xs
xsm
sm
md
lg

รู้จักโพธิรักษ์ รู้จักอโศก รู้จักขบวนประชาธิปไตยแบบสันติ อหิงสา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การประกาศเข้าร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของ พล.ต.จำลอง ศรีเมืองในการชุมนุมวันที่ 26 ก.พ.นั้น นอกจากทุกองคาพยพของสังคมจะจับตาการเคลื่อนไหวของ พล.ต.จำลองเองแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่า อีกบุคคลหนึ่งที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กันก็คือ “สมณะโพธิรักษ์” ในฐานะผู้นำของกลุ่มอโศก

ทั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มอโศกนั้น คือขุมกำลังที่สำคัญในการหนุนหลังและให้การสนับสนุน พล.ต.จำลองในการเคลื่อนไหวครั้งนี้

สมณะโพธิรักษ์คิดอย่างไรกับการที่สถาบันทางศาสนาออกมาขับเคลื่อนขบวนประชาธิปไตย คือคำถามใหญ่ที่สังคมอยากรู้??? และ “ผู้จัดการรายวัน” ก็ได้สนทนาชนิดเปิดใจมาให้ได้สัมผัสกันเลยทีเดียว

สมณะโพธิรักษ์ แสดงธรรมว่า สถาบันทางศาสนากับสถาบันทางการเมืองต่างมีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนทั้งคู่ โดยจะแบ่งหน้าที่กันทำ การทำมาหากิน ความเป็นอยู่อันเป็นรูปธรรมจะเป็นหน้าที่ของสถาบันทางการเมือง ขณะที่สถาบันทางศาสนาจะเน้นการช่วยเหลือด้านจิตวิญญาณเป็นหลัก ซึ่งต่างก็เป็นหน้าที่ที่ดี มีประโยชน์ต่อสังคมทั้งคู่

กระนั้นก็ยังมีคนจำนวนมาก ทั้งในสมัยก่อนยันปัจจุบันยังเข้าใจผิดว่า สถาบันศาสนาไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง กับสังคม ซึ่งที่จริงแล้วสถาบันศาสนาคู่เคียงมากับความเคลื่อนไหวทางสังคม ไม่ได้ตัดขาดจากสังคม ต้องรู้ความเป็นไปของสังคม ของโลก

“สถาบันทางการเมืองส่วนใหญ่ทั้งที่แล้วมาและในปัจจุบันล้วนขาดหายซึ่งหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ไม่ฝักใฝ่ทางคุณธรรม ศีลธรรม สถาบันทางศาสนาจึงมีหน้าที่นำคุณธรรม ศีลธรรมแทรกเข้าไปในการเมือง เพราะถ้าการเมืองขาดหายซึ่งคุณธรรมก็จะไปไม่รอด ชาติจะพินาศสถาบันศาสนาและการเมืองจึงเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ดังนั้น การที่รัฐบาลออกกฎหมายห้ามการออกมาเคลื่อนไหว จึงถือว่าเป็นบาป เป็นการออกกฎหมายที่เป็นบาป”

สมณะโพธิรักษ์ยังแสดงธรรมไขข้อข้องใจกรณีหลายฝ่ายในสังคมไม่เห็นด้วยกับการออกมาเคลื่อนไหวของผู้ปฏิบัติธรรมในประเด็นด้านการเมืองว่า สาเหตุที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าศาสนาควรตัดขาดจากปัญหาสังคม การเมืองนั้นมีมานานแล้ว และยังมีอยู่มากในปัจจุบัน ด้วยคนเหล่านั้นยังไม่เข้าใจหลักศาสนาแท้จริง การชี้ทางสว่างให้พวกเขาคือ จะต้องพิสูจน์ความจริง ดังแก่นแกนที่สำนักสันติอโศกได้ทำมาตลอด คือ ‘ทำเพื่อสังคม เพื่อมนุษยชาติ’

ทุกวันนี้สันติอโศกมีกลุ่มเครือข่ายเป็นรูปธรรมชัดเจนที่จะออกมาเคลื่อนไหวในวันที่ 26 แม้เสียงภายในจะเห็นไม่เป็นเอกฉันท์ก็ตาม ด้วยยังมีบางคนไม่เห็นด้วยกับการที่นักปฏิบัติธรรมจะออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เนื่องจากกลุ่มคนประเภทนี้ยังไม่เข้าใจ ต้องให้ปัญญากับเขา

