xs
xsm
sm
md
lg

เปิดโผสัตว์เลี้ยงมาแรง ปี 2549

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงปีพ.ศ. 2548 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนรากหญ้าค่อนข้างจะซบเซา เงินในกระเป๋ามีไม่มากนัก ทำให้ต้องจำกัดจำเขี่ยการใช้จ่ายมากพอสมควร รายจ่ายอะไรที่ฟุ่มเฟือย ก็ต้องพยายามตัดมันออกไป เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุด

สัตว์เลี้ยงก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือย รอบปีที่ผ่านมากับเศรษฐกิจที่ยอบแยบทำให้ตลาดสัตว์เลี้ยงไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควร แต่ธุรกิจค้าสัตว์เลี้ยงหลายประเภท ยังพอจะมีแนวโน้มความนิยมเพิ่มขึ้นบ้างในปี 2549 นี้

ตามไปดูกันดีกว่า ว่าตอนนี้ "ตัวไหน" มาแรง...

เปิดประเดิมกันด้วยสัตว์เลี้ยงประเภทสัตว์ปีก ในปีพ.ศ.2548 เรียกได้ว่าเป็นปีที่ค่อนข้างจะทรุดของธุรกิจสัตว์ปีกเลยทีเดียว ประเด็นหลักและประเด็นเดียวที่ทำให้เกิดภาวะ "ขายไม่ออก" ของสัตว์ปีกก็คือการแพร่ระบาดของ "ไข้หวัดนก" หรือเชื้อไวรัส H5N1 ที่คร่าชีวิตผู้คนในแถบภูมิภาคเอเชียไปไม่น้อย โดยพาหะนำโรคนี้ก็คือสัตว์ปีกนั่นเอง

ละออ พินธุพันธ์ วัย 57 ปี เจ้าของกิจการขายสัตว์ปีกร้าน "ละออฟาร์ม" กล่าวว่า ช่วงปี 2548 ที่ผ่านมา ตลาดการขายนกของร้านทรุดลงกว่าครึ่ง คือเสียหายมากกว่า 50% เพราะด้วยกระแส "ไก่หวัดนก" ทำให้ประชาชนคนทั่วไป "พ่วงนก" เข้ากับกระแสของไก่เข้าไปด้วย ทั้งที่ในความเป็นจริงโอกาสติดหวัดนกจากนกที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างสะอาด ถูกหลักอนามัยนั้นมีโอกาสเป็นไปได้น้อยก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบธุรกิจค้าสัตว์เลี้ยงประเภทสัตว์ปีกรายนี้ก็เชื่อว่า ปี 2549 นี้ กระแสของสัตว์เลี้ยงประเภทสัตว์ปีกจะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสของ “นกเขาชวา” สัตว์ปีกเสียงเพราะที่ทำท่าว่าจะมาแรง เพราะเริ่มฮิตในหมู่คนกรุงเทพฯ และมีสนามประลองเสียงอยู่ทั่วทุกมุมเมือง รวมทั้งมีการจัดประกวดแทบทุกสัปดาห์อีกด้วย

แต่สำหรับณัฏฐเดช งามภัทรไพศาล ผู้ค้านกประเภทสวยงามกล่าวว่า ตั้งแต่มีปัญหาไข้หวัดนก ทำให้นกสวยงามที่ได้รับความนิยม เช่น นกฟินซ์ ที่เคยราคาตัวละหลายพันบาท ตกลงมาอยู่ที่ไม่กี่ร้อยบาท ทำให้ผู้ค้านกสวยงามประสบปัญหาในการขายไม่ออกกันไปตามๆ กัน แต่ถ้าหากจะให้คาดการณ์แนวโน้มความนิยมนกสวยงามในปีหน้า แนวโน้มความนิยมน่าจะเป็นนกใหญ่ เช่น นกกระตั้ว นกมาร์คอร์ เป็นต้น

