล็กน้อย ได้แก่ สารแต่งกลิ่น เช่น เมนทอล สารแต่งสี และวัตถุกันเสีย มีสรรพคุณช่วยลดความร้อน และบรรเทาอาการไข้
“การใช้แผ่นเจลลดไข้ ควรใช้ร่วมกับยาลดไข้ด้วย เช่น ยาพาราเซตามอล ไม่ควรใช้กับเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ หากมีไข้สูงต่อเนื่องนานต้องรีบพบแพทย์ และมีข้อควรระวังในการใช้ เช่น ห้ามรับประทาน เนื่องจากสามารถจะเกิดการพองบวม และเกิดการอุดตันได้ ระวังอย่างให้เด็กนำเข้าปาก ไม่ควรใช้กับผิวหนังที่มีอาการระคายเคือง หรือมีบาดแผล หากเกิดอาการแพ้หรือผื่นคันบริเวณที่ติดแผ่นเจลให้หยุดใช้ทันที” ภก.มานิตย์ กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพบวัตถุประหลาดที่ตกลงมาจากฟ้า และพบภายหลังว่าเป็นแผ่นเจลลดไข้ ว่า ข่าวที่ออกมาทำให้คนไทยถูกมองว่าปัญญาอ่อน โดยจะให้กระทรวงสาธารณสุขไปดูและหาสาเหตุว่ามีที่มาอย่างไรต่อไป
ต่อมา ในวันเดียวกันนายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงข่าวที่ กระทรวงสาธารณสุข โดย นายพินิจ กล่าวว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้ทำการตรวจพิสูจน์วัตถุประหลาดร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก และยังเป็นการป้องกันหากวัตถุดังกล่าวอาจเป็นอันตรายกับประชาชน ผลตรวจพบว่าวัตถุดังกล่าวคือ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปสำหรับลดไข้ชนิดแผ่น ซึ่งใช้แช่เย็น แล้วนำวางบนหน้าผากเพื่อลดไข้ มีจำหน่ายตามท้องตลาดหลายยี่ห้อ มีราคาตั้งแต่กล่องละประมาณ 60-150 บาท บรรจุ 10-20 แผ่น ถึงแม้ว่าจะได้ผลในการลดไข้บ้าง แต่ไม่แนะนำให้นำมาใช้เพื่อลดไข้วิธีเดียว เนื่องจากปรกติความร้อนที่เกิดจากไข้จะปรากฎทั่วร่างกาย ดังนั้นการใช้เจลดังกล่าวจะเป็นการใช้เฉพาะที่เท่านั้น ประชาชนสามารถใช้ได้ แต่ควรใช้ในยามจำเป็น เช่น ระหว่างเดินทาง หรือใช้เวลากลางคืน เนื่องจากแผ่นเจลจะแห้ง ไม่ทำให้ผ้าห่ม เสื้อผ้าเปียกน้ำ เมื่อใช้เสร็จแล้วควรทิ้งลงในถุงพลาสติกก่อนทิ้งขยะ เพื่อไม่ให้เปียกน้ำ พองตัว ซึ่งหากแผ่นเจลนี้หลุดตกลงไปในท่อระบายน้ำ อาจทำให้ท่อน้ำอุดตันได้โดยเฉพาะเมื่อแช่ในน้ำนานๆ จึงพองตัว
ทางด้านนายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า วิธีการดูแลเพื่อลดไข้ ที่ส่งเสริมให้ปฏิบัติกันมากที่สุด และได้ผลดีกว่า ไม่สิ้นเปลืองเงินมาก เหมาะในยุคประหยัด ได้แก่ การเช็ดตัวด้วยน้ำสะอาด น้ำธรรมดาทั่วๆ ไป ร่วมกับการกินยาลดไข้ โดยเมื่อเช็ดตัวด้วยน้ำบิดผ้าให้เปียกหมาดๆ น้ำจะมีคุณสมบัติช่วยพาความร้อนระเหยออกจากร่างกาย วิธีการเช็ดจะเช็ดจากส่วนปลายอวัยวะเข้าหาหัวใจ เช่นปลายเท้า มือ เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนขับความร้อนออกจากร่างกายให้ดียิ่งขึ้น และวางตามซอกคอ รักแร้ ข้อพับ เพื่อถ่ายความร้อนออกจากผิวหนัง และใส่เสื้อบางๆ นอกจากนี้การเช็ดตัว ยังเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างแม่ลูกด้วย ส่วนยาลดไข้แนะนำให้ใช้พาราเซตามอล อาจจะกินทุก 4-6 ชั่วโมง ไม่ควรกินยาแอสไพริน เพราะอาการไข้เกิดขึ้นหลายสาเหตุ โดยเฉพาะโรคที่มีผลกระทบต่อเม็ดเลือด เช่น ไข้เลือดออก จะทำให้เลือดออกมากขึ้น เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้
ทั้งนี้อาการไข้ นับเป็นสัญญาณแสดงให้ทราบว่ามีความผิดปรกติเกิดขึ้นในร่างกาย ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ ที่พบบ่อยที่สุดคือ การอักเสบติดเชื้อต่างๆ ในร่างกาย ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส อย่างไรก็ตาม โรคที่ต้องระวังขณะนี้ ก็คือโรคไข้เลือดออก พบได้ทุกวัย หากมีไข้สูงติดต่อกัน 2 วัน กินยาลดไข้ เช็ดตัวแล้วไข้ยังไม่ลด ก็ควรพาไปพบแพทย์ เพื่อรักษาให้ทันท่วงที