ชาวสันติอโศกที่จะไปร่วมชุมนุมวันที่ 26 จะเป็นกลุ่มคนรักสันติ อหิงสา และมีปัญญา ไม่ได้วิ่งตามกระแสสังคมแต่อย่างใด ทุกคนสมัครใจไปกันเองด้วยเห็นว่าพร้อมซึ่งเหตุปัจจัยแล้ว เพราะที่ผ่านมาแม้ชาวอโศกจะเป็นผู้ปฏิบัติธรรม แต่ก็ไม่ได้หลับหูหลับตา ไม่สนใจสังคม ไม่สนใจโลก หลายครั้งที่ได้ออกมาเสริมสร้างคุณธรรมและต้านสิ่งไม่ดีงามหลายอย่าง เช่น การห้าเหล้าเข้าตลาดหุ้น การต่อต้านกฎหมายทำแท้ง

“ส่วนที่หลายคนถามว่าทำไมถึงออกมาล่าช้านัก ก็เพราะเราต้องสั่งสม วิเคราะห์ข้อมูล จากทั้งรัฐบาลและฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลอยู่นานทีเดียว ก็เห็นว่าฝ่ายรัฐบาลมีการใช้พลังภายใน ภายนอกเยอะมากในการจัดการกับการชุมนุมหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ขณะที่ปัญหาที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเผชิญอยู่นั้นก็หนักเอาการ จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุมในฐานะพลังส่วนหนึ่ง มวลส่วนหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการชุมนุม 26 กุมภาพันธ์นี้ ไม่ได้หวังจะเป็นแกนนำแต่อย่างใด”

สมณะโพธิรักษ์ ยังเน้นว่าการเข้าร่วมชุมนุมครั้งนี้ แม้จะมีหลายฝ่ายร่วมไม้ร่วมมือเยอะแล้ว แต่งานนี้หนักหนาสาหัสไม่น้อย การประกาศตัวเข้าร่วมในฐานะกองทัพธรรมเป็นครั้งแรกของสำนักสัติอโศกจึงน่าจะช่วยให้ขบวนรถไฟสายประชาธิปไตยนี้สวยหรู กล้าแกร่งมีพลังมากขึ้นได้

การเคลื่อนไหวของเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรทั้ง 15 ครั้ง และในวันที่ 4 และ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาล้วนเป็นไปด้วยสันติ อหิงสา เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สวยงามมาก แม้จะมีกลุ่มคนก่อกวนแต่ก็สามารถจัดการได้ด้วยสันติ อหิงสา ไม่ชุลมุนวุ่นวาย อีกทั้งปัจจุบันการหวังจะพึ่งพิงอำนาจทางสภาก็ไม่ได้ เพราะได้เปลี่ยนไปเป็นเผด็จการทางสภาแล้ว

“การเคลื่อนไหวต่อต้านคัดค้านรัฐบาลที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 นอกจากจะเป็นพลังความคิดเห็นอันบริสุทธิ์ของประชาชน ที่ไม่ได้นอกกรอบกติกากฎหมายแต่อย่างใด ยังสอดคล้องกับหลักธรรม สันติ อหิงสาของสันติอโศกที่ยึดถือมาตลอดด้วย ประชาธิปไตยที่เคลื่อนไหวโดยประชาชนและปราศจากความรุนแรงนั้นดีมาก การสื่อสารผ่านสื่อมวลชนทั้งไทยและเทศจะทำให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าประชาธิปไตยไทยสวยงามมาก ดีมาก ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นแม้จะมีความขัดแย้ง” สมณะโพธิรักษ์กล่าว พร้อมย้ำว่า แม้ผลการชุมนุมครั้งนี้จะออกมาแพ้หรือชนะ แต่ถ้าปราศจากความรุนแรงแล้วก็ถือว่าเป็นชัยชนะยิ่งใหญ่ของประชาชน

ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเกิดความรุนแรง เพราะทั้งฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มต่อต้านต่างก็มีประสบการณ์ และไม่ปรารถนาจะให้เกิดการปะทะ สูญเสีย นองเลือด อย่างไรก็ตามคนที่มาชุมนุมแสนสองแสนคนนั้นอาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ แม้ทุกกลุ่ม ทุกคนจะพยายามเต็มที่แล้ว

