กทม.เผย หาก “เขื่อนศรีนครินทร์” แตกจริง คนฝั่งธนฯ จะต้องรับผลกระทบก่อน แต่มั่นใจสามารถเตือนประชาชนและรับมือได้ทันอย่างแน่นอน
นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยหลังหารือร่วมกับ ผอ.สำนักการระบายน้ำและสำนักบรรเทาสาธารณภัย และผู้ที่เกี่ยวข้อง ว่า หากเกิดภัยพิบัติจากเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี กระทั่งทำให้เขื่อนแตก กทม.ซึ่งอยู่ห่างจากเขื่อนในระยะทางประมาณ 150 กม.จะได้รับผลกระทบแน่นอน โดยเฉพาะประชาชนใน 7 เขต ของย่านฝั่งธนบุรี ที่หากเกิดน้ำมาจะได้รับผลกระทบก่อน
อย่างไรก็ตาม จากการคำนวณพบว่า ระยะเวลาการเดินทางของน้ำ จะใช้เวลาประมาณ 72 ชั่วโมง ซึ่ง กทม.สามารถเตือนประชาชนได้ทัน
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนศรีนครินทร์สูงสุด รับน้ำได้ประมาณ 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร หากเขื่อนแตก เมื่อผ่านจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นพื้นดินลุ่มและกว้าง พื้นที่ประมาณ 40,000 ตารางกิโลเมตร ก็จะสามารถซับและกระจายน้ำไว้ได้ปริมาณหนึ่ง คาดว่า จะคงเหลือน้ำไหลมาถึง กทม.สูงจากพื้น 25 เซนติเมตร ซึ่งในปริมาณนี้ความสามารถในการระบายน้ำของสำนักการระบายน้ำมีศักยภาพเพียงพอในการระบายน้ำ เพราะมีสถานีสูบน้ำต่าง ๆ ระบายได้ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ขณะเดียวกับที่ กทม.ก็มีแนวเขื่อนกั้นน้ำ กั้นแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งความสูง 2-50-3 เมตร ก็จะพักน้ำไม่ให้เข้าพื้นที่ชั้นในได้ เพราะหากเทียบระดับน้ำสูงสุดที่เคยมีที่ 2.14 เมตร เมื่อปี 2538 เมื่อบวกกับอีก 25 ซม.ก็อยู่ในระดับที่รับได้ ขอให้ประชาชนชาว กทม.มั่นใจ
นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยหลังหารือร่วมกับ ผอ.สำนักการระบายน้ำและสำนักบรรเทาสาธารณภัย และผู้ที่เกี่ยวข้อง ว่า หากเกิดภัยพิบัติจากเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี กระทั่งทำให้เขื่อนแตก กทม.ซึ่งอยู่ห่างจากเขื่อนในระยะทางประมาณ 150 กม.จะได้รับผลกระทบแน่นอน โดยเฉพาะประชาชนใน 7 เขต ของย่านฝั่งธนบุรี ที่หากเกิดน้ำมาจะได้รับผลกระทบก่อน
อย่างไรก็ตาม จากการคำนวณพบว่า ระยะเวลาการเดินทางของน้ำ จะใช้เวลาประมาณ 72 ชั่วโมง ซึ่ง กทม.สามารถเตือนประชาชนได้ทัน
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนศรีนครินทร์สูงสุด รับน้ำได้ประมาณ 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร หากเขื่อนแตก เมื่อผ่านจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นพื้นดินลุ่มและกว้าง พื้นที่ประมาณ 40,000 ตารางกิโลเมตร ก็จะสามารถซับและกระจายน้ำไว้ได้ปริมาณหนึ่ง คาดว่า จะคงเหลือน้ำไหลมาถึง กทม.สูงจากพื้น 25 เซนติเมตร ซึ่งในปริมาณนี้ความสามารถในการระบายน้ำของสำนักการระบายน้ำมีศักยภาพเพียงพอในการระบายน้ำ เพราะมีสถานีสูบน้ำต่าง ๆ ระบายได้ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ขณะเดียวกับที่ กทม.ก็มีแนวเขื่อนกั้นน้ำ กั้นแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งความสูง 2-50-3 เมตร ก็จะพักน้ำไม่ให้เข้าพื้นที่ชั้นในได้ เพราะหากเทียบระดับน้ำสูงสุดที่เคยมีที่ 2.14 เมตร เมื่อปี 2538 เมื่อบวกกับอีก 25 ซม.ก็อยู่ในระดับที่รับได้ ขอให้ประชาชนชาว กทม.มั่นใจ