xs
xsm
sm
md
lg

10 วิธีห่างไกลโรคไต/ รศ.นพ.ศุภกร โรจนนินทร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์...สายตรงสุขภาพกับศิริราช
คุณเชื่อหรือไม่ว่า ไต รับบทหนักในร่างกายคนเรา หากเปรียบก็คือโรงบำบัดน้ำเสียดีๆ นั่นเอง และจากการศึกษาทางระบาดวิทยา พบว่า คนไทยมีเปอร์เซ็นต์ความเป็นโรคไตสูงขึ้นตามลำดับ ปัจจุบันผู้ป่วยไตวายเรื้อรังต้องรับการรักษาโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และปลูกถ่ายไตรวมกันไม่ต่ำกว่า 15,000 ราย

ไต เป็นอวัยวะคู่ที่สำคัญต่อชีวิต อยู่บริเวณหลังช่องท้องด้านข้างใต้ต่อซี่โครงบริเวณส่วนกลางของหลัง มีรูปร่างเหมือนถั่ว ขนาดประมาณกำปั้นของตัวเอง หน้าที่หลักของไตคือการกรองของเสียในเลือดและควบคุมจำนวนน้ำ เกลือแร่และสารต่างๆ ในร่างกายให้อยู่ในภาวะสมดุล ในแต่ละวันจะมีเลือดไหลเวียนผ่านไตทั้ง 2 ข้างถึงประมาณ 230 ลิตร สามารถกรองน้ำและของเสียออกได้วันละ 2.3 ลิตร ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกขับออกมาเก็บไว้ในกระเพาะปัสสาวะ ก่อนถ่ายออกจากร่างกายเป็นน้ำปัสสาวะ

ของเสียในเลือดเกิดจากอาหารที่เรากินเข้าไป และบางส่วนจากการสลายตัวของเนื้อเยื่อในร่างกายที่เกิดจากการเผาผลาญเพื่อสร้างพลังงาน ต้องยอมรับเลยว่า ธรรมชาติสร้างไตขึ้นมาอย่างยอดเยี่ยมที่สามารถเลือกกรองเฉพาะของเสียหรือส่วนเกินของสารที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายหากสะสมไว้มากเกินไป โดยผ่านเครื่องกรองขนาดย่อยๆ กว่าล้านหน่วยที่เรียกว่า “nephrons” หากไตเกิดเสียสมรรถภาพในการกรองเลือดจากสาเหตุใดก็ตาม จะทำให้ระบบควบคุมเสียไป เกิดการคั่งของของเสียในเลือด ทำให้เกิดโรคไตวาย และเสียชีวิตในที่สุดหากไม่ได้รับการรักษาบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีไตเทียม หรือปลูกถ่ายไต

นอกจากนี้แล้ว ไตยังเป็นที่สร้างฮอร์โมนที่สำคัญต่อร่างกายอีกสามตัวคือ

1.Erythropoietin เป็นตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง
2.Renin เอาไว้ควบคุมความดันโลหิต
3.Calcitriol หรือสารไวตามินดี ไว้ควบคุมระดับแคลเซียมในกระดูก

ใครบางคนถามว่าของเสียในเลือดเกิดจากสาเหตุใด

ศ.พญ.ลีนา องอาจยุทธ นายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย และหัวหน้าสาขาวิชาวักกะวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ อธิบายว่า สาเหตุใดก็ตามที่ไปทำลายเครื่องกรองย่อยๆ ของไต หรือทำลายการไหลเวียนของเลือดผ่านไต ก็อาจทำให้ไตเสียหายได้ ถ้าซ่อมไม่ได้ หรือเป็นเรื้อรัง ไตก็จะวายในที่สุด

