แพทย์วชิรพยาบาล เผยการรักษาอาการกรนแบบใหม่ไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการ “ฝังพิลลาร์” เข้าไปในเพดานอ่อน ใช้เวลาเพียง 10 นาที เผยอาการกรนส่งผลร้ายกว่าที่คิด ทั้งความดันสูง เซ็กซ์เสื่อม หรือภาวะหยุดหายใจระหว่างหลับ
วันนี้ (12 ม.ค.) รศ.นพ.ชัยรัตน์ นิรันตรัตน์ ภาควิชาโสต ศอ นาสิก วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาล ได้แถลงเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ในการรักษาอาการนอนกรน และอาการภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea:OSA) ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยมากขึ้นในยุคปัจจุบัน พบได้ทุกช่วงอายุ ทุกเพศ ทุกวัย แม้กระทั่งวัยเด็ก โดยคนไทยส่วนใหญ่ยังคงมีความเชื่อที่ผิดว่าอาการนอนกรนเป็นอาการปกติของผู้สูงอายุ
รศ.นพ.ชัยรัตน์ กล่าวว่า อาการนอนกรนในทางการแพทย์แล้วถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติ เป็นอาการที่ชี้บ่งว่าทางเดินหายใจแคบ เวลาลมหายใจที่ผ่านช่องคอที่แคบจะเกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดเป็นเสียงกรน ยิ่งหากมีปัญหาแน่นจมูก เป็นหวัด หรือเป็นภูมิแพ้ จะทำให้ต้องอ้าปากเวลานอน ยิ่งส่งผลให้นอนกรนมายิ่งขึ้น
“อาการนอนกรนเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบน โดยมีเหตุปัจจัยในการเกิดหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นไซนัส ริดสีดวงจมูก ทอนซิลโต สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เป็นต้น ซึ่งที่หลายคนไม่ทราบ คือ ผลของการนอนกรนที่จะมีปัญหาตามมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นอาการง่วงนอน เพราะผู้ป่วยนอนหลับไม่เต็มอิ่ม ออกซิเจนผ่านเข้าร่างกายน้อยกว่าปกติ เหนื่อยง่าย และหากเป็นมาก อาจส่งผลให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด หรือหากนอนกรนมาก จนเป็นการกรนและมีภาวะหยุดหายใจในขณะหลับอาจะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วย”
จากนั้น รศ.นพ.ชัยรัตน์ จึงได้เปิดตัวการรักษาแบบใหม่ ที่เรียกว่า “การใส่พิลลาร์” (Pillar Procedure) ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อการรักษาอาการนอนกรน โดยตัวพิลลาร์นี้ คือวัสดุที่ทำจากไหมเย็บผนังหัวใจ ซึ่งตามปกติก็ใช้ในการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจอยู่แล้ว จึงไม่มีผลข้างเคียงกับร่างกาย มีลักษณะคล้ายเชือกด้ายสีขาว ยาวประมาณ 1 เซนติเมตรเศษ
สำหรับการรักษาด้วยการใส่พิลลาร์นี้ จะเริ่มจากการทายาชาที่บริเวณเพดานอ่อนในปาก รอจนยาชาออกฤทธิ์ จากนั้นแพทย์จะฉีดยาชาตามเข้าไป รอให้ยาชาที่ฉีดเข้าไปออกฤทธิ์ จากนั้นแพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่มีรูปร่างคล้ายปืน ด้านปลายมีเข็มกลวงลักษณะโค้งงอ เมื่อยาชาออกฤทธิ์ดีแล้ว แพทย์จะทิ่มเข็มที่โค้งงอนั้นเข้าไปที่บริเวณเพดานอ่อนภายในปาก จากนั้นจะยิงพิลลาร์เข้าไป โดยจะทำทั้งหมด 3 ครั้ง เพราะการวิจัยออกมาพบว่าการใส่พิลลาร์เรียงกัน 3 อัน ซึ่งอุปกรณ์ที่รูปร่างคล้ายปืนนั้น เป็นของใช้ครั้งเดียวทิ้ง ดังนั้น ในการรักษาแบบใส่พิลลาร์จะใช้ปืนยิงพิลลาร์ทั้งสิ้น 3 กระบอก โดยแท่งพิลลาร์ที่ใส่เข้าไปนั้นจะไปทำหน้าที่เสริมความตึงและความแข็งแรงของเพดานอ่อน ให้สะบัดน้อยลง-เวลานอนหลับ ซึ่งก็จะส่งผลให้การกรนลดน้อยลงประมาณ 70-80% โดยหากผู้ป่วยใช้วิธีการลดน้ำหนัก และการเปลี่ยนท่านอนควบคู่ไปด้วย อาการกรนจะหายเกือบสนิททีเดียว
ในการณ์นี้ รศ.นพ.ชัยรัตน์ ได้นำเคสคนไข้ตัวอย่างที่มีปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับมาทำการรักษาด้วยวิธีการใส่พิลลาร์ ให้ผู้สื่อข่าว และช่างภาพได้ทำข่าวและบันทึกภาพอย่างใกล้ชิด ซึ่งภายหลังการรักษาที่กินเวลาเพียง 10 นาที นั้น น.ส.นีลนุช วงศ์สวัสดิ์ ผู้ป่วยเคสตัวอย่าง กล่าวว่า ไม่รู้สึกเจ็บ และมีเลือดออกเพียงเล็กน้อย และทันทีที่ใส่พิลลาร์เสร็จเธอยังได้รับประทานไอศกรีมโชว์ผู้สื่อข่าวด้วย
รศ.นพ.ชัยรัตน์ กล่าวว่า ความเจ็บปวดจากการรักษาด้วยการใส่พิลลาร์นี้จะคล้ายกับการเจ็บปวดจากการถอนฟัน แต่จะน้อยกว่าการถอนฟันประมาณครึ่งหนึ่ง และหลังจากการรักษาจะเจ็บอยู่ประมาณ 1-2 วันเท่านั้น ซึ่งการรักษาแบบนี้เพิ่งจะเข้ามาประเทศไทย 2-3 เดือน และมีรักษากันในตามโรงพยาบาลรัฐบาลและเอกชนในกรุงเทพฯ บ้างแล้ว แต่สำหรับในต่างประเทศ เป็นวิธีการรักษาที่มีมานานแล้วประมาณ 2 ปี ซึ่งก็ได้รับความนิยมทั้งในเยอรมนี สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น เพราะเป็นวิธีที่สะดวก เจ็บน้อยกว่าวิธีการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดขยายช่องคอ ตัดลิ้นไก่ ตัดโคนลิ้น สำหรับสนนราคาค่ารักษาแบบใส่พิลลาร์นี้ จะอยู่ระหว่าง 26,000-40,000 บาท แล้วแต่โรงพยาบาล