อาจารย์ด้านกฎหมายจำนวน 50 คน จาก 14 มหาวิทยาลัยดังออกแถลงการณ์ด่วนขอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 8 ท่านรีบพิจารณาตนเองหลังไม่รับวินิจฉัยคดี 28 ส.ว.
จากกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากจำนวน 8 ท่าน ลงมติไม่รับคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 27 คน ที่อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 96 ประกอบมาตรา 216 วรรคสอง ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มีการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 209 ซึ่งมีผลทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 216 (6) หรือไม่นั้น ล่าสุดบรรดาคณาจารย์ทางด้านนิติศาสตร์ของสถาบันชั้นนำของประเทศไทยจำนวน 50 คนจาก 14 สถาบันดังได้ร่วมกันออกแถลงการณฺแสดงความคิดเห็น โดยมีใจความว่า
1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้วางกฎเกณฑ์ป้องกันไม่ให้มีการใช้อำนาจหน้าที่ในทางการเมืองไปเอื้อต่อผลประโยชน์ในทางธุรกิจ โดยมาตรา ๒๐๙ วรรคหนึ่งบัญญัติว่า “รัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท...” และมาตรา 209 วรรคสองบัญญัติว่า “ห้ามมิให้รัฐมนตรีผู้นั้นกระทำการใดอันมีลักษณะเป็นการเข้าไปบริหารหรือจัดการใดๆ เกี่ยวกับหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทดังกล่าว” หากมีรัฐมนตรีคนใดละเมิดมาตรานี้ มาตรา 216 (6) บัญญัติให้เป็นความผิดถึงขนาดต้องพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี โดยรัฐธรรมนูญมาตรา 96 ประกอบมาตรา 216 วรรคสอง บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่วินิจฉัยตัดสิน และให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของแต่ละสภาเป็นผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย มาตรา 96 นี้ไม่ได้เปิดโอกาสให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องของ ส.ว. หรือของ ส.ส. หากมีจำนวนผู้เข้าชื่อร้องขอครบจำนวนหนึ่งในสิบ ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องรับคำร้องไว้พิจารณา การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับคำร้องได้มีกรณีเดียวคือ คำร้องต้องเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลหรือไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัยเท่านั้น
2. การขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอร์เรชันให้กับกองทุนเทมาเส็กของประเทศสิงคโปร์ปรากฏข้อเท็จจริงหลายประการที่ส่อไปในทางที่ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มีการกระทำที่ละเมิดต่อมาตรา 209 ไม่ว่าจะมาจากปากคำของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เอง (“พอเข้าสู่การเมืองก็ถูกโจมตีว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน พอดีมีคนสนใจอยากจะซื้อ ลูกๆ เขาก็บอกว่า พ่อขายไปเถอะ”) หรือจากปากคำของนายพานทองแท้ ชินวัตร (“การขายหุ้นครั้งนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่”) หรือจากข้อมูลที่ปรากฏมาทางหน้าหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีบริษัทแอมเพิลริชอินเวสท์เมนท์ กรณีนี้จึงมีมูลและมีสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญจึงต้องรับไว้พิจารณา ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้
3. การที่ศาลรัฐธรรมนูญปฏิเสธไม่รับคำร้องด้วยเหตุผลว่าคำร้องเคลือบคลุมไม่ชัดเจนนั้น เห็นได้ชัดเจนว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากทั้ง 8 ท่าน ไม่เข้าใจรัฐธรรมนูญ และไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของตนเอง เรื่องนี้มิใช่คดีแพ่งที่เป็นเรื่องเอกชนฟ้องร้องเอกชน ที่ศาลมีอำนาจที่จะไม่รับการฟ้องร้องได้ แต่กรณีนี้เป็นคดีมหาชน ที่ต้องใช้ระบบไต่สวน ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ส. และ ส.ว. เป็นผู้ชี้มูลให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนว่า มีรัฐมนตรีคนหนึ่งคนใดกระทำการอันเป็นการต้องห้ามที่ถึงขั้นต้องพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ การดำเนินการให้ข้อเท็จจริงปรากฏออกมาจึงเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ ส.ว. ผู้ร้อง ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนแล้ว ไม่ปรากฏว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มีการกระทำอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 209 ศาลรัฐธรรมนูญจึงจะยกคำร้องได้
ในระบอบประชาธิปไตยจำเป็นต้องมีการแบ่งแยกอำนาจ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุล โดยฝ่ายตุลาการมีหน้าที่ตรวจสอบควบคุมการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร ไม่ให้มีการละเมิดกฎหมายหรือมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ไม่ให้มีการละเมิดกติกาสูงสุดของบ้านเมือง ในขณะนี้ประเทศชาติกำลังประสบกับปัญหาที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าอาจจะนำไปสู่ความรุนแรง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 ท่านแทนที่นำความขัดแย้งมาสู่กระบวนการตามรัฐธรรมนูญ และให้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยกระบวนการยุติธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 ท่านกลับปฏิเสธการทำหน้าที่ของตน
