xs
xsm
sm
md
lg

โลกของ “นักติวศิลปะ” ที่ Art tutor

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไม่เพียงแต่วิชาหนักๆ อย่างฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เท่านั้น ที่บรรดานักเรียนนักศึกษาจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้เป็นพิเศษเพื่อเพิ่มดีกรีสำหรับเข้ามหาวิทยาลัย วิชาที่หลายคนคิดว่า “เบา” อย่างเช่น “ศิลปะ” ก็จำเป็นสำหรับคนที่มีความฝันที่จะศึกษาด้านนี้อย่างจริงจังในรั้วมหาวิทยาลัยเช่นกัน


Art tutor โรงเรียนกวดวิชาศิลปะยุคแรกๆ ในเมืองไทย เป็นอีกหนึ่งสถาบันที่ได้รับความนิยมจากเด็กๆ เป็นอย่างมาก เนื่องจากนักเรียนมัธยมศึกษาตั้งแต่ม.4-6 แห่แหนกันมาเรียนแน่นจนทำให้ตึกแถว 2 ห้องนั้นเล็กไปถนัดตา ซึ่งบางคนก็มีความมุมานะเดินทางมาไกลถึงต่างจังหวัดก็มี

โรงเรียนแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณซอยศาลาต้นจันทร์ ถ.อรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย

พี่เชษฐ์-ศุภเชษฐ์ กุลวรากร เจ้าของกิจการโรงเรียนกวดวิชา Art tutor จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและโท จากภาควิชาออกแบบนิเทศศิลป์ คณะมัฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ไขข้อข้องใจให้ฟังว่า เริ่มสอนติวสำหรับสอบเข้ามหาวิทยาลัยตั้งแต่ตอนที่ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 เรื่อยมา โดยตอนแรกแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 20 คนและประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะเด็กที่เรียนด้วยสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เกือบทั้งหมด ซึ่งหลังจากจบการศึกษาก็เปิดเป็น Art tutor โดยทำการสอนเกือบครบทุกสาขาวิชาที่เกี่ยวกับศิลปะ

“เมื่อเรียนจบใหม่ๆ ก่อนที่จะมาเปิดโรงเรียนแห่งนี้ ได้มีบริษัทเรียกตัวไปทำงาน ซึ่งตัดสินใจลำบากมาก เพราะงานก็อยากทำ ติวก็ทิ้งไม่ได้ แต่ก็ตัดสินใจไป เพราะเสียดายสิ่งที่เราเรียนมา แต่เมื่อเข้าไปทำแล้วบางอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดไว้ จึงหันกลับมาติวต่อ ซึ่งคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อเด็กๆ และสนุกที่จะทำ จนกลายเป็นความผูกพันและอบอุ่น”

น้องๆ หลายคนของ Art tutor พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พี่เชษฐ์เปรียบเสมือนหัวเรือใหญ่ โดยทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวางแผนการเรียนการสอน จัดหลักสูตร ให้คำปรึกษา ตรวจงาน จนถึงควบคุมความประพฤติของเด็กๆ เช่น การแต่งตัวและเรื่องเวลา โดยจะรวบรวมข้อมูลที่ได้มาเพื่อวิเคราะห์ต่อไปและนำประสบการณ์มาปรับปรุงการสอน เพื่อหาข้อบกพร่องให้เด็กแต่ละคนได้แก้ไข

“จุดเด่นของที่นี่ คือ ความใหม่ของข้อมูลและเทคนิค เรียนแล้วได้เวลามาแก้ไขในสิ่งที่บกพร่องโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในจุดนั้น นอกจากนี้ยังมีพี่ติวรุ่นใหม่ไฟแรง เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ ทั้งยังพัฒนาการสอนได้ดี มองเห็นถึงปัญหาของน้องๆ และนำปัญหามาแก้ได้อย่างรวดเร็ว คิดว่าเหมือนการแบ่งปัน ถ้าเราสอนแล้วเราเห็นข้อบกพร่อง หรือเห็นจุดดีเราสามารถเอามาใช้ได้หมด คืออาจกล่าวได้ว่า ได้ทั้งให้และรับ”

ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่ากระแสนิยมที่เกี่ยวกับศิลปะกำลังเฟื่องฟู จะเห็นได้จากจำนวนโรงเรียนกวดวิชาศิลปะที่เพิ่มขึ้นเป็นดอกเห็ด เพื่อรองรับความต้องการเรียนของเด็กๆ ประกอบกับกระแสของเด็กแนวแต่งตัวแปลกแบบหลุดโลกกำลังเข้ามา

พี่เชษฐ์ กล่าวอย่างกังวลว่า การเปิดสอนศิลปะเป็นแฟชั่นมากกว่า คิดว่าตรงนี้จะเป็นอันตรายต่อเด็ก และไม่อยากให้มองเรื่องผลประโยชน์เป็นตัวหลัก จนมองข้ามสิ่งที่เด็กควรจะได้รับ

“เมื่อก่อนความพยายามและความตั้งใจของเด็กๆ สูง แต่ตอนนี้การพัฒนาทักษะเหมือนกราฟพุ่งลง เพราะทักษะกับความคิดสร้างสรรค์เป็นของคู่กัน แต่เด็กสมัยใหม่เน้นไอเดีย ให้เหมือนสากล จนทำให้ขาดทักษะ ตรงจุดนี้เป็นเรื่องที่น่าห่วงและคงต้องกลับมาคิดกันว่าจะแก้ไขอย่างไร ซึ่งอาจต้องมีการสอนที่ใหม่ขึ้น เพื่อให้ศักยภาพของนักเรียนกลับมาเท่าเดิม”

ด้าน “แพท”- พัชร์ โพธิ์งาม นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ภาควิชาออกแบบนิเทศศิลป์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในนักเรียนของ Art tutor ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นอาจารย์สอนศิลปะให้แก่น้องๆ รุ่นต่อมา กล่าวถึงสาเหตุที่เข้ามาสอนอย่างถ่อมตัวว่า เมื่อพี่เชษฐ์ไว้วางใจและชวนมาสอน ก็ไม่รีรอที่จะรับงานนี้ พี่เชษฐ์คงเห็นว่าเพิ่งผ่านประสบการณ์มา และมีความคุ้นเคยกับการเรียนการสอนของที่นี่ เพราะเรียนมาตั้งแต่ม.4 นอกจากนี้ คะแนนสอบที่ทำได้ก็อยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งน่าจะสอนได้

“หนักใจเหมือนกันว่าจะทำได้รึเปล่า เพราะว่าเพิ่งอยู่ปี 1 ที่ผ่านมาก็ได้ตั้งใจทำให้ดี เพราะคิดอยู่เสมอว่า ครั้งที่แล้วเรามาเรียนเพื่อตัวเอง แต่ตอนนี้เราทำเพื่อนักเรียนที่เราสอน ตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่แล้วก็มีความคิดว่าอยากกลับมาสอนน้องๆ สอนไปเรื่อยๆ แต่จะสอนเด็กอย่างเดียวก็คงไม่ดี เพราะทำให้ไม่มีประสบการณ์การทำงานด้านอื่น ส่วนตัวแล้วมีหลักในการสอนที่เน้นความเข้าใจคือ ต้องให้เด็กเข้าใจก่อนที่จะลงมือทำ เพราะผมไม่ได้อยากเห็นผลงานที่ดีมากๆ เพียงแค่อยากเห็นว่าเข้าใจจริงๆ ”

อย่างไรก็ตาม อาจารย์มือใหม่คนนี้ก็สอนศิษย์รุ่นน้องมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว พบเจอปัญหาหลากหลายรูปแบบเป็นไปตามนิสัยของเด็ก บางคนไม่กล้าที่จะบอกว่าไม่เข้าใจ เพราะกลัวผิด แต่ความถูกผิดไม่ใช่หลักสำคัญ เพราะคิดว่ายังแก้ได้ และยังไม่ถึงเวลาที่สอบจริง ดังนั้น จึงต้องทดลองไปเรื่อยๆ อีกปัญหาที่เจอคือ เด็กที่ไม่ใส่ใจการเรียนอย่างจริงจัง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะคิดว่าทางนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด จึงไม่สนใจเรียนอย่างเต็มที่

“เด็กที่มาเรียนเพราะแฟชั่นคิดว่ามีแน่นอน แต่เด็กของ Art tutor ที่เรียนเพื่อแฟชั่นถือว่ามีน้อยมาก ผมพูดเสมอว่าถ้าไม่ชอบเรียนจริงๆ ก็อย่ามาเลย ไม่ควรมาเรียนเพื่อแฟชั่น ศิลปะมันไม่ใช่เรื่องของแฟชั่น การออกแบบเป็นเรื่องที่ดี เราได้สร้างสรรค์งานต่างๆ ให้สังคมไทย ควรจะเต็มที่กับมัน อย่าทำเพื่อความเท่ นอกจากทำงานที่ตนเองรักแล้ว ยังสามารถเป็นอาชีพเสริมได้ด้วย”หนุ่มขี้อายสไตล์อาร์ติสท์ให้ความเห็น

