xs
xsm
sm
md
lg

ไขปริศนา“จักรวาล–พระนิพพาน” ไอน์สไตน์ถาม พระพุทธเจ้าตอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กลายเป็นอัจฉริยบุคคลของโลก เมื่อผลงานของเขาได้รับการตีพิมพ์พร้อมกันถึง 5 ชิ้น และชิ้นหนึ่งที่กล่าวขานมาก คือทฤษฎีสัมพัทธภาพจำเพาะ อันมีสมการ E= mc2 ที่สร้างคุณอย่างอเนกอนันต์ พอๆ กับการสร้างโทษอย่างมหันต์

“แน่นอนในโลกวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ ไอน์สไตน์ประสบความสำเร็จ ทั้งเชื่อมั่นทฤษฎีเอกภาพของความเถรตรงคณิตศาสตร์เท่านั้นที่สามารถอธิบายและให้คำตอบแก่ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลได้ สามารถรวมความรู้ทั้งหมดของจักรวาลเข้าเป็นหนึ่งเดียว กระนั้นก็ดีไอน์สไตน์ยังสงสัยอยู่ดีว่า พระเจ้าสร้างโลกได้อย่างไร”

ศุกวรรณ พิพัฒพรรณวงศ์ กรีน นักปฏิบัติธรรม ผู้มีผลงานด้านงานเขียนธรรมและนักปฏิบัติธรรม หยิบยกเหตุที่ไอน์สไตน์ตั้งคำถามนี้ว่า ดูเหมือนเขายังไม่สามารถค้นพบคำตอบที่เขาต้องการได้ แต่เขาได้ทิ้งคำพูดที่สำคัญมากให้กับมนุษยชาติในบั้นปลายชีวิตของเขาว่า ศาสนาพุทธอาจจะเป็นศาสนาที่ให้คำตอบต่อคำถามที่เขาอยากค้นพบก็เป็นได้

ไอน์สไตน์พูดถูก ทฤษฎีเอกภาพหรือทฤษฎีสรรพสิ่งที่เขาต้องการค้นหานั้น ที่จริงพระพุทธเจ้าได้ให้คำตอบเบ็ดเสร็จแล้วก่อนหน้านั้นถึง 2,500 ปีเศษ เรียกว่าเป็น อสังขตธรรม ซึ่งมีคุณลักษณะที่สมบูรณ์ แน่นอน คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นนิจจัง เป็นอันติมะ คือไม่มีสิ่งอื่นใดที่สา มารถไปเหนือสิ่งนี้ได้อีกแล้ว สิ่งนี้เป็นพรมแดนสุดท้ายของจักรวาล คือ “พระนิพพาน” เป็นเรื่องเดียวกับที่สุดแห่งทุกข์

“พระนิพพานคือกรอบหลักการที่กว้างขวาง มีคุณลักษณะสมบูรณ์พึ่งพาได้ ฉะนั้นมนุษยชาติต้องยอมรับว่ามีปรากฏการณ์หนึ่งในธรรมชาติ อันเป็นสิ้นสุดของทุกสิ่งในจักรวาล ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ค้นพบแล้วในคืนที่ท่านตรัสรู้เมื่อกว่า 2,500 ปีก่อน”

ศุกวรรณกล่าวอีก นับแต่นั้นมาในประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาย่อมมีผู้รู้ตามพระพุทธเจ้าเสมอมา ที่สามารถออกมาประกาศย้ำต่อมวลมวลมนุษย์ว่า มีสัจธรรมอันสูงสุด หรือจุดปกติในจักรวาลอย่างแน่นอน ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันจินตนาการแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พระพุทธศาสนายืนหยัดอยู่ได้ทุกวันนี้

