เอ็นจีโอด้านเอดส์ เตือนการรักสนุกแค่ชั่ววูบโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัย มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 0.1-0.3 แม้โอกาสติดน้อยไม่ควรเสี่ยงเพราะต้องรอถึง 3 เดือน จึงจะตรวจหาเชื้อเอดส์ได้ เตือนถุงยางอนามัยคือพระเอก วอนทุกส่วนเปิดใจกว้างยอมรับ อย่าตีตราว่าหญิงบริการเท่านั้นเป็นผู้ใช้
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า จากประสบการณ์ทำงานรณรงค์ด้านเอดส์ตั้งแต่ปี 2534 จนถึงปัจจุบัน มูลนิธิได้เปิดสายด่วนให้คำปรึกษาปัญหาเอดส์ทางหมายเลข 0-2372-2222 ตั้งแต่เวลา 15.00-20.00 น.ทุกวัน เรื่องที่มีผู้ปรึกษามากที่สุด คือ ร้อยละ 80 ความกังวลว่าตนเองจะติดเชื้อหรือไม่ ภายหลังมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการ คนที่เพิ่งรู้จักโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งกว่าจะตรวจว่าติดเชื้อเอดส์หรือไม่ต้องรอนานถึง 3 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาต่อต้านเชื้อเอชไอวี ชุดตรวจหาเชื้อเอดส์ที่มีในปัจจุบันจึงจะตรวจได้และมีความแม่นยำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยเพียง 1 ครั้ง มีโอกาสรับเชื้อเอดส์มากน้อยอย่างไร นายนิมิตร์ กล่าวว่า ปกติคนในแวดวงทำงานรณรงค์ด้านเอดส์จะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องนี้ เพราะแนวรณรงค์ออกมาในรูปของการขู่ว่าจะติดเชื้อ ความจริงการมีเซ็กซ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย 1 ครั้ง มีโอกาสติดเชื้อร้อยละ 0.1-0.3 เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก แต่เราไม่รู้ว่าครั้งใดที่เราจะรับเชื้อ เพราะไม่มีหลักประกัน ดังนั้น ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ถือว่าถุงยางอนามัยเป็น “พระเอก” ในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะโรคเอดส์
“สรีระของผู้หญิงมีโอกาสติดเชื้อเอดส์มากกว่าผู้ชาย ขอให้ใช้ถุงยางอนามัย อย่ามองเป็นเรื่องเสียหาย อย่าตีตราว่าเป็นสิ่งที่หญิงบริการเท่านั้นเป็นผู้ใช้ ผมอยากให้ใช้ทุกครั้งไม่ว่าจะกับแฟน สามี ภรรยา เพราะเราไม่รู้ว่าเขามีพฤติกรรมเสี่ยงลับหลังเราหรือไม่ ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจกัน แต่ป้องกันเอาไว้ดีกว่า” นายนิมิตร์ กล่าว
ส่วนการรณรงค์ให้ติดตั้งตู้หยอดเหรียญซื้อถุงยางอนามัยราคาถูกตามห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ และโรงเรียนนั้น นายนิมิตร์ กล่าวว่า อยากเสนอต่างมุมออกไป เพราะกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อคือผู้ใช้แรงงาน มีอาชีพรับจ้าง การตั้งตู้หยอดเหรียญตามสถานที่ดังกล่าว จำนวน 2 ชิ้น 10 บาท ไม่ได้อำนวยความสะดวกในการเข้าถึงถุงยางอนามัย ตนเสนอให้เจ้าของโรงงานขอรับถุงยางอนามัยฟรีจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด นำมาวางไว้ในห้องน้ำของโรงงาน คนงานชายหญิงสามารถหยิบไปใช้ได้ ส่วนการตั้งตู้หยอดเหรียญซื้อถุงยางอนามัยในโรงเรียนนั้น จากการเข้าไปดำเนินโครงการสอนเพศศึกษาในโรงเรียนกว่า 300 แห่ง พบว่ามีนักเรียนร้อยละ 7-10 เท่านั้น ที่มีที่เพศสัมพันธ์ในวัยเรียน จุดนี้หากครูเข้าใจ เข้าถึงปัญหาจะได้รับความไว้วางใจจากนักเรียน เด็กจะให้ข้อมูล จากนั้นจึงให้คำแนะนำเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยแทนการตั้งตู้หยอดเหรียญซื้อถุงยางอนามัยอย่างเดียว
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า จากประสบการณ์ทำงานรณรงค์ด้านเอดส์ตั้งแต่ปี 2534 จนถึงปัจจุบัน มูลนิธิได้เปิดสายด่วนให้คำปรึกษาปัญหาเอดส์ทางหมายเลข 0-2372-2222 ตั้งแต่เวลา 15.00-20.00 น.ทุกวัน เรื่องที่มีผู้ปรึกษามากที่สุด คือ ร้อยละ 80 ความกังวลว่าตนเองจะติดเชื้อหรือไม่ ภายหลังมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการ คนที่เพิ่งรู้จักโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งกว่าจะตรวจว่าติดเชื้อเอดส์หรือไม่ต้องรอนานถึง 3 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาต่อต้านเชื้อเอชไอวี ชุดตรวจหาเชื้อเอดส์ที่มีในปัจจุบันจึงจะตรวจได้และมีความแม่นยำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยเพียง 1 ครั้ง มีโอกาสรับเชื้อเอดส์มากน้อยอย่างไร นายนิมิตร์ กล่าวว่า ปกติคนในแวดวงทำงานรณรงค์ด้านเอดส์จะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องนี้ เพราะแนวรณรงค์ออกมาในรูปของการขู่ว่าจะติดเชื้อ ความจริงการมีเซ็กซ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย 1 ครั้ง มีโอกาสติดเชื้อร้อยละ 0.1-0.3 เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก แต่เราไม่รู้ว่าครั้งใดที่เราจะรับเชื้อ เพราะไม่มีหลักประกัน ดังนั้น ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ถือว่าถุงยางอนามัยเป็น “พระเอก” ในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะโรคเอดส์
“สรีระของผู้หญิงมีโอกาสติดเชื้อเอดส์มากกว่าผู้ชาย ขอให้ใช้ถุงยางอนามัย อย่ามองเป็นเรื่องเสียหาย อย่าตีตราว่าเป็นสิ่งที่หญิงบริการเท่านั้นเป็นผู้ใช้ ผมอยากให้ใช้ทุกครั้งไม่ว่าจะกับแฟน สามี ภรรยา เพราะเราไม่รู้ว่าเขามีพฤติกรรมเสี่ยงลับหลังเราหรือไม่ ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจกัน แต่ป้องกันเอาไว้ดีกว่า” นายนิมิตร์ กล่าว
ส่วนการรณรงค์ให้ติดตั้งตู้หยอดเหรียญซื้อถุงยางอนามัยราคาถูกตามห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ และโรงเรียนนั้น นายนิมิตร์ กล่าวว่า อยากเสนอต่างมุมออกไป เพราะกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อคือผู้ใช้แรงงาน มีอาชีพรับจ้าง การตั้งตู้หยอดเหรียญตามสถานที่ดังกล่าว จำนวน 2 ชิ้น 10 บาท ไม่ได้อำนวยความสะดวกในการเข้าถึงถุงยางอนามัย ตนเสนอให้เจ้าของโรงงานขอรับถุงยางอนามัยฟรีจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด นำมาวางไว้ในห้องน้ำของโรงงาน คนงานชายหญิงสามารถหยิบไปใช้ได้ ส่วนการตั้งตู้หยอดเหรียญซื้อถุงยางอนามัยในโรงเรียนนั้น จากการเข้าไปดำเนินโครงการสอนเพศศึกษาในโรงเรียนกว่า 300 แห่ง พบว่ามีนักเรียนร้อยละ 7-10 เท่านั้น ที่มีที่เพศสัมพันธ์ในวัยเรียน จุดนี้หากครูเข้าใจ เข้าถึงปัญหาจะได้รับความไว้วางใจจากนักเรียน เด็กจะให้ข้อมูล จากนั้นจึงให้คำแนะนำเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยแทนการตั้งตู้หยอดเหรียญซื้อถุงยางอนามัยอย่างเดียว