“ลีน่าจัง” ร่ำไห้ บุก สธ.โวยถูก “อนุทิน” ใส่ร้ายโจมตี หาเป็นพวกอยากดัง มีวาระซ่อนเร้น ยืนยันช่วยเหลือบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยเรียกเงินจากใคร ส่วนที่ทนายน้องเต๋าไปขอแบ่ง 15% เป็นเรื่องผิดระเบียบ เคยจ่ายค่าทนายให้แล้ว 50,000 บ.แต่ทนายยังไปเอาเปรียบ แจงทำคุณบูชาโทษ
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นางลีน่า จังจรรจา ประธานมูลนิธิลีน่า จัง เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมหลังจากถูกพาดพิงจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในกรณีการช่วยเหลือ น้องเต๋า หรือ ด.ช.ชนายุทธ ปะตังถาเน ซึ่งพิการหลังจากทำฟัน โดยนางลีน่า กล่าวว่า ตนถูกนายอนุทินกล่าวพาดพิงว่าเป็นพวกอยากดัง มีวาระซ่อนเร้น เอาเด็กมาเป็นเครื่องมือต่อรอง หรือกดดัน เพราะเด็กไม่รู้เรื่องด้วย ซึ่งตนเสียใจมาก ทำไมถึงพูดจาใส่ร้ายและไม่เกียรติผู้หญิงเช่นนี้ ขอยืนยันว่า การตั้งมูลนิธิลีน่า จัง ขึ้นมาเมื่อปี 2544 ไม่เคยเรียกร้องเอาเงินทองจากใคร ค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ตน และ นพ.เทพ เวชวิสิฐ ใช้เงินส่วนตัวเอง
“กรณีน้องเต๋าที่แม่เด็กบอกว่าเซ็นสัญญาแบ่ง 15% ให้กับทนายความนั้น ทางมูลนิธิไม่รับทราบ และที่ผ่านมา ไม่เคยเรียกร้องเอาเงินทองเลย ยังช่วยจ่ายค่าทนาย 50,000 บ.ให้ด้วย จริงๆ แล้วเรื่องแบ่ง 15% ให้ทนายนั้น เป็นเรื่องผิดระเบียบ ทนายคนนี้สามารถถูกเพิกถอนใบอนุญาตได้ เพราะทำผิด เป็นเรื่องที่ทนายไปตกลงกันเอาเอง เรามารู้ทีหลัง แล้วมากล่าวหาว่ามูลนิธิหัก 15% ซึ่งไม่ใช่แล้ว ดินฉันเสียหายมาก”
นางลีน่า กล่าวต่อว่า ช่วยเหลือทุกคนที่มาขอความช่วยเหลือด้วยความบริสุทธิ์ใจ จริงใจ ควักค่าใช้จ่ายออกให้ทุกอย่าง ค่ารถ ค่าอาหาร ไม่เคยหวังอะไร รายการที่เคยทำ คือ สู้คดีสไตล์ลีน่าจัง ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ก็ดำเนินการเอง และประชาชนที่เดือดร้อนทราบ เขาก็มาขอความช่วยเหลือ ตนก็พามา ไม่นึกว่าจะถูกใส่ร้ายแบบนี้ ขอความเป็นธรรมด้วย นายอนุทินไปให้สัมภาษณ์หลายรายการ ตนเสียหายมาก
“ยอมรับว่า สติแตกเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ ท้อมาก ทำไมการที่เราช่วยเหลือคน ไม่ได้หวังเงินทองสักบาททำไมถึงถูกใส่ร้ายอย่างนี้ ใครมาหาดิฉันก็ช่วย เพราะเราพอมีความรู้ด้านกฎหมายอยู่บ้าง เสียใจมาก” นางลีน่า กล่าวทั้งน้ำตา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นางลีน่า ได้พาประชาชนที่ทางมูลนิธิลีน่า จัง ช่วยเหลือมาแถลงร่วมด้วย โดย นายวันเฉลิม นางดวงพร พรดำริ บิดา-มารดาของน้องขิม เด็กหัวโต ก็กล่าวยืนยันกับผู้สื่อข่าว ว่า นางลีน่า ช่วยเหลือจริง ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากตน ขณะที่ นางกาญจนา เกษกลาง ภรรยาของนายเสน่ห์ ซึ่งเป็นอัมพาตหลังจากผ่าตัดฝีที่หลัง ก็ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ นางลีน่า พามาร้องเรียนที่ สธ.เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ในวันนี้ตนได้รับเงินช่วยเหลือจากโรงพยาบาลชลบุรีแล้ว 500,000 บ.โดยที่เคยโทรศัพท์ไปถามนางลีน่าว่าต้องการเงินช่วยเข้ามูลนิธิหรือไม่ ซึ่งนางลีน่า บอกว่า ไม่ต้อง ให้ตนเอาเงินไปฝากธนาคารไว้และใช้จ่ายระมัดระวัง เสียใจที่นางลีน่าถูกกล่าวหาเช่นนี้ อยากขอความเป็นธรรมให้นางลีน่าด้วย
วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณี นายไชยยา และนางทิวากาล ปะตังถาเน นำเด็กชายชนายุทธ ปะตังถาเน หรือน้องเต๋า มาที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงระงับการยื่นอุทธรณ์คดี ว่า ในช่วงบ่ายวานนี้ หลังจากได้ส่งตัวน้องเต๋าเข้ารับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติแล้ว จะให้มีการยืดเวลาส่งเรื่องอุทธรณ์ออกไปก่อน และเรียกประชุมด่วนผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อหารือทางออกที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหาย โดยที่ต้องเป็นการดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบของราชการ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกัน ว่า ให้ดำเนินกระบวนการอุทธรณ์ต่อไป พร้อมกับยื่นขอให้ศาลอุทธรณ์เป็นคนกลางดำเนินการในกระบวนการไกล่เกลี่ย ประนีประนอมให้ ซึ่งวิธีการนี้เท่ากับทำให้การอุทธรณ์เป็นเพียงกระบวนการ เพื่อให้ศาลอุทธรณ์รับเรื่องเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ประนีประนอมให้กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ หากการไกล่เกลี่ย ประนีประนอมสำเร็จ ตกลงกันได้เรื่องก็จะยุติโดยไม่ต้องมีการฎีกากันต่อไปอีก ผู้เสียหายก็จะได้รับการบรรเทาความเดือดร้อนอย่างรวดเร็ว ถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงการคลัง
;
ทั้งนี้ ช่วงระหว่างรอศาลอุทธรณ์จะเชิญคู่กรณี คือ กระทรวงสาธารณสุข กับพ่อ-แม่ของน้องเต๋า ไปไกล่เกลี่ยประนีประนอมนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขจะเชิญพ่อ-แม่ของน้องเต๋ามาเจรจาประนีประนอมในเบื้องต้น เพื่อว่าอาจจะได้ข้อตกลงที่พึงพอใจ หรือเกือบได้ข้อตกลงที่พึงพอใจร่วมกัน และจะนำผลที่ได้ไปเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ประนีประนอมของศาลอุทธรณ์ ซึ่งจะทำให้กระบวนการไกล่เกลี่ยในชั้นอุทธรณ์ได้ข้อยุติเร็วขึ้น
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นางลีน่า จังจรรจา ประธานมูลนิธิลีน่า จัง เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมหลังจากถูกพาดพิงจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในกรณีการช่วยเหลือ น้องเต๋า หรือ ด.ช.ชนายุทธ ปะตังถาเน ซึ่งพิการหลังจากทำฟัน โดยนางลีน่า กล่าวว่า ตนถูกนายอนุทินกล่าวพาดพิงว่าเป็นพวกอยากดัง มีวาระซ่อนเร้น เอาเด็กมาเป็นเครื่องมือต่อรอง หรือกดดัน เพราะเด็กไม่รู้เรื่องด้วย ซึ่งตนเสียใจมาก ทำไมถึงพูดจาใส่ร้ายและไม่เกียรติผู้หญิงเช่นนี้ ขอยืนยันว่า การตั้งมูลนิธิลีน่า จัง ขึ้นมาเมื่อปี 2544 ไม่เคยเรียกร้องเอาเงินทองจากใคร ค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ตน และ นพ.เทพ เวชวิสิฐ ใช้เงินส่วนตัวเอง
“กรณีน้องเต๋าที่แม่เด็กบอกว่าเซ็นสัญญาแบ่ง 15% ให้กับทนายความนั้น ทางมูลนิธิไม่รับทราบ และที่ผ่านมา ไม่เคยเรียกร้องเอาเงินทองเลย ยังช่วยจ่ายค่าทนาย 50,000 บ.ให้ด้วย จริงๆ แล้วเรื่องแบ่ง 15% ให้ทนายนั้น เป็นเรื่องผิดระเบียบ ทนายคนนี้สามารถถูกเพิกถอนใบอนุญาตได้ เพราะทำผิด เป็นเรื่องที่ทนายไปตกลงกันเอาเอง เรามารู้ทีหลัง แล้วมากล่าวหาว่ามูลนิธิหัก 15% ซึ่งไม่ใช่แล้ว ดินฉันเสียหายมาก”
นางลีน่า กล่าวต่อว่า ช่วยเหลือทุกคนที่มาขอความช่วยเหลือด้วยความบริสุทธิ์ใจ จริงใจ ควักค่าใช้จ่ายออกให้ทุกอย่าง ค่ารถ ค่าอาหาร ไม่เคยหวังอะไร รายการที่เคยทำ คือ สู้คดีสไตล์ลีน่าจัง ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ก็ดำเนินการเอง และประชาชนที่เดือดร้อนทราบ เขาก็มาขอความช่วยเหลือ ตนก็พามา ไม่นึกว่าจะถูกใส่ร้ายแบบนี้ ขอความเป็นธรรมด้วย นายอนุทินไปให้สัมภาษณ์หลายรายการ ตนเสียหายมาก
“ยอมรับว่า สติแตกเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ ท้อมาก ทำไมการที่เราช่วยเหลือคน ไม่ได้หวังเงินทองสักบาททำไมถึงถูกใส่ร้ายอย่างนี้ ใครมาหาดิฉันก็ช่วย เพราะเราพอมีความรู้ด้านกฎหมายอยู่บ้าง เสียใจมาก” นางลีน่า กล่าวทั้งน้ำตา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นางลีน่า ได้พาประชาชนที่ทางมูลนิธิลีน่า จัง ช่วยเหลือมาแถลงร่วมด้วย โดย นายวันเฉลิม นางดวงพร พรดำริ บิดา-มารดาของน้องขิม เด็กหัวโต ก็กล่าวยืนยันกับผู้สื่อข่าว ว่า นางลีน่า ช่วยเหลือจริง ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากตน ขณะที่ นางกาญจนา เกษกลาง ภรรยาของนายเสน่ห์ ซึ่งเป็นอัมพาตหลังจากผ่าตัดฝีที่หลัง ก็ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ นางลีน่า พามาร้องเรียนที่ สธ.เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ในวันนี้ตนได้รับเงินช่วยเหลือจากโรงพยาบาลชลบุรีแล้ว 500,000 บ.โดยที่เคยโทรศัพท์ไปถามนางลีน่าว่าต้องการเงินช่วยเข้ามูลนิธิหรือไม่ ซึ่งนางลีน่า บอกว่า ไม่ต้อง ให้ตนเอาเงินไปฝากธนาคารไว้และใช้จ่ายระมัดระวัง เสียใจที่นางลีน่าถูกกล่าวหาเช่นนี้ อยากขอความเป็นธรรมให้นางลีน่าด้วย
วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณี นายไชยยา และนางทิวากาล ปะตังถาเน นำเด็กชายชนายุทธ ปะตังถาเน หรือน้องเต๋า มาที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงระงับการยื่นอุทธรณ์คดี ว่า ในช่วงบ่ายวานนี้ หลังจากได้ส่งตัวน้องเต๋าเข้ารับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติแล้ว จะให้มีการยืดเวลาส่งเรื่องอุทธรณ์ออกไปก่อน และเรียกประชุมด่วนผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อหารือทางออกที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหาย โดยที่ต้องเป็นการดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบของราชการ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกัน ว่า ให้ดำเนินกระบวนการอุทธรณ์ต่อไป พร้อมกับยื่นขอให้ศาลอุทธรณ์เป็นคนกลางดำเนินการในกระบวนการไกล่เกลี่ย ประนีประนอมให้ ซึ่งวิธีการนี้เท่ากับทำให้การอุทธรณ์เป็นเพียงกระบวนการ เพื่อให้ศาลอุทธรณ์รับเรื่องเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ประนีประนอมให้กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ หากการไกล่เกลี่ย ประนีประนอมสำเร็จ ตกลงกันได้เรื่องก็จะยุติโดยไม่ต้องมีการฎีกากันต่อไปอีก ผู้เสียหายก็จะได้รับการบรรเทาความเดือดร้อนอย่างรวดเร็ว ถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงการคลัง
;
ทั้งนี้ ช่วงระหว่างรอศาลอุทธรณ์จะเชิญคู่กรณี คือ กระทรวงสาธารณสุข กับพ่อ-แม่ของน้องเต๋า ไปไกล่เกลี่ยประนีประนอมนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขจะเชิญพ่อ-แม่ของน้องเต๋ามาเจรจาประนีประนอมในเบื้องต้น เพื่อว่าอาจจะได้ข้อตกลงที่พึงพอใจ หรือเกือบได้ข้อตกลงที่พึงพอใจร่วมกัน และจะนำผลที่ได้ไปเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ประนีประนอมของศาลอุทธรณ์ ซึ่งจะทำให้กระบวนการไกล่เกลี่ยในชั้นอุทธรณ์ได้ข้อยุติเร็วขึ้น