เมื่อพิเคราะห์ความคิดไอน์สไตน์แล้ว สัจธรรมอันสูงสุดหรือพระนิพพานนี่แหละที่เขาต้องการคำตอบ ในช่วงชีวิตแห่งการเป็นนักคิดของเขา โดยผ่านวิธีการและกลไกทางคณิตศาสตร์ อันเป็นวิธีการเข้าถึงสัจธรรมที่ผิดพลาด เพราะสัจธรรมนี้จะต้องเข้าถึงด้วยวิธีการของปัญญา ศีล สมาธิเท่านั้น หรือกล่าวให้รัดกุมขึ้น คือต้องใช้วิธีการปฏิบัติสติปัฏฐานสี่ หรือวิปัสสนาเท่านั้นจึงจะเข้าถึงสภาวะที่เป็นอันติมะนี้ได้

นักปฏิบัติธรรมท่านนี้กล่าวต่อไป ความรู้ทางโลกต้องเดินควบคู่กันกับทางธรรม จะเห็นว่างานวิจัยในวงการฟิสิกส์ โดยส่วนใหญ่มีเป้าหมายเพื่อสานต่อภารกิจของไอน์สไตน์ เพื่อแสวงหาคำตอบในปริศนาหรือทฤษฏีเอกภาพที่ไอน์สไตน์ได้ทุ่มเทชีวิตในช่วง 30 ปีสุดท้ายของเขา แต่ไม่สำเร็จ

“มั่นใจเหลือเกินว่าพระนิพพานในฐานะที่เป็นจุดปกติของจักรวาล นี่คือกรอบหลักการที่กว้างขวาง ที่สามารถคลอบคลุมเรื่องทุกเรื่องของจักรวาล ทั้งสามารถใช้เป็นพื้นฐานของทุกทฤษฎีได้ โดยความรู้ทางวิทยา ศาสตร์จำเป็นต้องเดินเคียงข้างกับความรู้เรื่องธรรม ดังที่ว่า การพายเรืออยู่ในหนองน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาล เหมือนติดคุกใหญ่ที่ไม่มีทางออก เป็นความรู้ที่มีคุณภาพเหมือนผ้าขาวสีขุ่นมัว ไม่ใส่แจ๋วเหมือนความรู้เรื่องพระนิพพาน อันเป็นความรู้เรื่องการออกจากคุกของชีวิตอย่างแท้จริง”

นักปฏิบัติธรรมท่านนี้ ได้สรุปคำพูดสำคัญที่สุดไอน์สไตน์ทิ้งให้แก่มนุษยชาติ คือการตั้งคำถามของไอน์สไตน์เรื่องจุดนิ่งของจักรวาล รวมชี้ทางไปสู่การหาคำตอบในพระพุทธศาสนา เชื่อว่าความคิดของเขาจะสา มารถสร้างความตื่นตัวในหมู่ปัญญาชน โดยเฉพาะปัญญาชนไทยกลับมาเสาะแสวงหาภูมิปัญญาของพระพุทธเจ้ามากขึ้น นั่นคือวิปัสสนา

“น่าเสียดายว่าไอน์สไตน์ไม่มีมีโอกาสได้พบอาจารย์สอนวิปัสสนาในช่วงชีวิตของเขา มิเช่นนั้นแล้วโลกนี้อาจจะมีอะไรที่ดีขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้ หากเขาได้ฝึกวิปัสสนาแล้ว อาจจะหมายความว่าคนทั่วโลกอาจจะยอมรับวิปัสสนาในฐานะที่เป็นวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถช่วยปรับสภาวะจิตใจของคนให้อยู่ในระดับปกติได้ นำไปสู่สันติภาพของโลก อันเป็นสิ่งที่เขาต้องการในตลอดชีวิตของเขา

หนังสือ ไอน์สไตน์ถาม พระพุทธเจ้าตอบ เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ที่อยู่เหนือกรอบแห่งประ เพณีและวัฒนธรรมทางศาสนาต่างๆ จึงเป็นเรื่องครอบจักรวาล เป็นเรื่องสากลที่สามารถเข้าถึงได้ด้วยเหตุผล และวิธีการทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง สำหรับท่านที่สนใจหนังสือเล่มนี้สามารถหาอ่านได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ (ศนจ.)” ศุภวรรณ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น