xs
xsm
sm
md
lg

ตะลึง! เด็กไทยฝันเปียกตั้งแต่ 8 ขวบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จุฬาฯ วิจัยพบเด็กไทยโตเป็นหนุ่ม-สาวเร็วขึ้น เด็กชายฝันเปียกครั้งแรก อายุต่ำสุด 8 ปี ส่วนเด็กหญิงมีประจำเดือนอายุต่ำสุด 9 ปี สอดคล้องกับผลวิจัยของอังกฤษ พร้อมชี้เด็กที่โตเร็วมากๆ หากไม่ได้รับการชี้ทางด้วยความรักความเข้าใจ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ โตขึ้นอาจกลายเป็นผู้ใหญ่เจ้าปัญหาได้

นางสาวศิริยุพา นันสุนานนท์ ผู้วิจัยเรื่อง “การศึกษาความรู้ เจตคติ ความเชื่อ และพฤติกรรมทางเพศของเยาวชนไทย” จากศูนย์วิจัยและพัฒนาเพศศาสตรศึกษา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยว่า จากการเก็บข้อมูลเยาวชนหญิงชายที่มีอายุระหว่าง 10 - 24 ปี ในเขตกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาค ของประเทศไทย จำนวน 5,998 คน ระหว่างปี พ.ศ.2546- 2547 พบว่า เด็กหญิงและเด็กชายไทยเข้าสู่ภาวะการเจริญพันธุ์เร็ว โดยเด็กหญิงจำนวน 3,290 คน เริ่มมีประจำเดือนครั้งแรก เมื่ออายุเฉลี่ย 12.69 ± 1.36 ปี ต่ำสุด คือ 9 ปี (อยู่ในกลุ่มอายุน้อยกว่า 10 ปี คิดเป็นร้อยละ 3.9) สูงสุด คือ 20 ปี (อยู่ในกลุ่มอายุมากกว่า 10 ปี คิดเป็นร้อยละ 96.1) ส่วนเด็กชายจำนวน 2,708 คน เริ่มมีฝันเปียกครั้งแรก เมื่ออายุเฉลี่ย 13.63 ± 1.74 ปี ต่ำสุด คือ 8 ปี (อยู่ในกลุ่มอายุน้อยกว่า 10 ปี คิดเป็นร้อยละ 2.6) สูงสุด คือ 22 ปี (อยู่ในกลุ่มอายุมากกว่า 10 ปี คิดเป็นร้อยละ 97.4)

จากผลการวิจัยครั้งนี้สอดคล้องกับผลวิจัยในต่างประเทศอังกฤษที่ยืนยันว่า เด็กรุ่นสหัสวรรษใหม่ จำนวน 14,000 คน เด็กผู้หญิง 1 ในทุกๆ 6 คน เริ่มแตกเนื้อสาวเมื่ออายุย่าง 8 ขวบ เทียบกับจำนวนเพียง 1 ใน 100 ของเด็กหญิงรุ่นก่อน และเด็กผู้ชาย 1 ใน 14 คน ก็เริ่มแตกพานในอายุ 8 ขวบ เทียบกับจำนวนเพียง 1 ใน 150 ของเด็กชายรุ่นก่อนเช่นกัน และเด็กที่โตเร็วขนาดนี้ หากไม่ได้รับการชี้ทางด้วยความรักความเข้าใจ ทั้งทางกายและใจ อาจจะกลายเป็นผู้ใหญ่เจ้าปัญหาก็เป็นได้ การศึกษาวิจัยในเรื่องการมีฝันเปียกครั้งแรกของเด็กชายเท่าที่ผ่านมานั้นยังไม่มีการศึกษามากนัก ส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปในเรื่องของการมีประจำเดือนครั้งแรกกลุ่มเด็กหญิงมากกว่า ซึ่งน่าจะมีการศึกษาต่อถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และจิตใจในเด็กชาย เพื่อที่จะเป็นแนวทางในการให้ความรู้ และการให้การปรึกษาแก่เด็กและวัยรุ่น

“การเปลี่ยนแปลงของร่างกายมีประจำเดือนหรือมีฝันเปียกเร็วนั้น ยังไม่พบว่ามีความสัมพันธ์กับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรในเด็ก แต่ในตัวเลขที่น่าเป็นห่วงนี้ จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจในการศึกษาค้นคว้า อีกทั้งยังมีเด็กที่ตกเป็นเหยื่อทางเพศอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีเพศสัมพันธ์เร็ว ครั้งแรกเพียงอายุ 7 ขวบ กลับพบว่าคู่ที่เพศสัมพันธ์ด้วยนั้นเป็นผู้ใหญ่ที่อายุ 55 ปี ดังนั้น ผลการสำรวจเด็กมีเพศสัมพันธ์เร็วจึงไม่เฉพาะในการวิจัยเท่านั้น แต่เป็นผลจากการล่วงละเมิดทางเพศด้วย”

ศ.นพ.นิกร ดุสิตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ วิจัยและพัฒนาเพศศาสตรศึกษา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า การพัฒนาทางเพศเป็นเรื่องแปลกแต่จริง ซึ่งเคยมีการบันทึกข้อมูลจากประเทศแถบสแกนดิเนเวียว่าทุกๆ 10 ปี เด็กหญิงจะมีประจำเดือนเร็วขึ้น 4-5 เดือน ซึ่งเมื่อก่อนผู้หญิงจะมีประจำเดือนครั้งแรก อายุ 18 ปี ซึ่งทั้งร่างกายและจิตใจเติบโตสัมพันธ์กัน ขณะที่ปัจจุบันร่างกายเติบโตแซงหน้าจิตใจไปแล้ว ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนเหมือนกันว่าเด็กยังไม่มีความต้องการทางเพศเลย อย่ามองว่าเด็กไม่ดี เพราะส่วนมากที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยเกิดจากการกระทำของผู้ใหญ่ และปัญหาด้านเพศก็เป็นปัญหาของทุกเพศทุกวัยด้วย