ส่วนน้องมินท์ ณัฐนันท์ โลหะญาณจารี นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนศึกษานารี บอกถึงความใฝ่ฝันของตัวเองว่า ต้องการเข้าเรียนสาขาออกแบบภายใน คณะมัณฑนศิลป์ ม.ศิลปากร จึงหาที่เรียนพิเศษทางด้านนี้เพื่อฝึกฝนและเรียนรู้ทักษะด้านการออกแบบต่างๆ นอกจากนี้ยังได้รับข่าวสารความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการสอบอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะรู้สึกสนุกสนาน และชื่นชอบในความสามารถของพี่ติวของ Art tutor แห่งนี้ ส่วนตัวแล้วอยากลองเรียนกับอาจารย์ที่อายุมากหน่อย เพราะคิดว่าน่าจะมีประสบการณ์และเทคนิคการสอนมากกว่า แต่ Art tutor ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเวลาเรียน ไม่เครียดเหมือนเรียนพิเศษวิชาอื่นๆ

“มินท์เป็นห่วงเรื่องหนึ่ง คือ เพื่อนๆ ที่เข้ามาเรียนศิลปะเพื่อแฟชั่นตามกระแสนิยม ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยอย่างมาก เพราะนอกจากจะสิ้นเปลืองเงินพ่อแม่ ยังเสียเวลาอีกด้วย คิดว่าควรจะให้เวลากับสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัดจริงๆ มากกว่า”

น้องฮาย ธนกฤต สดิรพินิจกุล นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเซนต์คาเบรียล เล่าให้ฟังเช่นกันว่า ส่วนตัวแล้วชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากการวาดการ์ตูน และตอนนี้อยากเข้าสาขานิเทศศิลป์ ม.ศิลปากร เคยเรียนพิเศษศิลปะอีกที่หนึ่งก่อนย้ายมาที่ Art tutor เพราะเพื่อนแนะนำมาว่า มีการสอนที่ครบวงจร คงเรียนต่อไปเรื่อยๆ คิดว่าเปลี่ยนมาเรียนที่นี่น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า ประกอบกับบรรยากาศในการเรียนเป็นแบบสบายๆ ที่สำคัญคือ มีพี่ติวสนุกสนาน เป็นกันเอง และเรื่องทักษะด้านศิลปะก็เก่งมากๆ ด้วย

ด้านคุณแม่ยังสาว ขวัญใจ นิ่มนวล เพิ่งพาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาสมัครเรียนที่ Art tutor แห่งนี้ กล่าวว่า แม้ว่าน้องเพิ่งอยู่ม.5 แต่อยากปูพื้นฐานไว้ก่อน เพราะว่าน้องสนใจด้านนี้เป็นพิเศษ ซึ่งประทับใจอ.เชษฐ์มากเพราะให้ข้อมูลและขั้นตอนการสอบได้ดี ทั้งยังแนะนำการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละคนอีกด้วย
สำหรับการให้นักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่มาสอนนั้น คิดว่าน่าจะมีผลดี เพราะเหมือนกับว่ารุ่นพี่มาสอนรุ่นน้อง ทั้งยังมีประสบการณ์ในการเรียนที่สูงกว่าแล้วเอามาสอนน้องนักเรียน ซึ่งน่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เด็กเข้าใจได้มากขึ้น

“ค่าใช้จ่ายก็ไม่แพงจนเกินไป การเปิดโรงเรียนติวแบบนี้คิดว่าดีและเป็นประโยชน์ต่อตัวเด็ก เพราะเท่าที่ได้รับข้อมูลมาทราบว่า อ.เชษฐ์มีความตั้งใจในการสอนมาก เมื่อถึงเวลาสอบจริงก็จะไปให้กำลังใจและแนะนำว่าต้องเน้นอย่างไร ทั้งยังมีแรงบัลดาลใจและทุ่มเทให้นักเรียนที่เรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ และเด็กบางคนได้ถึงร้อยคะแนนเต็ม”

...ถึงตรงนี้ คงต้องบอกว่า ไม่ว่าจะเรียนที่ไหนอย่างไรนั้น เราต้องทราบต้องการของตัวเอง และมองความสามารถของตัวเองอย่างเป็นกลางว่าทำได้แค่ไหน บกพร่องอะไร และเมื่อรู้ข้อบกพร่องของตัวเองแล้ว ก็จะเกิดเป็นการพัฒนาได้ ดังนั้น การเรียนรู้และลงมือทำเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำเราไปถึงฝั่งฝันได้อย่างใจคิด คนที่จะผ่านมาถึงจุดแห่งความสำเร็จได้นั้นต้องพบเจอกับปัญหาอุปสรรคอะไรมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจว่าบางคนเสียเวลา 3-4 ปี กว่าจะเข้าไปเรียนสิ่งที่ต้องการได้ แต่ขอให้มีเพียงความมุ่งมั่นและพยายาม อย่าลืมว่า “รูปแบบในการเรียนมันเชื่อมอยู่ระหว่างความฝันกับความจริง”







กำลังโหลดความคิดเห็น