xs
xsm
sm
md
lg

กม.ฟ้องหย่าใหม่ไม่ระบุจำนวนครั้งการมีเพศสัมพันธ์ที่ถือว่าเป็น “ชู้”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สำนักงานกิจการสตรี แจงร่างกฎหมายฟ้องหย่าฉบับใหม่ ไม่ระบุจำนวนครั้งของการมีเพศสัมพันธ์ที่เป็นชู้ เผยเพิ่มสิทธิให้หญิงคู่หมั้นเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ร่วมประเวณีกับคู่หมั้นได้ จากเดิมให้สิทธิแต่ฝ่ายชาย ด้านกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เสนอให้การซื้อบริการทางเพศเป็นการมีชู้ นำเป็นเหตุฟ้องหย่าได้

นางกิ่งแก้ว อินหว่าง รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับถ้อยคำในร่างกฎหมายฟ้องหย่าที่ยกร่างแก้ไขใหม่ จึงอยากชี้แจงในรายละเอียดของบางมาตราที่สำคัญที่มีการแก้ไข ดังนี้ มาตรา 1516(1) จากเดิมกำหนดว่า “สามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา หรือภริยามีชู้” แก้เป็น “สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี หรือเป็นชู้หรือมีชู้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้” ทำให้เหตุฟ้องหย่าของฝ่ายหญิงเหมือนและเท่าเทียมกับฝ่ายชายทุกอย่าง

และมาตรา 1445 เดิมกำหนดว่า “ชายคู่หมั้นอาจเรียกค่าทดแทนจากชายอื่นซึ่งได้ร่วมประเวณีกับหญิงคู่หมั้นโดยรู้หรือควรจะรู้ว่าหญิงนั้นได้หมั้นกับชายคู่หมั้นนั้นแล้วได้ เมื่อชายคู่หมั้นได้บอกเลิกสัญญาหมั้น” แก้ใหม่เป็นว่า “ชายหรือคู่หมั้นหญิงอาจเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งได้ร่วมประเวณีกับคู่หมั้นของตนโดยรู้หรือควรจะรู้ถึงการหมั้นนั้น เมื่อได้บอกเลิกสัญญาหมั้นแล้ว คือ เพิ่มสิทธิเรียกค่าทดแทนให้กับฝ่ายหญิงที่เป็นคู่หมั้นด้วย จากเดิมที่ให้เฉพาะฝ่ายชายเท่านั้น

ทั้งนี้ นางกิ่งแก้ว ยืนยันว่า ในร่างนี้ไม่ได้มีถ้อยคำที่ระบุถึงจำนวนครั้งของการที่สามีไปร่วมประเวณีกับผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยา ว่า หากมีเพียงครั้งเดียวหรือกี่ครั้งจะถือว่าเป็นการมีชู้แต่อย่างใดเลย

ด้าน น.ส.นัยนา สุภาพึ่ง กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า สาระของกฎหมายที่ยกร่างใหม่นี้ล้วนเป็นสิ่งดีต่อผู้หญิง แต่อยากเสนอเพิ่มเติมว่า ควรนิยามคำว่า “ชู้” ใหม่ ต้องให้ครอบคลุมว่าหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงหรือชายอื่น รวมไปถึงการซื้อบริการทางเพศด้วย คือ ต่อไปผู้ชายหรือผู้หญิงที่ซื้อบริการทางเพศ ต้องถือว่า มีชู้ด้วย เป็นเหตุให้ฟ้องหย่าได้ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมากรณีซื้อบริการทางเพศนั้น ศาลจะไม่พิจารณาว่าเป็นชู้

นายประชนม์ สิงห์สกุลรัตน์ ทนายความของมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า ในมาตรา 1516(1) ที่แก้ไขใหม่จะช่วยให้ครอบคลุมถึงชู้ที่เป็นกลุ่มรักเพศเดียวกันด้วย เนื่องจากระบุว่า สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี คือ ใช้คำว่าผู้อื่น แทนที่จะใช้คำว่าหญิงหรือชาย ดังนั้น ต่อไปเมื่อเกิดกรณีฝ่ายชายอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องชู้ที่เป็นชายฉันภริยา หรือฝ่ายหญิงอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องชู้ที่เป็นเพศหญิงเช่นกัน ย่อมเป็นเหตุให้ฟ้องหย่าได้ด้วย

น.ส.เนตินาฎ ยวงสะอาด ทนายความเครือข่ายมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า คดีฟ้องหย่าที่รับทำมาพิสูจน์และนำสืบยากมาก ว่า เป็นชู้หรือมีชู้หรือไม่ ต้องใช้หลักฐานและพยานบุคคลที่ชัดเจน เช่น ภาพถ่าย ต้องมีหลักฐานชี้ชัดที่จะบ่งชี้ว่า มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่ต้องจ้างนักสืบอาชีพช่วย แต่ละคดีใช้เวลาค่อนข้างนานเฉลี่ย 1 - 2 ปี บางคดีนานถึง 5 ปีก็มี อีกทั้งเมื่อมีคำสั่งศาลแล้ว ส่วนใหญ่มักจะไม่ยอมจ่ายเงินค่าทดแทน ค่าอุปการะเลี้ยงดู
กำลังโหลดความคิดเห็น