การวินิจฉัยครั้งนี้ของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่ถูกต้อง และไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงขอเรียกร้องให้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากทั้ง ๘ ท่าน แสดงความรับผิดชอบด้วยการพิจารณาตนเอง ทั้งนี้เพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักการปกครองโดยกฎหมาย และความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
สำหรับรายชื่อคณาจารย์นิติศาสตร์จำนวน 50 ท่านจาก 14 สถาบันดัง
ที่ร่วมลงชื่อเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 8 ท่านพิจารณาตนเอง ประกอบด้วย
1. กรกฎ ทองขะโชค อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
2. กรรภิรมย์ โกมลารชุน อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
3. กิตติ ชยางคกุล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย
4. กฤฏิฎีกา ทองเพ็ชร อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
5. กฤษณะ ชิณฉัตร อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
6. ขรรค์เพชร ชายทวีป อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
7.คมสัน โพธิ์คง อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
8. จริยาวดี มิตรสูงเนิน อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
9. จันทจิรา เอี่ยมมยุรา อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
10. จันทร์เพ็ญ หงษ์มาลัย อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย
11. จรัส วีสุวรรณ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
12. เจษฎ์ โทณะวณิก อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม
13. จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
14. จุมพล แดงสกุล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
15. ชัช วงศ์สิงห์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
16. ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
17. นิติลักษณ์ แก้วจันดี อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
18. นฤตย์ หม็องพร้า อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
19. นเรศร์ เกษะประกร อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
20. นัทมน คงเจริญ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
21. บรรเจิด สิงคะเนติ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
22. บุญชู ณ ป้อมเพ็ชร อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
23. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
24. ปราชญา อ่อนนาค อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
25. ผจญ คงเมือง อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
26. พิมล จงวรานนท์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย
27. พิรุณา ติงศภัทิย์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
28. ไพสิฐ พาณิชย์กุล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
29. มณิสรา จุลสมัย อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
30. ยศศักดิ์ โกโศยกานนท์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
31. วีรวัฒน์ จันทโชติ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
32. วนิดา แสงสาระพันธ์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
33. ศรุต จุ๋ยมณี อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
34. ศักดิ์ชาย จินะวงศ์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
35. ศักดิ์ณรงค์ มงคล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย
36. ศิริญญา สมจริง อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
37. ศาสตรา โตอ่อน อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
38. สถาพร สระมาลีย์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
39. สหธน รัตนไพจิตร อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
40. สมเกียรติ วรปัญญาอนันต์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
41. สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
42. สมบัติ วอทอง อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
43. สมยศ เชื้อไทย อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
44. สุทธิชัย งามชื่นสุวรรณ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
45. สุปรียา แก้วละเอียด อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
46. สุรวุธ จิตกุศล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
47. แสวง บุญเฉลิมวิภาส อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
48. สาวตรี สุขศรี อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
49. อภินันท์ ศรีศิริ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
