“สุรเกียรติ์” พอใจความพร้อม และการฝึกซ้อมกระบวนเรือพระราชพิธีฉลองการครองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี รวมทั้งความคืบหน้าการซ่อมแซมอาคารสถานที่จัดนิทรรศการ และสถานที่จัดถวายพระสุธารสชา และทอดพระเนตรการแสดงกระบวนเรือพระราชพิธี ขององค์พระประมุข และตัวแทนพระประมุข เผยซ้อมใหญ่วันที่ 2 และ 6 มิ.ย.นี้ ก่อนจัดแสดงจริงในวันที่ 12 มิ.ย.
วันนี้ (21 เม.ย.) เวลา 11.30 น. นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการฝึกซ้อมกระบวนเรือพระราชพิธีงานฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เพื่อรับทราบความคืบหน้าในการฝึกซ้อม และเป็นขวัญกำลังใจให้กับกำลังพลที่เป็นฝีพาย ณ แหล่งรวมเรือวัดราชาธิวาส กทม.และติดตามความคืบหน้าการซ่อมแซมอาคารสถานที่ บริเวณหอประชุมกองทัพเรือ และอาคารราชนาวิกสภา โดยมี พล.ร.ท.ศุภกร บูรณดิลก ผู้ช่วยเสนาธิการทหารเรือ ฝ่ายกำลังพล ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดเตรียมกระบวนเรือพระราชพิธี งานฉลองสิริราชสมบัติฯ ให้การต้อนรับ
นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า จากการตรวจการซ่อมกระบวนเรือพระราชพิธี ของกองทัพเรือ ได้ฝึกฝีพายทั้งจังหวะและการเห่เรือ ซึ่งบทเห่เรือได้แต่งขึ้นมาใหม่ 3 บท ฝีพายซ้อมตามจังหวะได้อย่างดี และเท่าที่ดูปฏิทินในวันจริง คือ วันที่ 12 มิถุนายน จะเป็นวันพายเรือทวนน้ำ ซึ่งง่ายกว่าพายตามน้ำ แต่จะหนักและเหนื่อยกว่า ซึ่งกองทัพเรือต้องซักซ้อมความพร้อมความเข้มแข็ง ความแข็งแรงของฝีพายมากกว่าปกติ เพราะไม่เหมือนตอนการประชุมเอเปก ที่เป็นการพายตามน้ำ ผ่านหน้าหอประชุมกองทัพเรือใช้เวลากว่า 20 นาทีเท่านั้น แต่กรณีการพายทวนน้ำอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงขึ้นไป แต่การพายและรักษากระบวนเรือได้ง่ายกว่า
ส่วนในเรื่องสภาพอากาศนั้น เท่าที่หารือกัน ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนไม่มีปัญหาอะไร ถ้ามีฝนตกก็ไม่เป็นไร แต่กรณีที่มีพายุอาจจะต้องมีการรอให้พายุผ่านไป และการรอนั้นก็มีแผนสองเตรียมไว้ว่าการจัดเคลื่อนองค์พระประมุขที่จะเสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการพระราชกรณียกิจไปยังอาคารราชนาวิกสภา จะชะลอตรงนั้นอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่กรรมการชุดที่ตนดูแลจะไปประชุมต่อไป แต่หวังว่าจะไม่ต้องใช้แผนสอง แต่เพื่อความรอบคอบก็เตรียมเอาไว้
“ความพร้อมของกองทัพเรือ ได้ซ้อมมาตลอดไม่น่ามีอะไรเป็นห่วง โดยวันที่ 25 เม.ย.นี้จะให้เรือพระที่นั่งลง และเป็นการซ้อมที่ค่อนข้างใหญ่ แต่เป็นการซ้อมตอนกลางวัน ส่วนวันที่ 2 พ.ค.จะเป็นครั้งแรกที่มีการซ้อมตอนกลางคืน ซึ่งกรรมการทั้งชุดจะมาร่วมซ้อมด้วย โดยทำให้เหมือนจริงมากที่สุด จะนำรถไฟฟ้าที่เตรียมไว้สำหรับองค์พระประมุข 28 ประเทศ มาซ้อมว่าองค์พระประมุข หรือผู้แทนพระองค์แต่ละประเทศจะเสด็จฯจากอาคารนิทรรศการขึ้นรถไฟฟ้าข้ามสะพานไปที่อาคารราชนาวิกสภาจริง ๆ ใช้เวลาเท่าใด เผื่อเหลือเผื่อขาด ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะจะต้องไปประสานกับกระบวนเรือ เพื่อไม่ให้องค์พระประมุขรอนาน ขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ให้กระบวนเรือมาถึงก่อนองค์พระประมุขยังไปไม่ถึง” นายสุรเกียรติ์ กล่าว
