หลายครั้งหลายคราวที่นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ออกมากล่าวอ้างหลักธรรมชั้นสูงในการดูหมิ่นถิ่นแคลนความรู้ผู้อื่น โดยเฉพาะล่าสุดได้ออกมาสั่งสอนพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ด้วยศัพท์ธรรมะชั้นสูงอย่าง ‘ตถตา ความเป็นเช่นนั้นเอง’ ทันทีทันใดภายหลังพล.ต.จำลองประกาศตัวร่วมชุมนุมขับไล่นายกฯ กับเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้

ทว่า สังคมยังเคลือบแคลงใจในความรู้จริง ความหมายแท้จริงของหลักธรรมที่นายกฯ ต้องการสื่อสารสู่สาธารณชน ด้วยการกระทำทั้งทางวจีกรรม พฤติกรรม มโนกรรมของนายกฯ ล้วนเดินสวนทางกับหลักพุทธศาสนาแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการพูดจากลับกลอก ความบกพร่องทางจริยธรรมในฐานะผู้นำประเทศ มิพักจะเอ่ยถึงความไม่เข้าใจในภาวะเกิดขึ้น ดำรงอยู่ เปลี่ยนแปลง และดับไป
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) แสดงธรรมว่า ความหมายแท้จริงของตถตา คือ มันเป็นอย่างนั้นเอง หรือ มันเป็นเช่นนั้นเอง ท่านชี้ให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามหลักธรรมหรือหลักของธรรมทาส ที่มีวงจรของมันเอง เกิดขึ้น ดำรงอยู่ และเปลี่ยนแปลง ส่วนอีกความหมายหนึ่งคือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา (ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้)
อีกอย่างหนึ่ง คือ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีความจริงในตัวของมันเอง เมื่อไรที่ค้นพบตัวตนหรือธาตุแท้นั้น ก็จะเข้าใจเองว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง เช่น สิ่งใดมีเกิด สิ่งนั้นย่อมมีดับเป็นธรรมดา คนที่ขึ้นสูงได้ คนนั้นก็ลงสู่ที่ต่ำได้เป็นธรรมดา คนที่เกิดก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา คนที่รักกันก็ย่อมมีหน่ายแหนงเป็นธรรมดา คนที่เคยเป็นมิตรก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงไปเป็นศัตรูได้เป็นธรรมดา
“ถ้าเราเข้าใจธาตุแท้ของทุกสิ่งทุกอย่างอย่างแจ่มแจ้ง หรือที่มันเป็นของมันเอง หรือไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้เป็น เราก็จะค้นพบว่าสรรพสิ่งมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง”

ว. วชิรเมธี ยังกล่าวถึงหลักธรรมกรณีที่นายกฯ ออกมากล่าวถึงพล.ต.จำลอง ว่าเป็นการเอาธรรมะชั้นสูงมากระแหนะกระแหนคนที่ไม่เห็นด้วยทางการเมือง ทำนองว่า ผมรู้ธาตุแท้คุณนะ คุณไปทำงานกับใครก็ขัดแย้ง ในที่สุดคุณก็ต้องออกมา แสดงให้เห็นว่านายกฯ เข้าใจธรรมะชั้นสูงในโลกทรรศน์แบบชาวโลก เป็นการนำธรรมชั้นสูงมาใส่ความหมายใหม่ ด้วยวิธีคิดของคนที่เวียนว่ายอยู่ในโลก เป็นการใช้ศัพท์ธรรมะที่ไม่ตรงตามความหมายแท้จริงแต่อย่างใด
“ตถตา ความหมายแท้จริงลึกซึ้งมาก เป็นชื่อของภาวะพระนิพพานที่สูงมาก ไม่ได้เกิดขึ้น ไม่มีใครสร้าง ปรุงแต่ง เป็นหลักธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว เป็นของมันเอง เปรียบให้เข้าใจง่ายๆ ก็เหมือนการค้นพบทวีปอเมริกาของโคลัมบัส ไม่ว่าเขาจะค้นพบหรือไม่ อเมริกาก็มีอยู่เช่นนั้นเอง” ว.วิชรเมธี ไขธรรมะข้อข้องใจ พร้อมขยายความเพิ่มเติมว่า การที่นายกฯ ชอบนำหลักธรรมทางศาสนามาอ้างอย่างไม่เข้าใจความหมายแท้จริงย่อมก่อให้เกิดความงมงายทางปัญญาแก่สังคมส่วนรวมได้ เป็นการเผยแพร่ธรรมะที่ไม่ถูกต้อง