สาเหตุที่พบบ่อยคือ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง นิ่วในไตหรือท่อไต โรคภูมิคุ้มกันต้านตัวเอง(autoimmune diseases) โรคติดเชื้อทางไต โรคพันธุกรรมทางไต สารพิษต่อไต หรือการใช้ยาผิด เช่น กินยามากเกินปริมาณที่กำหนด ซื้อยากินเองนานๆ โดยเฉพาะยาที่เป็นพิษต่อไต ประเภทยาแก้ปวดข้อ ยาคลายกล้ามเนื้อเป็นประจำ เป็นต้น

อาการแสดงของโรคไต

จากการที่คนเรามีไต 2 ข้าง และธรรมชาติได้สร้างเครื่องกรองย่อยในไตเผื่อไว้มาก จึงทำให้ไตทำหน้าที่ได้ราบรื่น แม้จะเหลือไตที่สมบูรณ์อยู่เพียงข้างเดียวก็ตาม เราก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างสบาย แต่ถ้าเครื่องกรองเสียไปเหลือเพียง 25% ไตจะเริ่มแสดงความบกพร่องให้เห็น โดยจะปรากฏอาการให้ทราบว่า ไม่ดีแล้วนะ

อาการแสดงที่พบได้คือ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขัด ปัสสาวะสีเข้มแบบสีน้ำล้างเนื้อ บวมที่หน้า เท้า ปวดหลัง ปวดเอว เบื่ออาหาร คลื่นไส้และความดันโลหิตสูง เป็นต้น

หากตรวจปัสสาวะก็จะพบสารโปรตีน หรือสารไข่ขาวในปัสสาวะที่รั่วออกมา
ตรวจเลือดก็จะพบสารของเสียคั่ง เช่น สาร creatinine, blood urea nitrogen (BUN) ซึ่งไตไม่สามารถกรองออกมาได้ตามปกติ

หากไตเสื่อมลงไปอีก จนเหลือไม่ถึง 10-15% ก็จะเริ่มเกิดอาการไตวายระยะสุดท้าย และหากแพทย์ไม่เข้าไปช่วยเหลือโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม หรือล้างของเสียผ่านทางช่องท้องตลอดชีวิต หรือการผ่าตัดปลูกถ่ายไตแล้ว ผู้ป่วยก็มักลงเอยด้วยการเสียชีวิตในที่สุด

สถานการณ์การรักษาโรคไต ปี 2548

น่าเป็นห่วงทีเดียว เพราะจากข้อมูลของสมาคมโรคไตในปี 2548 พ.อ.นพ.ถนอม สุภาพร ประธานอนุกรรมการลงทะเบียนรักษาบำบัดทดแทนไต สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยพบว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีศูนย์รักษาโรคไตอยู่ประมาณ 350 แห่ง โดย 42% จะอยู่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดในภาคกลางเท่านั้น มีเพียง 51 แห่งที่มีบริการล้างของเสียทางช่องท้องได้ และมีเพียง 24 แห่งที่ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายไตได้

นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยโรคไตที่เข้ารับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมทั้งหมดถึง 12,614 คน ล้างทางช่องท้องถาวร 729 คน และทำการปลูกถ่ายไตจำนวน 1,542 คน เฉพาะในปี 2547 มีผู้ป่วยโรคไตวายใหม่ 7,871 รายต่อปี หรือคิดเป็น 125 รายต่อประชากรล้านคน

ตัวเลขนี้คาดว่ายังต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 3 เท่าตัว เพราส่วนมากไม่ได้รับการรักษา และต้องเสียชีวิตไปด้วยเพราะไม่มีเงินรักษา หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ โรคติดเชื้อ หากคำนวณค่าใช้จ่ายในการนี้แล้ว จะอยู่ที่คนละประมาณไม่ต่ำกว่าเดือนละ 20,000 บาทตลอดชีวิต นับเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายปีละไม่ต่ำกว่า 3,600 ล้านบาท