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตกแต่งซ่อมแซมอาคารสถานที่ทั้งหมด ว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทุกอย่างคืบหน้าไปด้วยดี ภายในวันที่ 22 พ.ค.น่าจะแล้วเสร็จ ในเรื่องของห้องพักรับรองขององค์พระประมุข เป็นไปตามแผน ทางบริษัทที่ได้รับเลือกจากคณะอนุกรรมการที่จะดำเนินการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นนิทรรศการที่ต่างจากรัฐบาลจัดสำหรับประชาชนทั่วไป เพราะเป็นภาษาอังกฤษ และสถานที่เล็กกว่ามาก ต้องเลือกเฉพาะพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาที่สำคัญ ซึ่งมี นายอำพน เสนาณรงค์ องคมนตรี มาช่วยให้คำปรึกษาในเรื่องนี้
นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า สำหรับการเสด็จพระราชดำเนินมาและเสด็จพระราชดำเนินกลับขององค์พระประมุข จะไม่เรียงตามพยัญชนะของประเทศ แต่เรียงตามลำดับอาวุโสของปีที่ขึ้นครองราชย์ ซึ่งโดยปกติผู้อาวุโสที่สุดจะมาถึงหลังสุด และกลับก่อน คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทย เพราะทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มีพระบรมราชวินิจฉัยลงมาเมื่อวานนี้ ว่า ถึงแม้จะเรียงตามนั้นแต่เพื่อถวายพระเกียรติกับองค์พระประมุข ที่มาเป็นพระราชอาคันตุกะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินมาถึงพระองค์แรก และจะเสด็จพระราชดำเนินกลับเป็นองค์สุดท้าย ทั้งที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ในบ่ายวันที่ 12 มิ.ย.และที่หอประชุมกองทัพเรือ
ทั้งนี้ รัฐบาลมอบหมายให้กองทัพเรือจัดกระบวนเรือพระราชพิธี ในวันที่ 12 มิ.ย.ระหว่างเวลา 19.30–20.30 น.และจัดเตรียมหอประชุมกองทัพเรือ เพื่อจัดนิทรรศการพระราชกรณียกิจ 60 ปี และจัดเตรียมอาคารราชนาวิกสภา ส่วนต่อเติมเป็นสถานที่จัดถวายพระสุธารสชา และทอดพระเนตรการแสดงกระบวนเรือพระราชพิธี โดยการจัดกระบวนพระราชพิธีในครั้งนี้ กองทัพเรือกำหนดใช้เรือพระราชพิธี ทั้งหมด 52 ลำ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่ง 4 ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เรือรูปสัตว์จำนวน 12 ลำ และเรือพระราชพิธีอื่นๆ จำนวน 36 ลำ โดยใช้กำลังพล เป็นฝีพายเรือพระราชพิธี จำนวน 1,282 นาย ประชาชนที่สนใจชมกระบวนเรือพระราชพิธีในวันซ้อมใหญ่ วันที่ 2 มิ.ย.และ 6 มิ.ย.และวันจริง 12 มิ.ย.2549 สามารถรับชมได้บริเวณสถานที่สาธารณะ หรือร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท่าวาสุกรี ถึงท่าวัดอรุณราชวราราม