“คนที่จะพูดหลักธรรม โดยเฉพาะธรรมชั้นสูงได้นั้น จะต้องกระทำมากกว่าพูด คนที่พูดธรรมะโดยไม่รู้ ยิ่งฟ้องตัวตนของตัวเอง ยิ่งพูดธรรม ยิ่งสะท้อนความไม่มีธรรมในตัวเอง เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจว่า วันหนึ่งได้รับความนิยมมาก ก็ย่อมไม่ได้รับความนิยมได้”

ด้านส.ศิวรักษ์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า มีคำของฝรั่งที่ว่า ‘The Devil can’t code the Bible’ ผู้จะพูดหลักธรรม ‘ตถตา ความเป็นเช่นนั้นเอง’ ได้นั้น จะต้องเป็นผู้เข้าใจธรรม ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ไม่เอาเปรียบตัวเอง นายกฯ เป็นผู้ที่เอาเปรียบตัวเอง ด้วยเห็นว่าเงินสำคัญกว่าเกียรติยศ ชื่อเสียง คุณธรรม ศีลธรรม ด้วย ตถตา ในความหมายแท้จริง คือเป็นไปตามสภาพของธรรมชาติ ที่สอดคล้องต้องกัน
“ผู้ที่จะเข้าใจหลักธรรมนี้ได้ต้องเคารพตัวเอง ต้องกลัวเกรงต่อบาป มีหิริโอตัปปะ ต้องไม่โกหก หลอกลวงตัวเอง” ส.ศิวรักษ์กล่าว พร้อมเน้นว่า ที่นายกฯ ชอบเอาธรรมชั้นสูงมาอ้างนั้น ก็เพื่อต้องการสร้างภาพตัวเองว่าเป็นคนฝักใฝ่ในศาสนา ทั้งๆ ที่ความจริง ไม่มีความเข้าใจหลักธรรมแต่อย่างใด
ทุกวันนี้แม้นายกฯ จะยังพูดหลักธรรมบ่อยๆ โกหกตัวเองบ่อยๆ แต่การหวังจะโกหกประชาชนให้หลงเชื่อดังเมื่อก่อน ไม่ค่อยได้ผลแล้ว ประชาชนรู้มากขึ้นแล้วว่าตัวตนแท้จริงของนายกฯ เป็นอย่างไร ประชาชนเริ่มรู้แล้วว่าการกระทำของนายกฯ กับหลักธรรมที่นำมาอ้างนั้นล้วนสวนทางกัน ทำนอง ‘มือถือสากปากถือศีล’ เพียงแต่ว่า สิ่งที่นายกฯ ถือนั้นอันตรายเลวร้ายกว่าสากมากมายนัก
ทว่า สังคมยังเคลือบแคลงใจในความรู้จริง ความหมายแท้จริงของหลักธรรมที่นายกฯ ต้องการสื่อสารสู่สาธารณชน ด้วยการกระทำทั้งทางวจีกรรม พฤติกรรม มโนกรรมของนายกฯ ล้วนเดินสวนทางกับหลักพุทธศาสนาแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการพูดจากลับกลอก ความบกพร่องทางจริยธรรมในฐานะผู้นำประเทศ มิพักจะเอ่ยถึงความไม่เข้าใจในภาวะเกิดขึ้น ดำรงอยู่ เปลี่ยนแปลง และดับไป
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) แสดงธรรมว่า ความหมายแท้จริงของตถตา คือ มันเป็นอย่างนั้นเอง หรือ มันเป็นเช่นนั้นเอง ท่านชี้ให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามหลักธรรมหรือหลักของธรรมทาส ที่มีวงจรของมันเอง เกิดขึ้น ดำรงอยู่ และเปลี่ยนแปลง ส่วนอีกความหมายหนึ่งคือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา (ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้)
อีกอย่างหนึ่ง คือ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีความจริงในตัวของมันเอง เมื่อไรที่ค้นพบตัวตนหรือธาตุแท้นั้น ก็จะเข้าใจเองว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง เช่น สิ่งใดมีเกิด สิ่งนั้นย่อมมีดับเป็นธรรมดา คนที่ขึ้นสูงได้ คนนั้นก็ลงสู่ที่ต่ำได้เป็นธรรมดา คนที่เกิดก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา คนที่รักกันก็ย่อมมีหน่ายแหนงเป็นธรรมดา คนที่เคยเป็นมิตรก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงไปเป็นศัตรูได้เป็นธรรมดา
