xs
xsm
sm
md
lg

โพลชี้เด็กไทยนิยมโหลดรูปเสียว พร้อมเผยนิยายเศร้าของเด็กสาวชอบโชว์!!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอแบคโพลล์ เผย ผลสำรวจปวดกระดองใจพ่อแม่ พบเด็กไทยหมกมุ่นเรื่องเพศจนน่าเป็นห่วง กว่า 60% ยอมรับดูเว็บโป๊ และกว่า 70% นิยมโหลดภาพโป๊เปลือยไว้เชยชม ส่วนหนึ่งระบุคิดว่าเว็บเสียวมีประโยชน์!? เว็บมาสเตอร์เว็บไซต์ชื่อดังเผยปูมชีวิตเด็กสาวแรกแย้มแต่พลาดเดินทางผิดซื้อเว็บแคมโชว์เสียวแลกบัตรเติมเงิน สุดท้ายถูกหลอกมอมยาเสียตัวและถูกบังคับขายบริการ

วันนี้ (9 ก.พ.) ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้มีการเผยผลสำรวจของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่ได้สำรวจความคิดเห็นเรื่อง “การใช้อินเทอร์เน็ตของเด็กไทย” และในการณ์นี้ได้เปิดการเสวนาระดมสมองเพื่อการรับรู้ถึงภัยทางอินเทอร์เน็ตและการหาแนวทางแก้ไขด้วย โดยมีวิทยากรพิเศษบรรยายและแลกเปลี่ยนความเห็น ได้แก่ทพ.กฤษดา เรืองอารีรัชต์ รองผู้จัดการ สสส.,นางศรีดา ตันทะอธิพานิช ผจก.มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย และนายศิระ สัจจินานนท์ อายุ 19 ปี กรรมการสมาคมผู้ดูแลเว็บไทยและเว็บมาสเตอร์เว็บไซต์ไดอารี่ยอดนิยมอย่าง www.diaryis.com

ทพ.กฤษดา เผย ผลการสำรวจของเอแบคโพลล์ที่สำรวจจากเด็กและเยาวชนที่อายุระหว่าง 15-24 ปี ในเขต กทม.จำนวน 1,464 คน พบว่า เด็กอายุไม่ถึง 12 ปี เริ่มใช้อินเทอร์เน็ตถึง 20.8% เด็กอายุ 13-15 ปี เริ่มใช้มากที่สุด 45.3% โดยเด็กอายุน้อยที่สุดที่เริ่มใช้ คือ 5 ขวบ เวลาที่เด็กนิยมใช้อินเทอร์เน็ต คือ เวลา 20.01 – 24.00 น.ซึ่งเป็นเวลาพักผ่อนของเด็กในวัยเรียน เมื่อถามผู้ปกครองว่าทราบหรือไม่ ว่าดูอะไรในอินเทอร์เน็ตบ้าง 44.8% ระบุว่าไม่ทราบ และมีเพียง 12.6% เท่านั้นที่ดูแลการใช้ ในส่วนของครู อาจารย์ นั้น กว่า 33.1% ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกศิษย์ใช้อินเทอร์เน็ต

ที่สำคัญ กลุ่มตัวอย่างซึ่งรวมถึงเด็กอายุ 15 ปี เคยดูภาพโป๊ เปลือยทางอินเทอร์เน็ตสูงถึง 61.6% ซ้ำร้าย 68.4% ยังดาวน์โหลดภาพและวิดีโอโป๊ด้วย อีก 14.1% ขอรับภาพกับวิดีโอโป๊ผ่านทางเมล โดย 66.7% จะชวนเพื่อนมาดูด้วย ขณะที่ 16.8% จะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ระหว่างดูภาพโป๊ อีก 16.8% สำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ส่วน 12.5% พูดคุยกับแฟนหรือเพื่อนต่างเพศ และ 5.9% มีเพศสัมพันธ์ โดยเด็กยอมรับว่าเมื่อดูแล้วเกิดความต้องการทางเพศ 24.4% ซึ่งเกินครึ่ง คือ 54.8% บอกว่า เพื่อนคือผู้แนะนำให้รู้จักเว็บโป๊ในอินเทอร์เน็ต ขณะที่ภาพโป๊เปลือย การมีเพศสัมพันธ์ของดารานักร้อง กลายเป็นเรื่องธรรมดา 62.6% เคยเห็นภาพที่เจ้าของตั้งใจแอบถ่ายหลุดออกมา แต่แทบไม่น่าเชื่อว่า เด็ก 10.6% คิดว่าภาพโป๊มีประโยชน์ โดย 67.5% บอกว่าเป็นการเรียนรู้เรื่องเพศ และ 54.9% ยอมรับได้กับการมีสื่อลามกทางอินเทอร์เน็ต”ทพ.กฤษดา กล่าว