สำหรับความเคลื่อนไหวในส่วนของพลตรีจำลอง ศรีเมือง แกนนำสำนักสันติอโศก และมวลหนึ่งของพันธมิตรกู้ชาติวันที่ 26 นี้ สมณะโพธิรักษ์เผยว่า พลตรีจำลองไม่ใช่ผู้นำที่พาคนไปตายดั่งที่เขากล่าวหากัน เพียงแต่ช่วงเวลานั้นทหารได้ใช้กำลังเข้ามาจับกุม สลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง ทหารทำผิดพลาดที่ดึงเอาตัวผู้นำออกไป จนเกิดความชุลมุนขึ้นมา และจบลงด้วยลูกกระสุนปืน

“การเข้าร่วมชุมนุมครั้งนี้เบื้องต้นจะยังไม่มีสมณเข้าร่วม มีเพียงแต่ฆราวาสที่มีทั้งปัญญาและความกล้าแกร่งเท่านั้น อย่างไรก็ตามสมณก็พร้อมเข้าร่วมหากมีเงื่อนไขปัจจัยที่ถึงพร้อม ทั้งนี้ในส่วนของการเข้าร่วมเบื้องต้นจะมีคณะกรรมการคอยตัดสินใจ ไม่ได้นำเดี่ยวแต่อย่างใด”

สมณะโพธิรักษ์ ยังเน้นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารรัฐบาลปัจจุบัน ไม่ได้อยู่ที่เขาไม่เก่งเรื่องวิชาบริหาร หรือเศรษฐศาสตร์ แต่ปัญหาสำคัญคือเขาบกพร่องด้านคุณธรรม จริยธรรมเข้าขั้นวิกฤต ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของสถาบันทางศาสนาจะต้องเข้าไปให้ความรู้เรื่องคุณธรรม จริยธรรมให้มากที่สุด แต่ตัวนายกรัฐมนตรีจะรับไปมากน้อยแค่ไหนก็เป็นเรื่องของท่าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ค่อยยอมรับ

“ส่วนการที่นายกฯ ชอบอ้างคำทางพระพุทธศาสนาขึ้นมาบ่อยๆ โดยเฉพาะล่าสุดยกเอา ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง ของท่านพุทธทาสขึ้นมาสอนพลตรีจำลอง ศรีเมืองนั้น อาตมาเข้าใจว่านายกฯ ไม่เข้าใจคำสอนนี้เลย คงเข้าใจในแง่มุมทางโลกอย่างเดียว ว่ามันเป็นเช่นนั้น เช่นนี้เอง ตามเรื่องตามราว เป็นตามหลักธรรมดา ทั้งๆ ที่ความหมายแท้จริงของคำสอนนี้ลึกซึ้งมากนัก เป็นความเป็นจริง เป็นธรรมอันสมบูรณ์ การที่นายกฯ ไม่เข้าใจ เข้าใจไม่ถูต้อง แล้วเอามาอ้างไม่ถูกต้อง ขายขี้หน้าปราชญ์ทั่วไปอย่างมาก”

สมณะโพธิรักษ์ ย้ำหนักแน่นว่า การเข้าร่วมเคลื่อนไหวในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ เป็นไปเพื่อคุณธรรม จริยธรรม ไม่ได้หวังต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองแต่อย่างใด เพราะการเมืองกับคุณธรรมเป็นเรื่องเดียวกัน หน้าที่ของผู้ปฏิบัติธรรมจะต้องชี้ทางสว่างให้กับสังคมส่วนรวม

“เมื่อใดผู้นำบ้านเมืองบกพร่องทางจริยธรรม คุณธรรม สถาบันศาสนาจะต้องเข้ามาให้ความรู้ทางปัญญากับสังคม ให้สังคมเห็นว่าวันนี้ผู้นำบ้านเมืองไทยมีวิกฤตทางจริยธรรม คุณธรรมมากมาย ทั้งความโลภไม่รู้จักพอ มีความลดเลี้ยวต่างๆ หลายอย่าง พูดไม่เป็นพูด หลอกลวง เก่งในการโชว์ทองคำแก่สาธารณะ แต่ไม่มีใครรู้เขาเอาทองคำไปทำปืนมาปล้นชาติ”สมณะโพธิรักษ์กล่าว พร้อมชี้ทางสว่างสังคมไทยในห้วงยามปัจจุบันว่าต้องมอบปัญญาเชิงลึกแก่ประชาชนคนไทยทั่วไป
กำลังโหลดความคิดเห็น