“ถ้าเราเข้าใจธาตุแท้ของทุกสิ่งทุกอย่างอย่างแจ่มแจ้ง หรือที่มันเป็นของมันเอง หรือไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้เป็น เราก็จะค้นพบว่าสรรพสิ่งมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง”
ว. วชิรเมธี ยังกล่าวถึงหลักธรรมกรณีที่นายกฯ ออกมากล่าวถึงพล.ต.จำลอง ว่าเป็นการเอาธรรมะชั้นสูงมากระแหนะกระแหนคนที่ไม่เห็นด้วยทางการเมือง ทำนองว่า ผมรู้ธาตุแท้คุณนะ คุณไปทำงานกับใครก็ขัดแย้ง ในที่สุดคุณก็ต้องออกมา แสดงให้เห็นว่านายกฯ เข้าใจธรรมะชั้นสูงในโลกทรรศน์แบบชาวโลก เป็นการนำธรรมชั้นสูงมาใส่ความหมายใหม่ ด้วยวิธีคิดของคนที่เวียนว่ายอยู่ในโลก เป็นการใช้ศัพท์ธรรมะที่ไม่ตรงตามความหมายแท้จริงแต่อย่างใด
“ตถตา ความหมายแท้จริงลึกซึ้งมาก เป็นชื่อของภาวะพระนิพพานที่สูงมาก ไม่ได้เกิดขึ้น ไม่มีใครสร้าง ปรุงแต่ง เป็นหลักธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว เป็นของมันเอง เปรียบให้เข้าใจง่ายๆ ก็เหมือนการค้นพบทวีปอเมริกาของโคลัมบัส ไม่ว่าเขาจะค้นพบหรือไม่ อเมริกาก็มีอยู่เช่นนั้นเอง” ว.วิชรเมธี ไขธรรมะข้อข้องใจ พร้อมขยายความเพิ่มเติมว่า การที่นายกฯ ชอบนำหลักธรรมทางศาสนามาอ้างอย่างไม่เข้าใจความหมายแท้จริงย่อมก่อให้เกิดความงมงายทางปัญญาแก่สังคมส่วนรวมได้ เป็นการเผยแพร่ธรรมะที่ไม่ถูกต้อง
“คนที่จะพูดหลักธรรม โดยเฉพาะธรรมชั้นสูงได้นั้น จะต้องกระทำมากกว่าพูด คนที่พูดธรรมะโดยไม่รู้ ยิ่งฟ้องตัวตนของตัวเอง ยิ่งพูดธรรม ยิ่งสะท้อนความไม่มีธรรมในตัวเอง เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจว่า วันหนึ่งได้รับความนิยมมาก ก็ย่อมไม่ได้รับความนิยมได้”
ด้านส.ศิวรักษ์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า มีคำของฝรั่งที่ว่า ‘The Devil can’t code the Bible’ ผู้จะพูดหลักธรรม ‘ตถตา ความเป็นเช่นนั้นเอง’ ได้นั้น จะต้องเป็นผู้เข้าใจธรรม ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ไม่เอาเปรียบตัวเอง นายกฯ เป็นผู้ที่เอาเปรียบตัวเอง ด้วยเห็นว่าเงินสำคัญกว่าเกียรติยศ ชื่อเสียง คุณธรรม ศีลธรรม ด้วย ตถตา ในความหมายแท้จริง คือเป็นไปตามสภาพของธรรมชาติ ที่สอดคล้องต้องกัน
“ผู้ที่จะเข้าใจหลักธรรมนี้ได้ต้องเคารพตัวเอง ต้องกลัวเกรงต่อบาป มีหิริโอตัปปะ ต้องไม่โกหก หลอกลวงตัวเอง” ส.ศิวรักษ์กล่าว พร้อมเน้นว่า ที่นายกฯ ชอบเอาธรรมชั้นสูงมาอ้างนั้น ก็เพื่อต้องการสร้างภาพตัวเองว่าเป็นคนฝักใฝ่ในศาสนา ทั้งๆ ที่ความจริง ไม่มีความเข้าใจหลักธรรมแต่อย่างใด
ทุกวันนี้แม้นายกฯ จะยังพูดหลักธรรมบ่อยๆ โกหกตัวเองบ่อยๆ แต่การหวังจะโกหกประชาชนให้หลงเชื่อดังเมื่อก่อน ไม่ค่อยได้ผลแล้ว ประชาชนรู้มากขึ้นแล้วว่าตัวตนแท้จริงของนายกฯ เป็นอย่างไร ประชาชนเริ่มรู้แล้วว่าการกระทำของนายกฯ กับหลักธรรมที่นำมาอ้างนั้นล้วนสวนทางกัน ทำนอง ‘มือถือสากปากถือศีล’ เพียงแต่ว่า สิ่งที่นายกฯ ถือนั้นอันตรายเลวร้ายกว่าสากมากมายนัก