รองผู้จัดการ สสส.กล่าวอีกว่า กลุ่มตัวอย่าง 85.4% เคยพูดคุยกับคนแปลกหน้าทางอินเทอร์เน็ต ซึ่ง 28.5% พูดคุยเรื่องเพศกัน โดยผู้หญิงประมาณ 2 คนใน 100 คน จะนัดเจอกับคนแปลกหน้าที่รู้จักทางอินเทอร์เน็ตทุกครั้ง คิดเป็น 1.9% และ 13.2% มีเพศสัมพันธ์กัน เป็นไปอย่างเต็มใจ 37.6% ไม่เต็มใจ 24.8% ไม่แน่ใจ 37.6% ดังนั้น เด็กที่ตอบว่าไม่เต็มใจและไม่แน่ใจที่ร่วมกันแล้วมีถึง 75.2% อาจถูกข่มขืน ล่อลวง ทั้งนี้ เด็ก 15.7% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัยเรียนระบุว่า เคยใช้อินเทอร์เน็ตประกาศหาคู่ ขณะที่ 45.6% เล่นเกมออนไลน์ เป็นการที่ไม่เหมาะสมอย่าง เกมเปลื้องผ้า 7.4% เกมดักฉุดหญิงสาว 5.3% อีกทั้งมีการเข้าไปเว็บที่เนื้อหารุนแรง ฆาตกรรม 56.2% ฆ่าตัวตาย 32.1% เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ 23.8% ทำระเบิด 16.4%

ด้าน ผจก.มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเปิดเว็บไซต์รับแจ้งเบาะแสเว็บไม่เหมาะสม มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 ในปีที่ผ่านมาได้รับแจ้งถึง 10,646 เว็บไซต์ ในจำนวนนี้ เกือบ 80% เป็นเว็บไซต์ลามก ขายบริการทางเพศ หรือวัตถุทางเพศ ( http://cyber.police.go.th/webreport/ ) ทั้งยังพบว่ามีคนเล่นเกมมาราธอน 86 ชั่วโมง จนเสียชีวิตหน้าจอ อีกรายอายุ 28 ปี เล่น ติดต่อกัน 50 ชั่วโมง ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในอีก 3 ชั่วโมงต่อมา

“สสส.มูลนิธิอินเทอร์เน็ตฯ สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย เครือข่ายครอบครัวฯ และภาคี จึงร่วมกันพัฒนาทางออกสำหรับปัญหาภัยอินเทอร์เน็ตอย่างยั่งยืน โดยมีทั้งการสนับสนุนให้ครอบครัวใช้เครื่องมือ เช่น ปลาวาฬเบราเซอร์ในการป้องกันการเข้าเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กและยังมีการจัดกิจกรรมพัฒนาเครือข่ายผู้ปกครองออนไลน์ (www.thaisafenet.org) โดยให้ความรู้และรณรงค์การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ ให้แก่ครู ผู้ปกครอง และเยาวชน ให้รู้เท่าทันสื่อชนิดนี้ และผลักดันให้วันนี้ในอีก 1 ปีข้างหน้า คือวันที่ 9 ก.พ. 2550 เป็น “วันอินเทอร์เน็ตปลอดภัยแห่งชาติ หรือ National Internet Safety Day” ” นางศรีดา กล่าว

ด้าน นายศิระ ได้เปิดเผยประสบการณ์ที่ทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองและตัวเด็กเองควรนำไปเป็นอุทาหรณ์ โดยเล่าเรื่องจริงอันน่าสลดใจที่เกิดขึ้น ว่า มีเด็กสาวมัธยมต้นคนหนึ่ง เป็นเด็กเรียนดี นิสัยดี เรียบร้อย ร่าเริง ครอบครัวอบอุ่น ซึ่งก็น่าจะเป็นเด็กที่มีอนาคตสดใสและสามารถเป็นกำลังสำคัญให้แก่ชาติบ้านเมืองต่อไป แต่อยู่มาวันหนึ่งผู้ปกครองติดอินเทอร์เน็ตให้ในห้องนอน เพื่อหวังว่าจะให้ลูกได้ใช้หาข้อมูลทำการบ้าน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเด็กสาวคนนี้ได้รู้จักโปรแกรมแชตและใช้มันเพื่อนสนทนากับคนแปลกหน้าที่นิยมท่องโลกไซเบอร์เช่นเธอ จากนั้นความอยากรู้อยากเห็นก็กระตุ้นให้เธอเข้าไปหาเพื่อนใหม่ๆ ในห้องสนทนาที่พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเพศ

ศิระ กล่าวต่อว่า หลังจากที่คุยกับเพื่อนทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเรื่องเพศแล้ว เพื่อนแปลกหน้าเหล่านั้นก็ยุยงเด็กสาวคนนี้ให้โชว์เรือนร่างผ่านกล้องที่เรียกว่าเว็บแคม (Web Cam) สุดท้ายเมื่อโดนชักชวนมากๆ ถูกยุมากๆ เข้า เด็กสาวคนนี้จึงตัดสินใจไปซื้อเว็บแคมมาโชว์ตามคำยุ แรกๆ ก็โชว์เรือนร่างเฉพาะส่วน วับๆ แวมๆ แต่หนักเข้าก็เป็นการโชว์ทั้งตัว และได้เขยิบชั้นมาเป็นการโชว์โป๊เปลือย และการสำเร็จความใคร่โชว์ในที่สุด ต่อมาเด็กสาวคนนี้จึงได้คิดวิธีหารายได้จากการโชว์เสียวของเธอ โดยให้คู่สนทนาที่อยากดูโชว์ผ่านกล้องของเธอจ่ายค่าดูเป็นบัตรเติมเงินโทรศัพท์และบัตรเติมเงินเกมออนไลน์ต่างๆ

ด้วยความชะล่าใจว่าความสนุกแบบหวือหวาเช่นนี้เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ เธอจึงไม่ได้ระแวงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นเลย เธอยังคงพูดคุยและหาเพื่อนใหม่ๆ ในห้องสนทนาเรื่องเพศไปเรื่อยๆ จนเธอได้พบกับชายคนหนึ่งที่จากการรู้จักผ่านการแชต เด็กสาวบอกตัวเองว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดี ไว้ใจได้ และสุดท้ายเธอก็ยอมนัดเจอกับเขา ชายคนนี้เป็นเจ้าของร้านอินเทอร์เนตคาเฟ่ เมื่อไปพบกันครั้งแรก ครั้งที่สอง จนถึงครั้งที่สี่ ที่ห้า ก็ไม่มีเหตุการณ์อันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับเธอ จนเด็กสาวเริ่มวางใจ อยู่มาวันหนึ่งเธอไปพบชายคนนี้ที่ร้านอินเทอร์เน็ตของเขาตามปกติ เขาบอกให้เธอท่องไซเบอร์เสปซ เพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอเขาปิดร้าน และกล่าวว่า หลังจากปิดร้านแล้วจะพาเธอไปกินข้าว พร้อมกับเอาน้ำอัดลมมาวางให้เธอขวดหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเด็กสาวดื่มอย่างไม่คิดอะไร

เด็กสาวคนนี้มารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่า เธอได้เสียตัวให้ซาตานในคราบชายหนุ่มสุดสุภาพไปเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญ อิริยาบถทุกบททุกตอนที่เธอถูกพร่าผลาญพรหมจารีย์นั้นถูกบันทึกวิดีโอเอาไว้อย่างครบถ้วน และต่อมาเทปม้วนนี้ก็กลายเป็นเครื่องมืออุบาทว์ในการ “แบล็กเมล์” เธอให้ยอม “โชว์เสียว” และที่ร้ายที่สุด คือ เธอถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศโดยผู้ชายที่เธอคิดว่าเป็นสุภาพบรุษนั้น ได้แปลงร่างไปเป็น "แมงดาดิจิตอล" คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์หารายได้เข้ากระเป๋าเขา...

แต่อย่างไรก็ตาม ศิระ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อว่า ไม่อยากจะให้พ่อแม่ผู้ปกครองมองว่าคอมพิวเตอร์รวมไปถึงระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นสิ่งที่ก่อภัยให้แก่บุตรหลาน เพราะทุกสิ่งมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี เปรียบเสมือนดาบสองคม หากไม่มีอินเทอร์เน็ตก็ไม่ใช่ว่าปัญหาสังคมจะหมดไป ดังนั้นแล้วสิ่งที่ควรทำ ก็คือ การใส่ใจดูแลบุตรหลานของตัวเองว่า ขณะนี้เขาคิดอย่างไรและกำลังทำอะไร สนใจในสิ่งใด และลดช่องว่างระหว่างกันและกันในครอบครัว สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นวัคซีนป้องกัน เป็นภูมิคุ้มกันเยาวชนได้
กำลังโหลดความคิดเห็น