น.ส.ศิริยุพา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จากการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพพบว่า กลุ่มตัวอย่างจะไม่รู้มาก่อนว่า ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่วัยหนุ่มวัยสาวอย่างไร และพ่อแม่มักจะกล่าวว่า เมื่อถึงเวลาก็รู้เอง ทำให้เกิดความเข้าใจว่า เมื่อโตขึ้นก็จะรู้ได้เอง ประเด็นนี้การให้ความรู้เพศศาสตรศึกษาโดยเฉพาะในเรื่องของพัฒนาการทางเพศ การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จิตใจ และอารมณ์เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น รวมถึงระบบสืบพันธุ์และสุขอนามัยทางเพศ น่าจะเป็นส่วนสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับเด็กและวัยรุ่น รวมทั้งเป็นการสร้างความเข้าใจในเรื่องเพศว่า เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเข้าสู่วัยสูงอายุ

สำหรับข้อมูลกลุ่มเยาวชนที่มีเพศสัมพันธ์แล้วพบว่า อายุเฉลี่ยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของเยาชนจะอยู่ที่ 16.67±2.24 ปี ซึ่งถือว่าอายุค่อนข้างน้อย และยังอยู่ในวัยเรียน ส่วนการได้รับความรู้ด้านอนามัยเจริญพันธุ์นั้นเยาวชนส่วนใหญ่ตอบว่าเคยได้รับความรู้ แต่เป็นเพียงแค่ได้ยิน แต่ไม่เข้าใจหรือมีความรู้ลึกซึ่งแต่อย่างใด สำหรับประสบการณ์การมีเพศสัมพันธ์ ดูเฉพาะในกลุ่มที่อยู่นอกสถานศึกษาจำแนกตามระดับการศึกษาพบว่า กลุ่มที่ไม่ได้ศึกษา/ระดับประถม-มัธยมศึกษาตอนต้น/อาชีวศึกษา เคยมีประสบการณ์มากกว่ากลุ่มที่กำลังศึกษาอยู่ ประสบการณ์การมีเพศสัมพันธ์ในขณะที่กำลังศึกษาอยู่ พบว่าเด็กกลุ่มเสี่ยง คือ กลุ่มอาชีวศึกษา

น.ส.ศิริยุพา กล่าวต่อว่า ในเรื่องของการให้ความรู้เรื่องอนามัยเจริญพันธุ์ที่วัยรุ่นต้องการจำแนกตามระดับการศึกษาที่จบพบว่า เยาวชนที่อยู่ในสถานศึกษาได้รับความรู้มากกว่ากลุ่มที่จบการศึกษาแล้วหรืออยู่นอกสถานศึกษา และรูปแบบการให้ความรู้ที่นิยมคือ ทีวี โรงเรียน และในตำราเท่านั้น ที่สำคัญการให้บริการด้านอนามัยเจริญพันธุ์ส่วนใหญ่อยู่ในชุมชน เป็นการจัดการบริการให้ช่วงอายุค่อนข้างกว้างคือ 15-44 ปี เป็นบริการสำหรับวัยเจริญพันธุ์ไม่ใช่ให้บริการกับวัยรุ่นโดยตรง และเป็นการให้บริการแบบตั้งรับ ซึ่งลักษณะการให้บริการ การรอเจ้าหน้าที่ให้บริการของภาครัฐมีปัญหาไม่สะดวกเท่าการให้บริการของเอกชน สำหรับเรื่องเพศศึกษาส่วนใหญ่เป็นการเรียนรู้เรื่องเพศจากโรงเรียน โดยเนื้อหาจะอยู่ในวิชาสุขศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา และครูสอนแบบเน้นวิชาการและทฤษฎีเท่านั้น

ในส่วนของการมีเพศสัมพันธ์พบว่า วัยรุ่นในชุมชนจะมีเพศสัมพันธ์กันเร็วมาก ซึ่งมาจากอิทธิพลของกลุ่มเพื่อนโดยเฉพาะผู้ชาย และทัศนคติในสังคม ส่วนเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์ พบว่าวัยรุ่นในชุมชนส่วนใหญ่ยังมีความรู้และการปฏิบัติตนไม่ถูกต้องในเรื่องการป้องกัน รวมทั้งวิธีการรักษาส่วนวัยรุ่นในโรงเรียนพบว่าส่วนใหญ่มีความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ วิธีการคุมกำเนิด โดยวัยรุ่นเห็นว่าการคุมกำเนิดเป็นความรับผิดชอบของผู้หญิงเนื่องจากผู้หญิงเป็นคนที่ตั้งครรภ์ ซึ่งวิธีการคุมกำเนิดมักเป็นแบบชั่วคราวถือใช้ถุงยางอนามัย หรือกินยาคุม

น.ส.ศิริยุพา กล่าวต่อว่า ข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยดังกล่าวข้างต้นคิดว่าหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน ควรส่งเสริมให้ความรู้เรื่องอนามัยเจริญพันธุ์อย่างต่อเนื่องและเหมาะสมกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของไทย และควรจัดให้มีบริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับวัยรุ่นเป็นแบบเชิงรุก โดยเน้นบ้าน ชุมชน และโรงเรียนเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่าน่าจะช่วยเพิ่มพูนความรู้เรื่องเพศศึกษาให้แก่เยาวชนไทยได้พอสมควร
กำลังโหลดความคิดเห็น