กระทรวงวัฒนธรรม เผย พระปรางค์สมัยรัชกาลที่ 3 ที่ “วัดพิชัยญาติ” อายุกว่า 160 ปี เอียง-ทรุด เนื่องฐานรากที่เป็นดินอ่อนยุบตัว สั่งเร่งบูรณะด่วน
วันนี้ (4 พ.ค.) นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการบูรณะปฏิสังขรณ์ ศาสนสถาน ดุรุดวาราซิกข์ วัดพิชัยญาติการาม และวัดสมญานัมบริหาร ตามโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถาน โบราณวัตถุ วัด และศาสนสถานสำคัญทุกศาสนา เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
โดย นายสุรเกียรติ์ ได้เริ่มการตรวจเยี่ยมที่ ศาสนสถานดุรุดวาราซิกข์ หรือ วัดซิกข์ ซึ่งถือว่าเป็นศาสนสถานของศาสนาซักข์แห่งแรกของประเทศไทย ปัจจุบันศาสนสถานมีสถาพเก่า ทรุดโทรม อยู่ในสภาพที่ไม่แข็งแรง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ กรมศิลปากรเข้าทำการซ่อมแซมปรับปรุงสภาพอาคาร ฝาผนัง ฝ้าเพดาน ประตู และหน้าต่าง โดยเฉพาะโดมที่เก็บคัมภีร์ ที่มีรอยแตกร้าว ทั้งนี้ จะใช้งบประมาณในการบูรณะ จำนวน 5 ล้านบาท
หลังจากนั้น ก็ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม วัดพิชัยญาติการาม ซึ่งเป็นพระอารามหลวง ชั้นโท เดิมเป็นวัดร้าง ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2384 สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) ทรงสถาปนาขึ้นใหม่ เพื่อถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เป็นวัดที่มีศิลปะผสมผสาน จากหลากชนชาติ ทั้งไทย ยุโรป มอญ โดยเฉพาะศิลปะจีน ซึ่งทำให้วัดแห่งนี้เป็นสถานที่เดียวในประเทศไทยที่มีภาพแกะสลักหินเรื่อง “สามก๊ก” ปรากฏอยู่
ในครั้งนี้สำนักงานโบราณคดี กรมศิลปากร จะทำการบูรณปฏิสังขรณ์ “กุฏิทรงช่วย” ซึ่งมีสภาพทรุดโทรม เนื่องจากสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2440 และปัจจุบันเป็นที่จำวัดของพระภิกษุ-สามเณร รวมถึงจะทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ “กุฏิสงฆ์” ที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 เป็นตึกแบบยุโรป รวมงบประมาณการบูรณะ จำนวน 16,500,000 บาท
อย่างไรก็ตาม พบว่า พระปรางค์ใหญ่ ซึ่งบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 3 อายุกว่า 160 ปี เป็นพระปรางค์ที่สร้างแบบ อยุธยา ทรุดเอียง เนื่องฐานรากที่เป็นดินอ่อนยุบตัว โดยให้กรมศิลปากรจะเร่งตรวจสอบเพื่อทำการบูรณะโดยด่วน
นอกจากนี้ นายสุรเกียรติ์ ยังได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการบูรณปฏิสังขรณ์วัดสมญานัมบริหาร ซึ่งทางวัดได้บูรณะศาลาตั้งองค์ องสรภาณมธุรสที่ปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีโครงสร้างหลังคาของพระอุโบสถที่ต้องซ่อมแซมเพิ่มเติม โดยให้เสนอรายละเอียดงบประมาณเพื่อบูรณะต่อไป และขอเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนการบูรณะโบราณสถาน โบราณวัตถุ วัด และศาสนสถานสำคัญอื่นๆ ได้ที่ กองคลังและพัสดุ กรมศิลปากร หรือบริจาคผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาราชดำเนิน บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 018-0-02371-3 โทรศัพท์ 0-2221-9197-8 และ 0-2221-7812
วันนี้ (4 พ.ค.) นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการบูรณะปฏิสังขรณ์ ศาสนสถาน ดุรุดวาราซิกข์ วัดพิชัยญาติการาม และวัดสมญานัมบริหาร ตามโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถาน โบราณวัตถุ วัด และศาสนสถานสำคัญทุกศาสนา เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
โดย นายสุรเกียรติ์ ได้เริ่มการตรวจเยี่ยมที่ ศาสนสถานดุรุดวาราซิกข์ หรือ วัดซิกข์ ซึ่งถือว่าเป็นศาสนสถานของศาสนาซักข์แห่งแรกของประเทศไทย ปัจจุบันศาสนสถานมีสถาพเก่า ทรุดโทรม อยู่ในสภาพที่ไม่แข็งแรง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ กรมศิลปากรเข้าทำการซ่อมแซมปรับปรุงสภาพอาคาร ฝาผนัง ฝ้าเพดาน ประตู และหน้าต่าง โดยเฉพาะโดมที่เก็บคัมภีร์ ที่มีรอยแตกร้าว ทั้งนี้ จะใช้งบประมาณในการบูรณะ จำนวน 5 ล้านบาท
หลังจากนั้น ก็ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม วัดพิชัยญาติการาม ซึ่งเป็นพระอารามหลวง ชั้นโท เดิมเป็นวัดร้าง ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2384 สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) ทรงสถาปนาขึ้นใหม่ เพื่อถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เป็นวัดที่มีศิลปะผสมผสาน จากหลากชนชาติ ทั้งไทย ยุโรป มอญ โดยเฉพาะศิลปะจีน ซึ่งทำให้วัดแห่งนี้เป็นสถานที่เดียวในประเทศไทยที่มีภาพแกะสลักหินเรื่อง “สามก๊ก” ปรากฏอยู่
ในครั้งนี้สำนักงานโบราณคดี กรมศิลปากร จะทำการบูรณปฏิสังขรณ์ “กุฏิทรงช่วย” ซึ่งมีสภาพทรุดโทรม เนื่องจากสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2440 และปัจจุบันเป็นที่จำวัดของพระภิกษุ-สามเณร รวมถึงจะทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ “กุฏิสงฆ์” ที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 เป็นตึกแบบยุโรป รวมงบประมาณการบูรณะ จำนวน 16,500,000 บาท
อย่างไรก็ตาม พบว่า พระปรางค์ใหญ่ ซึ่งบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 3 อายุกว่า 160 ปี เป็นพระปรางค์ที่สร้างแบบ อยุธยา ทรุดเอียง เนื่องฐานรากที่เป็นดินอ่อนยุบตัว โดยให้กรมศิลปากรจะเร่งตรวจสอบเพื่อทำการบูรณะโดยด่วน
นอกจากนี้ นายสุรเกียรติ์ ยังได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการบูรณปฏิสังขรณ์วัดสมญานัมบริหาร ซึ่งทางวัดได้บูรณะศาลาตั้งองค์ องสรภาณมธุรสที่ปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีโครงสร้างหลังคาของพระอุโบสถที่ต้องซ่อมแซมเพิ่มเติม โดยให้เสนอรายละเอียดงบประมาณเพื่อบูรณะต่อไป และขอเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนการบูรณะโบราณสถาน โบราณวัตถุ วัด และศาสนสถานสำคัญอื่นๆ ได้ที่ กองคลังและพัสดุ กรมศิลปากร หรือบริจาคผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาราชดำเนิน บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 018-0-02371-3 โทรศัพท์ 0-2221-9197-8 และ 0-2221-7812