50. อิทธิพล ปรีดิประสงค์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย
จากกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากจำนวน 8 ท่าน ลงมติไม่รับคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 27 คน ที่อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 96 ประกอบมาตรา 216 วรรคสอง ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มีการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 209 ซึ่งมีผลทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 216 (6) หรือไม่นั้น ล่าสุดบรรดาคณาจารย์ทางด้านนิติศาสตร์ของสถาบันชั้นนำของประเทศไทยจำนวน 50 คนจาก 14 สถาบันดังได้ร่วมกันออกแถลงการณฺแสดงความคิดเห็น โดยมีใจความว่า
1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้วางกฎเกณฑ์ป้องกันไม่ให้มีการใช้อำนาจหน้าที่ในทางการเมืองไปเอื้อต่อผลประโยชน์ในทางธุรกิจ โดยมาตรา ๒๐๙ วรรคหนึ่งบัญญัติว่า “รัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท...” และมาตรา 209 วรรคสองบัญญัติว่า “ห้ามมิให้รัฐมนตรีผู้นั้นกระทำการใดอันมีลักษณะเป็นการเข้าไปบริหารหรือจัดการใดๆ เกี่ยวกับหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทดังกล่าว” หากมีรัฐมนตรีคนใดละเมิดมาตรานี้ มาตรา 216 (6) บัญญัติให้เป็นความผิดถึงขนาดต้องพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี โดยรัฐธรรมนูญมาตรา 96 ประกอบมาตรา 216 วรรคสอง บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่วินิจฉัยตัดสิน และให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของแต่ละสภาเป็นผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย มาตรา 96 นี้ไม่ได้เปิดโอกาสให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องของ ส.ว. หรือของ ส.ส. หากมีจำนวนผู้เข้าชื่อร้องขอครบจำนวนหนึ่งในสิบ ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องรับคำร้องไว้พิจารณา การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับคำร้องได้มีกรณีเดียวคือ คำร้องต้องเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลหรือไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัยเท่านั้น
2. การขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอร์เรชันให้กับกองทุนเทมาเส็กของประเทศสิงคโปร์ปรากฏข้อเท็จจริงหลายประการที่ส่อไปในทางที่ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มีการกระทำที่ละเมิดต่อมาตรา 209 ไม่ว่าจะมาจากปากคำของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เอง (“พอเข้าสู่การเมืองก็ถูกโจมตีว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน พอดีมีคนสนใจอยากจะซื้อ ลูกๆ เขาก็บอกว่า พ่อขายไปเถอะ”) หรือจากปากคำของนายพานทองแท้ ชินวัตร (“การขายหุ้นครั้งนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่”) หรือจากข้อมูลที่ปรากฏมาทางหน้าหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีบริษัทแอมเพิลริชอินเวสท์เมนท์ กรณีนี้จึงมีมูลและมีสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญจึงต้องรับไว้พิจารณา ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้
3. การที่ศาลรัฐธรรมนูญปฏิเสธไม่รับคำร้องด้วยเหตุผลว่าคำร้องเคลือบคลุมไม่ชัดเจนนั้น เห็นได้ชัดเจนว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากทั้ง 8 ท่าน ไม่เข้าใจรัฐธรรมนูญ และไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของตนเอง เรื่องนี้มิใช่คดีแพ่งที่เป็นเรื่องเอกชนฟ้องร้องเอกชน ที่ศาลมีอำนาจที่จะไม่รับการฟ้องร้องได้ แต่กรณีนี้เป็นคดีมหาชน ที่ต้องใช้ระบบไต่สวน ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ส. และ ส.ว. เป็นผู้ชี้มูลให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนว่า มีรัฐมนตรีคนหนึ่งคนใดกระทำการอันเป็นการต้องห้ามที่ถึงขั้นต้องพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ การดำเนินการให้ข้อเท็จจริงปรากฏออกมาจึงเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ ส.ว. ผู้ร้อง ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนแล้ว ไม่ปรากฏว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มีการกระทำอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 209 ศาลรัฐธรรมนูญจึงจะยกคำร้องได้
ในระบอบประชาธิปไตยจำเป็นต้องมีการแบ่งแยกอำนาจ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุล โดยฝ่ายตุลาการมีหน้าที่ตรวจสอบควบคุมการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร ไม่ให้มีการละเมิดกฎหมายหรือมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ไม่ให้มีการละเมิดกติกาสูงสุดของบ้านเมือง ในขณะนี้ประเทศชาติกำลังประสบกับปัญหาที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าอาจจะนำไปสู่ความรุนแรง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 ท่านแทนที่นำความขัดแย้งมาสู่กระบวนการตามรัฐธรรมนูญ และให้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยกระบวนการยุติธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 ท่านกลับปฏิเสธการทำหน้าที่ของตน
