อย.เผยทารก เด็ก หญิงมีครรภ์ เสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจางได้ง่ายเมื่อได้รับแนพ ทาลีนหรือลูกเหม็นจากการสูดดม สัมผัสโดยตรงหรือกินโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แนะผู้บริโภค ก่อนใช้เสื้อผ้าที่มีการใช้ลูกเหม็นป้องกันแมลงให้นำออกมาตากแดด ผึ่งลม เพื่อกำจัดกลิ่น และไอระเหยของลูกเหม็นที่ตกค้างบนเสื้อผ้าและควรซัก อีกครั้ง โดยเฉพาะเสื้อผ้าหรือผ้า ห่มของเด็กและทารกควรหลีกเลี่ยงการใช้ลูกเหม็น
ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนพทา ลีนหรือที่เรารู้จักกันว่า “ลูกเหม็น” นั้น ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในรูปของลูกเหม็นสำหรับใส่ ในตู้เสื้อผ้าเพื่อป้องกันแมลงกัด-กินเสื้อผ้าหรือใช้เพื่อดับกลิ่นในห้องน้ำ ซึ่งมีทั้งชนิดก้อน ชนิดเม็ด และชนิดผลึก ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมี แนพทาลีนเป็นส่วนประกอบมากกว่า 99 % ซึ่งแนพทาลีนนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกายเราจะได้รับจากการหายใจ หรือการ สัมผัสทางผิวหนังโดยตรงหรือผ่านทางเสื้อผ้าหรือผ้าห่มที่มีการใช้ลูกเหม็น แนพทาลีน จะ ทำให้ระคายเคืองตา จมูก คอและผิวหนัง หากเราได้รับแนพทาลีนในปริมาณมากจะส่งผลให้ เม็ดเลือดแดงถูกทำลายทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้โดยจะพบในคนที่กินลูกเหม็น
อย่างไรก็ ตามพบว่าทารก เด็ก สตรีมีครรภ์ และคนที่มีระดับเม็ดเลือดแดงต่ำหรือมีเอนไซน์บางชนิดที่ เกี่ยวข้องกับระบบหมุนเวียนโลหิตต่ำมาแต่เกิด เมื่อได้รับแนพทาลีนจะเกิดภาวะโลหิตจางได้ ง่าย
นอกจากนี้ยังพบว่าแนพทาลีนที่ตกค้างในร่างกายของแม่สามารถส่งผ่านไปยังลูกผ่านทาง รกและการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำให้ลูกที่เกิดมาจะมีภาวะโลหิตจางด้วย อาการ เบื้องต้นที่ สามารถสังเกตได้หากเกิดภาวะโลหิตจาง คือ เหนื่อยล้า ไม่อยากอาหาร และผิวหนังซีด
เลขาธิการ ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อแนพทาลีนเข้าสู่ร่างกายจะถูกกำจัดที่ตับและขับออก ทางปัสสาวะ โดยทั่วไปจะใช้เวลาในการขับออกจากร่างกายภายใน 1 ถึง 3 วัน สำหรับอาการ ผู้ที่ได้รับแนพทาลีนในปริมาณ-มาก เช่น จากการกินลูกเหม็น จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน มีเลือดออกในปัสสาวะ ผิวหนัง ซีดเหลืองและอาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น เมื่อเกิดอาการพิษจำเป็นต้องนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจากแพทย์โดยด่วน
เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานและผู้บริโภค ควรเก็บลูกเหม็นหรือก้อนดับกลิ่นให้ พ้นมือเด็ก เก็บในตู้ที่ปิดสนิทหรือในภาชนะที่ปิดสนิทเพื่อป้องกันการรั่วไหลของไอระเหยของ แนพทาลีนสู่อากาศ และก่อนใช้เสื้อผ้าหรือผ้าห่มที่มีการใช้ลูกเหม็น ให้นำไปตากแดดหรือ ผึ่งลมก่อนเพื่อกำจัดกลิ่นและไอระเหยของแนพทาลีน ที่ตกค้างบนเสื้อผ้า และควรซักอีก ครั้งก่อนที่จะใช้หรือสวมใส่ นอกจากนี้ขอให้หลีกเลี่ยงการใช้ลูกเหม็นกับ เสื้อผ้าหรือผ้าห่ม ของเด็กและทารก ลดปริมาณการใช้ก้อนดับกลิ่นโดยไม่จำเป็น
ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนพทา ลีนหรือที่เรารู้จักกันว่า “ลูกเหม็น” นั้น ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในรูปของลูกเหม็นสำหรับใส่ ในตู้เสื้อผ้าเพื่อป้องกันแมลงกัด-กินเสื้อผ้าหรือใช้เพื่อดับกลิ่นในห้องน้ำ ซึ่งมีทั้งชนิดก้อน ชนิดเม็ด และชนิดผลึก ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมี แนพทาลีนเป็นส่วนประกอบมากกว่า 99 % ซึ่งแนพทาลีนนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกายเราจะได้รับจากการหายใจ หรือการ สัมผัสทางผิวหนังโดยตรงหรือผ่านทางเสื้อผ้าหรือผ้าห่มที่มีการใช้ลูกเหม็น แนพทาลีน จะ ทำให้ระคายเคืองตา จมูก คอและผิวหนัง หากเราได้รับแนพทาลีนในปริมาณมากจะส่งผลให้ เม็ดเลือดแดงถูกทำลายทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้โดยจะพบในคนที่กินลูกเหม็น
อย่างไรก็ ตามพบว่าทารก เด็ก สตรีมีครรภ์ และคนที่มีระดับเม็ดเลือดแดงต่ำหรือมีเอนไซน์บางชนิดที่ เกี่ยวข้องกับระบบหมุนเวียนโลหิตต่ำมาแต่เกิด เมื่อได้รับแนพทาลีนจะเกิดภาวะโลหิตจางได้ ง่าย
นอกจากนี้ยังพบว่าแนพทาลีนที่ตกค้างในร่างกายของแม่สามารถส่งผ่านไปยังลูกผ่านทาง รกและการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำให้ลูกที่เกิดมาจะมีภาวะโลหิตจางด้วย อาการ เบื้องต้นที่ สามารถสังเกตได้หากเกิดภาวะโลหิตจาง คือ เหนื่อยล้า ไม่อยากอาหาร และผิวหนังซีด
เลขาธิการ ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อแนพทาลีนเข้าสู่ร่างกายจะถูกกำจัดที่ตับและขับออก ทางปัสสาวะ โดยทั่วไปจะใช้เวลาในการขับออกจากร่างกายภายใน 1 ถึง 3 วัน สำหรับอาการ ผู้ที่ได้รับแนพทาลีนในปริมาณ-มาก เช่น จากการกินลูกเหม็น จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน มีเลือดออกในปัสสาวะ ผิวหนัง ซีดเหลืองและอาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น เมื่อเกิดอาการพิษจำเป็นต้องนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจากแพทย์โดยด่วน
เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานและผู้บริโภค ควรเก็บลูกเหม็นหรือก้อนดับกลิ่นให้ พ้นมือเด็ก เก็บในตู้ที่ปิดสนิทหรือในภาชนะที่ปิดสนิทเพื่อป้องกันการรั่วไหลของไอระเหยของ แนพทาลีนสู่อากาศ และก่อนใช้เสื้อผ้าหรือผ้าห่มที่มีการใช้ลูกเหม็น ให้นำไปตากแดดหรือ ผึ่งลมก่อนเพื่อกำจัดกลิ่นและไอระเหยของแนพทาลีน ที่ตกค้างบนเสื้อผ้า และควรซักอีก ครั้งก่อนที่จะใช้หรือสวมใส่ นอกจากนี้ขอให้หลีกเลี่ยงการใช้ลูกเหม็นกับ เสื้อผ้าหรือผ้าห่ม ของเด็กและทารก ลดปริมาณการใช้ก้อนดับกลิ่นโดยไม่จำเป็น