วันไตโลกทำอะไรกัน

คงไม่มีใครที่อยากเป็นโรคไตวายเรื้อรัง และผู้ป่วยไตวายก็คงไม่อยากถูกทอดทิ้งให้ตายเพราะไม่มีเงินค่ารักษา การป้องกันหรือการตรวจวินิจฉัยโรคไตได้ตั้งแต่เนิ่นๆ รวมทั้งการปฏิบัติตนให้รู้จักปลอดจากโรคไต โดยให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ทั้งสามารถลดงบประมาณของการรักษาลงได้อย่างมากมาย

ดังนั้น ทางองค์กรสากล สมาพันธ์มูลนิธิโรคไตนานาชาติและสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย และสำนักงานประกันหลักสุขภาพแห่งชาติจึงได้ร่วมกันกำหนดในวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือนมีนาคมทุกปี เป็นวันไตโลก โดยในวันที่ 9 มีนาคม 2549 จะเป็นวันไตโลกครั้งแรก เพื่อให้คนไทยได้ตระหนักถึงภัยของโรคไต การดูแลตนเองเพื่อปลอดจากโรคและสุขภาพดี รวมทั้งการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไตแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั่วประเทศในรูปแบบของกิจกรรมต่างๆ ทั่วประเทศ

ศ.พญ.ลีนากล่าวต่อว่า “กิจกรรมทางวิชาการนี้ จะบังเกิดผลลัพธ์อย่างคุ้มค่า หากประชากรกลุ่มเสี่ยงสามารถดูแลตัวเองได้ดี ได้รับการวินิจฉัยโรคตั้งแต่เริ่มเป็น ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและเหมาะสม จะส่งผลให้สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายลงได้ถึง 20-50% เลยทีเดียว”

10 วิธีห่างไกลโรคไต

เพื่อความไม่ประมาท รศ.นพ.ทวี ศิริวงศ์ ประธานคณะทำงานวันไตโลก ได้แนะนำวิธีดูแลตัวเองแบบง่ายๆ มาฝากกัน

1.ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
2.ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูง
3.ในกลุ่มคนที่เริ่มมีไตเสื่อม ต้องควบคุมอาหารประเภทโปรตีน เกลือและโคเลสเตอรอล
4.หยุดสูบบุหรี่
5.ห้ามใช้ยาเกินขนาด หรือยาที่มีพิษต่อไต เช่น ยาแก้ปวดข้อ คลายเส้น ฯลฯ
6.รักษาเรื่องโลหิตจางที่เกิดจากโรคไต
7.หลีกเลี่ยงอาหารประเภทถั่วในคนที่มีระดับฟอสเฟตในเลือดสูง หรือผลไม้บางชนิดในคนที่มีระดับโปแตสเซียมในเลือดสูง เช่น ขนุน ลำไย ทุเรียน
8.ป้องกันไม่ให้ทางเดินปัสสาวะติดเชื้ออักเสบบ่อยๆ
9.ใช้ยาขับปัสสาวะเท่าที่จำเป็น และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เสมอ
10.ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับร่างกายอย่างสม่ำเสมอ

อย่างที่แนะนำไปแล้ว การระวังและป้องกันแต่เนิ่นๆ ดูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด หากคุณต้องการสอบถามปัญหาโรคไตเพิ่มเติมติดต่อได้ที่pobmor_siriraj@yahoo.com

วันไตโลกเพื่อประชาชน ฟรี

เป็นอีกหนึ่งความห่วงใยที่สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยจัดกิจกรรมวันไตโลก รณรงค์ให้ประชาชนใส่ใจดูแลสุขภาพไตมากขึ้น โดยจัดร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล งานนี้มีบริการตรวจสุขภาพ การให้คำปรึกษา นิทรรศการ วิดีโอให้ความรู้ เสวนาหลากหลาย โดยมีดาราและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญร่วมพูดคุยในงาน

นอกจากนี้ ยังมีเกมลุ้นรับรางวัลมากมายและฟังดนตรี พบกันวันที่ 9 มี.ค.49 ตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น. ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า ชั้น G
กำลังโหลดความคิดเห็น