การวินิจฉัยครั้งนี้ของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่ถูกต้อง และไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงขอเรียกร้องให้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากทั้ง ๘ ท่าน แสดงความรับผิดชอบด้วยการพิจารณาตนเอง ทั้งนี้เพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักการปกครองโดยกฎหมาย และความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
สำหรับรายชื่อคณาจารย์นิติศาสตร์จำนวน 50 ท่านจาก 14 สถาบันดัง
ที่ร่วมลงชื่อเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 8 ท่านพิจารณาตนเอง ประกอบด้วย
1. กรกฎ ทองขะโชค อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
2. กรรภิรมย์ โกมลารชุน อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
3. กิตติ ชยางคกุล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย
4. กฤฏิฎีกา ทองเพ็ชร อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
5. กฤษณะ ชิณฉัตร อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
6. ขรรค์เพชร ชายทวีป อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
7.คมสัน โพธิ์คง อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
8. จริยาวดี มิตรสูงเนิน อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
9. จันทจิรา เอี่ยมมยุรา อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
10. จันทร์เพ็ญ หงษ์มาลัย อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย
11. จรัส วีสุวรรณ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
12. เจษฎ์ โทณะวณิก อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม
13. จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
14. จุมพล แดงสกุล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
15. ชัช วงศ์สิงห์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
16. ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
17. นิติลักษณ์ แก้วจันดี อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
18. นฤตย์ หม็องพร้า อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
19. นเรศร์ เกษะประกร อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
20. นัทมน คงเจริญ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
21. บรรเจิด สิงคะเนติ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
22. บุญชู ณ ป้อมเพ็ชร อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
23. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
24. ปราชญา อ่อนนาค อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
25. ผจญ คงเมือง อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
26. พิมล จงวรานนท์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย
27. พิรุณา ติงศภัทิย์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
28. ไพสิฐ พาณิชย์กุล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
29. มณิสรา จุลสมัย อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
30. ยศศักดิ์ โกโศยกานนท์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
31. วีรวัฒน์ จันทโชติ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
32. วนิดา แสงสาระพันธ์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
33. ศรุต จุ๋ยมณี อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
34. ศักดิ์ชาย จินะวงศ์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
35. ศักดิ์ณรงค์ มงคล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย
36. ศิริญญา สมจริง อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
37. ศาสตรา โตอ่อน อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
38. สถาพร สระมาลีย์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
39. สหธน รัตนไพจิตร อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
40. สมเกียรติ วรปัญญาอนันต์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
41. สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
42. สมบัติ วอทอง อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
43. สมยศ เชื้อไทย อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
44. สุทธิชัย งามชื่นสุวรรณ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
45. สุปรียา แก้วละเอียด อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
46. สุรวุธ จิตกุศล อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
47. แสวง บุญเฉลิมวิภาส อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
48. สาวตรี สุขศรี อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
49. อภินันท์ ศรีศิริ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
50. อิทธิพล ปรีดิประสงค์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย