คณะผู้บริหาร กทม.ชุดใหม่คลอดแล้ว “อภิรักษ์” ตั้ง “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ขึ้นรองผู้ว่าฯ และ “อิสรา สุนทรวัฒน์” นั่งเป็นโฆษก พร้อมดึง “บรรณโศภิษฐ์” อดีตรองผู้ว่าฯ ยุคพิจิตต มาคุมฝ่ายโยธาฯ แทน “สามารถ” ที่ถูกเด้งไปเป็นที่ปรึกษา
วันนี้ (1 มี.ค.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เชิญทีมผู้บริหาร กทม.ชุดใหม่ “อภิรักษ์ 2” รวม 18 คน ประกอบด้วย รองผู้ว่าราชการ 4 คน เลขานุการผู้ว่าฯ 1 คน ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ 9 คน และผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ 4 คน ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน หลังจากทีมงานทั้งหมดได้ยื่นลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้นายอภิรักษ์ได้ปรับเปลี่ยนโยกย้ายทีมงานใหม่ให้มีความเหมาะสม และเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน
สำหรับตำแหน่งรองผู้ว่าราชการใหม่ทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ดูแลงานด้านการคลัง 2.นายวัลลภ สุวรรณดี ถูกปรับเปลี่ยนสายงานจากเดิมดูงานด้านการศึกษา ไปเป็นรองผู้ว่าฯดูแลงานด้านสาธารณสุข แทน พญ.เพ็ญศรี พิชัยสนิธ ที่ถูกโยกย้ายไปเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ 3.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จากเดิมที่เป็นโฆษก กทม.ได้ขึ้นเป็นรองผู้ว่าฯด้านการศึกษาแทน และ 4.นางบรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย อดีตรองผู้ว่าฯ สมัยนายพิจิตต รัตตกุล มานั่งเก้าอี้รองผู้ว่าฯ ด้านโยธา แทนนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ที่ถูกโยกไปเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ ส่วนนายกิตติชัย แสงทอง จากตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ มาเป็นเลขานุการผู้ว่าฯ แทน นายสุกิจ ก้องธรนินทร์ ที่ถูกโยกไปป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯเช่นกัน
นอกจากนี้ มีการดึงนางนวลพรรณ ล่ำซำ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาและนายอิสรา สุนทรวัฒน์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.เช่นกัน แต่อยู่ในฐานะโฆษก กทม.
สำหรับตำแหน่งที่ปรึกษาต่างๆ ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม คือ นายนิพนธ์ บุญภัทโร เป็นประธานที่ปรึกษา นายพรวุฒิ สารสิน นายโกวิท ธารณา นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส่วนผู้ที่ไม่อยู่ในตำแหน่ง คือ นางตรึงใจ บูรณสมภพ นายอุทัย สุดสุข และนายสุขพัฒน์ ทองเค็ง ขณะที่ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯทั้ง 4 คนยังอยู่ในตำแหน่งเดิมทั้งหมด
ส่วนสาเหตุที่ปรับให้นายพุทธิพงษ์ มาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเร็วเกินไป ขาดประสบการณ์การทำงานนั้น นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ถ้ามองในด้านบวก จะทำให้ได้มุมมองใหม่ ๆ ในด้านคุณภาพชีวิตมั่นใจว่า นายพุทธิพงษ์จะดูแลได้ดี ส่วนนางบรรณโศภิษฐ์ ได้ติดตามงานมาตั้งแต่สมัยเป็นรองผู้ว่าฯ แล้ว และเห็นว่ามีความสามารถด้านการพัฒนาเมือง มั่นใจว่าจะสามารถทำงานเข้ากับนายสามารถ ที่เป็นปรึกษาได้
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า เหตุผลในการปรับทีมผู้บริหารในครั้งนี้ เนื่องจากกทม.มีการปรับนโยบายการบริหารงานใหม่ทั้งหมดจึงต้องคัดเลือกคนที่มีความเหมาะสมเข้ามา ซึ่งตนไม่หนักใจในการเปลี่ยนครั้งนี้ โดยคนที่ได้รับมอบหมายครั้งใหม่ก็เป็นคนที่มีความสามารถ ซึ่งมีทั้งนักการเมืองและนักวิชาการที่ผ่านการเห็นชอบทั้งจากตนและจากพรรค ทั้งนี้ ตั้งใจจะให้การทำงานในอนาคตเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำโดยไม่แบ่งว่าใครเป็นใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับทีมรองผู้ว่าฯกทม.โดยเฉพาะนายสามารถเกี่ยวข้องกับการทุจริต 16 โครงการหรือไม่ นายอภิรักษ์ ตอบว่าไม่อยากพูดถึง พูดไปเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง และไม่อยากให้วนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ซึ่งเหตุผลไม่ใช่เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวมีผลกระทบโดยตรง อีกทั้งจากสถานการณ์การเมืองที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบันด้วย และสิ่งที่ตนเน้นย้ำคือ ผู้ที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าวต้องเข้ามาทำงานอย่างตั้งใจ เพราะกทม.ไม่ใช่ทางผ่านของใคร
“ผมยอมรับว่าสาเหตุการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหาร มีส่วนมาจากการเลือกตั้งด้วย เพราะปีนี้เป็นปีแห่งการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. ส.ก. ส.ข. ทำให้การสรรหาบุคคลแต่ละตำแหน่งต้องมีความเกี่ยวข้องกัน นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีคำสั่งจากพรรคแน่นอนและไม่มีการแบ่งโควต้าจากพรรคหรือโควต้าส่วนตัว เพราะได้หารือกับหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการเนื่องจากเป็นการแล้ว” นายอภิรักษ์ กล่าวและว่า กับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 เมษายน 2549 นี้ คงไม่มีปัญหาเพราะยังไม่ทราบว่าแน่นอนว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นพรรคไทยรักไทย
ด้านนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ผู้ว่าฯกกทม. มอบหมายงานดังกล่าวให้ และไม่รู้สึกท้อถอย หรือท้อใจแต่อย่างใด ตรงข้ามกลับจะตั้งใจทำงานร่วมกับผู้ว่าฯกทม.อย่างเต็มที่แม้ว่าจะถูกปรับให้เป็นที่ปรึกษาแต่ก็ยังทำงานใกล้ชิดเช่นเดิม และที่สำคัญเมื่อก้าวเข้ามาทำงานสายการเมืองก็ต้องรับได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม นอกจากนี้เรื่องการสรรหาบุคคลเข้ามาแทนตนนั้นก็เพิ่งทราบตอนที่ผู้ว่าฯกทม.เรียกประชุม ซึ่งตนอยากฝากให้รองผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ช่วยดูแลในเรื่องระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะรถไฟฟ้า รถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที เพราะเป็นโครงการที่ประชาชนอยากเห็นมากที่สุดและจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดได้
อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณทีมงานทุกคนที่ให้ความสนับสนุนมาโดยตลอด 1 ปีครึ่ง ส่วนกระแสข่าวที่ปรับตนออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.เพราะเรื่องการทุจริต 16 โครงการนั้น ตนมองว่าหากนายอภิรักษ์เห็นว่าตนผิดพลาดคงไม่แต่งตั้งให้ทำงานต่อ ทั้งนี้ สิ่งที่มั่นใจที่สุดตั้งแต่ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.มานั้นคือ ทำในสิ่งที่ถูกต้องมาตลอด และพร้อมจะกู้ชื่อเสียงกลับมาเพียงแต่ขอเวลาสักระยะ แต่ยอมรับว่าเมื่อตอนเกิดเรื่องใหม่ๆนั้นรู้สึกท้อแท้บ้างเช่นกัน แต่ขณะนี้ตั้งสติได้แล้ว ที่สำคัญไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็สามารถสร้างสรรค์งานให้ดีได้เท่ากัน
“ขณะนี้ต้องยอมรับเมื่อเดินมาบนถนนสายการเมืองต้องพร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลง เพราะเดี๋ยวนี้ถือว่าเป็นนักการเมือง และคิดว่าเวลาจะพิสูจน์ว่าผมมีเจตนาอย่างไร” นายสามารถ กล่าว
นางบรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ตนได้รับการทาบทามจากนายอภิรักษ์ให้เข้ามาดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม. ซึ่งต่อจากนี้คงขอศึกษารายละเอียดและนโยบายของกทม.ให้ถี่ถ้วนก่อน เพื่อจะได้ทำงานอย่างตรงเป้าหมาย โดยเท่าที่ทราบนโยบายหลักที่นายอภิรักษ์เน้นย้ำคือ ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนเรื่องการทุจริตใน 16 โครงการนั้น ตนไม่รู้สึกหนักใจและจะตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง
