สะเทือนวงการแพทย์อีกครั้ง คณะกรรมการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อยของ กทม.เปิดข้อมูล แพทย์วชิระทำนิพนธ์ต้นฉบับปลอม หวังเลื่อนจากซี 8 เป็น ซี 9 หวั่นวิกฤติศรัทธาวิชาชีพหมอ
เวลาประมาณ 10.30 น.วันนี้ (31 ม.ค.) นายนวรัตน์ อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อย ได้เชิญคณะแพทย์และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิระมาสอบสวนเรื่องข้อร้องเรียนของแพทย์ผู้รักความยุติธรรมและรักเพื่อนมนุษย์ ซึ่งระบุว่า มีหมอรายหนึ่งในโรงพยาบาลทำนิพนธ์ต้นฉบับอันเป็นเท็จเพื่อเสนอขอปรับตำแหน่งจากระดับ 8 เป็นระดับ 9 โดยที่ประชุมใช้เวลาหารือนานเกือบ 2 ชั่วโมง
นายนวรัตน์ เปิดเผยภายหลังว่า คณะกรรมการปกครองได้รับเรื่องร้องเรียนแพทย์ผู้รักความยุติธรรมและรักเพื่อนมนุษย์ตั้งข้อสังเกตการณ์นำเสนอนิพนธ์ต้นฉบับเรื่องผลการผ่าตัดผู้ป่วยเลือดออกในสมองชนิดไม่เฉียบพลันโดยวิธีเจาะกะโหลก 2 รู และใส่ท่อระบายใต้ชั้นเยื่อหุ้มกะโหลกศีรษะ ตีพิมพ์ใน วารสารวชิรเวชสาร เป็นหนังสือวิชาการของแพทย์ กทม. ปีที่ 45 เล่ม 2 เดือน พ.ค.2544 ซึ่งจากการสอบถามทราบข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า การเลื่อนระดับสายวิชาการการจาก 8 เป็น 9 นั้น จะต้องทำรายงานทางวิชาการเสนอ แต่ปรากฏว่ามีแพทย์คนหนึ่งได้เลือกทำการวิจัยเรื่องการผ่าตัดสมอง ระบุชัดว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2539 - 31 ธ.ค.2543 ได้ศึกษาผู้ป่วยชายหญิง 82 ราย ส่วนใหญ่มีอาการปวดศีรษะ อาการซึม บางรายได้รับอุบัติเหตุมีเลือดคลั่งที่ศีรษะ และทุกรายได้ต้องดมยาสลบก่อนผ่าตัดด้วยวิธีดังกล่าว พบว่า มีของเหลวที่ระบายออกจากท่อระบายหลังผ่าตัดไม่แตกต่างกัน และผู้ป่วยร้อยละ 90.2 มีอาการดีขึ้น
อย่างไรก็ตามพบว่าจำนวนผู้รับการรักษาจริง และเข้ารับการผ่าตัด ที่บันทึกไว้ในเวชระเบียนโรงพยาบาลวชิระในช่วงเวลาดังกล่าวมีเพียง 40 ราย การรักษาคนไข้ก็ทำโดยแพทย์หลายคนหมุนเวียนผ่าตัด และผู้ทำวิจัยก็ผ่าตัดเพียง 2 - 3 ราย แต่กลับมีการกล่าวอ้างว่าได้ผ่าตัดมากถึง 82 ราย
นายนวรัตน์ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องนี้กับผู้บังคับบัญชาตามลำดับหลายต่อหลายครั้ง ล่าสุดร้องถึงคณะกรรมการข้าราชการ กทม. (ก.ก.) ในสมัยที่นางเพียงใจ วิศรุตรัตน เป็นหัวหน้าสำนักงาน เนื่องจากกรรมการเป็นผู้พิจารณาผลงานทางวิชาการก่อนอนุมัติให้เลื่อนระดับ กระทั่งมีการเรียกเอกสารมาตรวจสอบหลายกล่อง และมีการลงไปดูข้อเท็จจริงที่ห้องผ่าตัดถึงที่โรงพยาบาลวชิระ แต่สุดท้ายเรื่องราวทุกอย่างกลับเงียบหาย แต่ขอยืนยันว่าการตรวจสอบของกรรมการชุดนี้ถึงแม้จะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่แต่จะไม่เป็นมวยล้มเหมือนที่ผ่านมาเพราะนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.ประกาศชัดเจนจะให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการทุกคนเมื่อมีเรื่องไม่ชอบมาพากลก็ต้องเดินหน้าตรวจสอบ และในเร็ว ๆ นี้ตนจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 2 ราย และนางเพียงใจมาสอบถาม เพราะเรื่องนี้ถือเป็นความผิดร้ายแรง
นายธนกฤช พุกรักษา ส.ก.เขตบึงกุ่ม พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับความเป็นความตายของคนไข้ ตนไม่อยากให้หมอซึ่งเป็นผู้ได้รับความเชื่อถือในสังคมต้องเจอกับวิกฤติศรัทธา ที่ผ่านมาเคยรู้แต่เรื่องการจ้างทำวิทยานิพนธ์ หรือดุษฎีนิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาโทและเอกเท่านั้น นึกไม่ถึงจะระบาดเข้ามาในวงการแพทย์ หากมีนักศึกษาแพทย์หรือแพทย์คนอื่นมาอ่านเจอผลงานทางวิชาการนี้แล้วนำไปศึกษาหรือผ่าตัดตาม จะทำให้กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดเสียหายอย่างประมาณค่าไม่ได้
เวลาประมาณ 10.30 น.วันนี้ (31 ม.ค.) นายนวรัตน์ อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อย ได้เชิญคณะแพทย์และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิระมาสอบสวนเรื่องข้อร้องเรียนของแพทย์ผู้รักความยุติธรรมและรักเพื่อนมนุษย์ ซึ่งระบุว่า มีหมอรายหนึ่งในโรงพยาบาลทำนิพนธ์ต้นฉบับอันเป็นเท็จเพื่อเสนอขอปรับตำแหน่งจากระดับ 8 เป็นระดับ 9 โดยที่ประชุมใช้เวลาหารือนานเกือบ 2 ชั่วโมง
นายนวรัตน์ เปิดเผยภายหลังว่า คณะกรรมการปกครองได้รับเรื่องร้องเรียนแพทย์ผู้รักความยุติธรรมและรักเพื่อนมนุษย์ตั้งข้อสังเกตการณ์นำเสนอนิพนธ์ต้นฉบับเรื่องผลการผ่าตัดผู้ป่วยเลือดออกในสมองชนิดไม่เฉียบพลันโดยวิธีเจาะกะโหลก 2 รู และใส่ท่อระบายใต้ชั้นเยื่อหุ้มกะโหลกศีรษะ ตีพิมพ์ใน วารสารวชิรเวชสาร เป็นหนังสือวิชาการของแพทย์ กทม. ปีที่ 45 เล่ม 2 เดือน พ.ค.2544 ซึ่งจากการสอบถามทราบข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า การเลื่อนระดับสายวิชาการการจาก 8 เป็น 9 นั้น จะต้องทำรายงานทางวิชาการเสนอ แต่ปรากฏว่ามีแพทย์คนหนึ่งได้เลือกทำการวิจัยเรื่องการผ่าตัดสมอง ระบุชัดว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2539 - 31 ธ.ค.2543 ได้ศึกษาผู้ป่วยชายหญิง 82 ราย ส่วนใหญ่มีอาการปวดศีรษะ อาการซึม บางรายได้รับอุบัติเหตุมีเลือดคลั่งที่ศีรษะ และทุกรายได้ต้องดมยาสลบก่อนผ่าตัดด้วยวิธีดังกล่าว พบว่า มีของเหลวที่ระบายออกจากท่อระบายหลังผ่าตัดไม่แตกต่างกัน และผู้ป่วยร้อยละ 90.2 มีอาการดีขึ้น
อย่างไรก็ตามพบว่าจำนวนผู้รับการรักษาจริง และเข้ารับการผ่าตัด ที่บันทึกไว้ในเวชระเบียนโรงพยาบาลวชิระในช่วงเวลาดังกล่าวมีเพียง 40 ราย การรักษาคนไข้ก็ทำโดยแพทย์หลายคนหมุนเวียนผ่าตัด และผู้ทำวิจัยก็ผ่าตัดเพียง 2 - 3 ราย แต่กลับมีการกล่าวอ้างว่าได้ผ่าตัดมากถึง 82 ราย
นายนวรัตน์ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องนี้กับผู้บังคับบัญชาตามลำดับหลายต่อหลายครั้ง ล่าสุดร้องถึงคณะกรรมการข้าราชการ กทม. (ก.ก.) ในสมัยที่นางเพียงใจ วิศรุตรัตน เป็นหัวหน้าสำนักงาน เนื่องจากกรรมการเป็นผู้พิจารณาผลงานทางวิชาการก่อนอนุมัติให้เลื่อนระดับ กระทั่งมีการเรียกเอกสารมาตรวจสอบหลายกล่อง และมีการลงไปดูข้อเท็จจริงที่ห้องผ่าตัดถึงที่โรงพยาบาลวชิระ แต่สุดท้ายเรื่องราวทุกอย่างกลับเงียบหาย แต่ขอยืนยันว่าการตรวจสอบของกรรมการชุดนี้ถึงแม้จะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่แต่จะไม่เป็นมวยล้มเหมือนที่ผ่านมาเพราะนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.ประกาศชัดเจนจะให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการทุกคนเมื่อมีเรื่องไม่ชอบมาพากลก็ต้องเดินหน้าตรวจสอบ และในเร็ว ๆ นี้ตนจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 2 ราย และนางเพียงใจมาสอบถาม เพราะเรื่องนี้ถือเป็นความผิดร้ายแรง
นายธนกฤช พุกรักษา ส.ก.เขตบึงกุ่ม พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับความเป็นความตายของคนไข้ ตนไม่อยากให้หมอซึ่งเป็นผู้ได้รับความเชื่อถือในสังคมต้องเจอกับวิกฤติศรัทธา ที่ผ่านมาเคยรู้แต่เรื่องการจ้างทำวิทยานิพนธ์ หรือดุษฎีนิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาโทและเอกเท่านั้น นึกไม่ถึงจะระบาดเข้ามาในวงการแพทย์ หากมีนักศึกษาแพทย์หรือแพทย์คนอื่นมาอ่านเจอผลงานทางวิชาการนี้แล้วนำไปศึกษาหรือผ่าตัดตาม จะทำให้กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดเสียหายอย่างประมาณค่าไม่ได้