มูลนิธิอุรังอุตังบอร์เนียว ร่วมกับเครือข่ายองค์กรเอกชนด้านพิทักษ์สัตว์ป่าในไทย เคลื่อนไหวขอให้กรมอุทยานฯ เร่งคืนอุรังอุตังให้อินโดนีเซียโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ดีเอ็นเอ ชี้ ยิ่งรอนานอุรังอุตังต้องตายเพิ่มอีก และยังพบการนำอุรังอุตังของกลางไปแสดงที่ ไนท์ ซาฟารี เชียงใหม่ ด้วย เสนอพร้อมออกค่าใช้จ่ายให้ฝ่ายไทยทั้งหมดในการส่งคืน ยันการแยกอุรังอุตัง ว่า มาจากอินโดนีเซีย หรือมาเลเซีย ผู้เชี่ยวชาญด้านอุรังอุตังดูออกไม่ต้องถึงตรวจดีเอ็นเอ
นายเอ็ดวีน วีก ผู้แทนมูลนิธิอุรังอุตังบอร์เนียว ประจำประเทศไทย พร้อมเครือข่ายองค์กรเอกชน และเจ้าหน้าที่แต่งกายเป็นลิงอุรังอุตังเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายชวาล ทัฬหิกรณ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อเรียกร้องให้ทางการไทยเร่งส่งคืนลิงอุรังอุตังที่เหลือจำนวน 54 ตัว ที่ยึดมาได้จากสวนสัตว์ซาฟารี เวิลด์ คืนให้กับอินโดนีเซีย โดยกล่าวว่า เครือข่ายนักอนุรักษ์ลิงอุรังอุตัง เห็นว่า การรอตรวจดีเอ็นเอของอุรังอุตังว่าเป็นของมาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย จะยิ่งทำให้เสียเวลา เพราะที่ผ่านมา 2 ปีครึ่ง หลังการยึดอุรังอุตังมาได้ ทำให้ลิงที่ยึดมาตายไปแล้ว 18 ตัว
นอกจากนี้ มาเลเซียก็แสดงตัวว่าไม่เห็นความสำคัญที่จะรับลิงคืน ประกอบกับอุรังอุตังมีความแตกต่างโดยลักษณะที่สังเกตภายนอกได้อยู่แล้ว ว่า เป็นอุรังอุตังมาเลซีย หรืออินโดนีเซีย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านอุรังอุตังก็ตัดสินได้ไม่จำเป็นต้องรอพิสูจน์ดีเอ็นเอซึ่งอย่างน้อยต้องใช้เวลาถึง 10 เดือน จึงจะรู้ผล
“ถ้าเป็นอุรังอุตังของมาเลเซีย สีผิวจะเข้ม ขนตรง และแห้ง ใบหน้าสี่เหลี่ยม แต่ถ้าเป็นอุรังอุตังอินโดนีเซีย ใบหน้าจะเป็นรูปหัวใจและขนหยิก แค่ผู้เชี่ยวชาญก็ดูออกอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ดีเอ็นเอ” นายเอ็ดวีน วีก กล่าว และว่าขณะนี้ทราบมาว่า ได้มีการนำอุรังอุตังของกลางนี้ 5 ตัว ไปแสดงอยู่ที่ไนท์ ซาฟารี เชียงใหม่ หากไทยยิ่งเก็บไว้ก็ยิ่งเป็นภาระค่าเลี้ยงดูและต่อไปเมื่อกระจายสู่สวนสัตว์แห่งต่าง ๆ การส่งคืนก็ยิ่งทำยากและเหลือจำนวนน้อย
นายเอ็ดวีน วีก กล่าวอีกว่า มูลนิธิได้รับเอ็มโอยูจากรัฐบาลอินโดนีเซียให้เป็นผู้ดำเนินการประสานขออุรังอุตังคืนจากไทย เพื่อไปไว้ที่ศูนย์ช่วยเหลืออุรังอุตังคืนสู่ป่าที่บอร์เนียว ซึ่งมี 4 ศูนย์ และอยู่ในเขตอุทยาน รวมทั้งอินโดนีเซียมีกฎหมายพิเศษห้ามส่งออกอุรังอุตัง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากประธานาธิบดี จึงต้องถือว่าหากส่งคืนโดยเร็วอุรังอุตังก็จะยิ่งปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปํญหาการลักลอบค้าสัตว์ป่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องอาศัยการแก้ไขร่วมกันของหลายประเทศ
“การที่ไทยเก็บอุรังอุตังไว้ก็ยิ่งต้องรับภาระการเลี้ยงดู ซึ่งมูลนิธิก็ได้แจ้งความจำนงจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดในการส่งอุรังอุตังคืน เพียงแค่ไทยพร้อมจะส่งคืนให้” นายเอ็ดวีน วีก กล่าว และว่า ทั้งนี้ หากการตรวจดีเอ็นเอใช้เวลาแค่ 2 สัปดาห์ อย่างที่ให้ข่าวองค์กรเอกชนก็รอได้ แต่จากที่ดูเครื่องมือและความพร้อมเห็น ว่า มีไบโอเทคเท่านั้นที่ตรวจได้ และคงต้องใช้เวลาเป็น 10 เดือน
ด้าน นายชวาล กล่าวว่า ไม่เห็นความจำเป็นว่าเหตุใดจึงต้องรีบ หากลองไปเปิดดูเว็บไซต์อุรังอุตังจะเห็นว่ามีการนำอุรังอุตังไปแสดงและอุรังอุตังเป็นสินค้าด้วย เราจึงอยากทำทุกอย่างให้ดีและเป็นระบบ สิ่งที่เป็นห่วง คือ ทำอย่างไรจึงจะมั่นใจในการดูแลอุรังอุตังเมื่อส่งกลับไปแล้วจะไม่มีการลักลอบส่งกลับมาขายอีก