สำหรับ ดร.บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย เกิดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2495 จบการศึกษาสูงสุดปริญญาเอก Cornell University สหรัฐ เคยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.สมัย ดร.พิจิตต รัตตกุล (ปี 2539-จนครบวาระ 2543)
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า งานที่ตนได้รับมอบหมายเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต และสังคมโดยตรง ซึ่งงานแรกที่จะเริ่มดำเนินการได้แก่ งานวันสตรีสากล ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม 2549 นี้ โดยส่วนตัวไม่รู้สึกหนักใจกับตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.ที่ได้รับมอบหมายมา แต่รู้ว่างานที่ทำจะต้องมากขึ้น และหนักขึ้นกว่าการเป็นโฆษกอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนยังอ่อนประสบการณ์ที่จะมารับตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.นั้น ตนมองว่าแท้จริงแล้วตนได้ทำงานด้านการเมืองมาพอสมควร แม้ว่าเพิ่งจะจับงานกทม.แต่ก็ทราบรายละเอียดไม่น้อย
ส่วนนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2511 จบการศึกษาสูงสุดปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต สหรัฐ และปริญญาโทบริหารธุรกิจ จาก EUROPEAN UNIVERSITY ลงเล่นการเมืองครั้งแรกด้วยการสมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้ง 6 ม.ค.2544 แต่สอบตก และในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 4 วันที่ 3 มี.ค.2545 ปรากฎว่าสอบได้ โดยเฉือนชนะ นางกรรณิการ์ ธรรมเกษร จากพรรคไทยรักไทย ได้เป็น ส.ส.สมัยแรก ได้รับแต่งตั้งเป็นรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (พ.ค.2546) เป็น ส.ส.สอบตก ในการเลือกตั้ง 6 ก.พ.2548 และได้รับแต่งตั้งเป็น โฆษกกรุงเทพมหานคร สมัยผู้ว่าฯ อภิรักษ์ (14 มี.ค.2548)
อนึ่ง การปรับเปลี่ยนครั้งนี้เป็นผลมาจากกรณีทุจริต 16 โครงการ และโครงการจัดซื้อรถดับเพลิง ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ในการบริหารงาน กทม.เป็นอย่างมาก ดังนั้น นายอภิรักษ์ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่และมีการดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมทีมงาน เพื่อให้ประชาชนเห็นภาพผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความสามารถในการทำงาน
ด้านนายอิสรา สุนทรวัฒน์ โฆษกกทม.กล่าวว่า ตนได้รับการทาบทามจากนายอภิรักษ์ตั้งแต่ช่วงค่ำวานนี้ (28 ก.พ. 49) เนื่องจากนายอภิรักษ์โทรศัพท์ไปชวนให้มาร่วมงานด้วย ซึ่งงานที่ได้รับมอบหมายนั้นจะประสานโดยตรงกับสื่อมวลชน และระหว่างนี้ตนจะศึกษาข้อมูลของกทม.ให้มากที่สุด เพื่อง่ายต่อการทำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงนายอภิรักษ์ได้เชิญทีมผู้บริหารเข้ารับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน พร้อมๆกับการประชุมหารือ ภายหลังการประชุมนั้นได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากนั้นนายอภิรักษ์ได้นำคณะผู้บริหารเข้าพบคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ปลัดกทม.ในฐานะข้าราชการประจำสูงสุดของกทม. โดยคุณหญิงณฐนนทได้มอบธนบัตรใบละ 20 บาท พับเป็นรูปปลาตะเพียนโดยนำแผ่นทองคำเปลวมาติดไว้ พร้อมลงยันต์อักขระเพื่อความเป็นสิริมงคลที่คุณหญิงบอกว่าได้รับมาจากพระรูปหนึ่ง นอกจากนี้ยังมอบเหรียญพระบรมรูปเหมือน 2 มหาราช กู้แผ่นดิน ด้านหน้าเป็นพระบรมรูปเหมือนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและด้านหลังเป็นพระบรมรูปพระนเรศวรมหาราช ซึ่งต่อจากนั้นผู้ว่าฯกทม.ได้นำคณะผู้บริหารชุดใหม่เยี่ยมชมห้องทำงานรวมทั้งทักทายสื่อมวลชนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้(2มีนาคม 2549) จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กช็อป)ครั้งแรกของคณะผู้บริหารชุดใหม่ที่โรงพยาบาลกลางในเวลา 12.00 น. ด้วย