...ถึงตรงนี้เหล่าพลพรรคคนรักตูบ – เหมียว คงจะท้วงว่า แล้วสัตว์เลี้ยงคลาสสิกตลอดกาลอย่างน้องหมาและน้องแมวล่ะ ปีนี้จะอินเทรนด์ไหม??? แหม... เจ้าสี่ขาสองชนิดนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทคู่กายคนไทยมาช้านาน ดังนั้น ไม่ว่ากระแสสัตว์เลี้ยงชนิดใดจะเป็นอย่างไร แต่ความนิยมสัตว์ 2 ประเภทนี้ยังคงรุ่งพุ่งแรงตลอดกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสของแมวที่ฟันธงได้เลยว่าสดใสในปี 2549 แน่นอน

“เมย์” แห่งร้านแคททอรี่กล่าวว่า กระแสแมวช่วงปี 2548 มาแรงสวนกระแสเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสิ้นปีต่อต้นปี และคาดว่าจะแรงไปจนกระทั่งกลางปีหน้า เพราะปัจจุบันคนกรุงเทพฯ นิยมอยู่ในที่พักที่มีพื้นที่จำกัด เช่น ในคอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนต์ หรือหอพัก ซึ่งมีข้อจำกัดในการเลี้ยงสัตว์ที่ส่งเสียงดัง ทำให้ยากในการที่จะเลี้ยงสัตว์จำพวกสุนัข คนกรุงจึงหาทางออกด้วยการหันมาเลี้ยงสัตว์ที่ไม่ค่อยมีเสียงรบกวนจำพวกหนู กระต่าย และแมว

และนอกจากนี้ กระแสนิยมการเลี้ยงแมวของประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และโดยข้อห้ามของศาสนามิให้เลี้ยงสัตว์ประเภทสุนัข ในปีที่ผ่านมาก็มีจำนวนไม่น้อยที่ข้ามมาซื้อแมวจากประเทศไทย หรือไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการสั่งออเดอร์ทีละหลายสิบตัว ทำเอาหาแมวให้แทบไม่ทันทีเดียว ส่วนสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงนั้น หากเป็นคนไทยอันดับหนึ่งก็คือ แมวเปอร์เชีย รองลงมาคือ พวกชอร์ตแฮร์ ที่มาแรงไล่ๆ กัน ส่วนชาวต่างชาตินั้นนิยมแมวไทยมากกว่า

ทีนี้มาเอาใจคนรักปลากันบ้าง เริ่มจากปลาไทยหาง่ายอย่าง “ปลากัด” กันก่อน ศุภลักษณ์ สันตนพานิชย์ แห่งร้านปลากัดซีซั่น ให้ข้อมูลว่า กระแสปลากัดนั่นอยู่ในระดับพอใช้ได้มาตลอดทั้งปี ขายได้เรื่อยๆ และแนวโน้มกระแสของปลากัดในปี 2549 น่าจะยังคงอยู่ที่ปลากัดลูกหม้อฮาล์ฟมูน เพราะด้วยวงหางรูปครึ่งวงกลมของมัน ที่ยังคงเป็นที่ติดอกติดใจของนักเล่นปลากัดทั้งหลาย

ส่วนด้านปลาทองนั้น รุ่งทิพย์ ศุภกิจโยธิน เจ้าของร้านโชกุน บอกว่า ปลาทองเป็นปลาที่ขายดีถึงดีมากตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ด้วยเพราะเป็นปลาใจเสาะ ตายง่าย อายุไม่ยืน ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อได้อีกบ่อยๆ แต่แม้ว่าปลาทองจะค่อนข้างเลี้ยงยาก ก็ยังมีคนนิยมซื้อมันไปเลี้ยงอยู่ดี เพราะปลาทองถือเป็นสัตว์มงคลอีกอย่างหนึ่งที่สามารถนำมาเลี้ยงเพื่อเสริมฮวงจุ้ย เรียกสิ่งดีๆ ให้แก่ผู้เลี้ยงได้ ดังนั้น ผู้ที่มีความเชื่อในเรื่องดังกล่าวจึงได้มาซื้อปลาทองกันเป็นจำนวนมาก

สำหรับการเสริมดวงปี 2548 นั้น จะเป็นปลาทอง 8 ตัว และปลาสีดำ 1 ตัว เลี้ยงรวมในตู้เดียวกัน (ปลาสีดำนิยมเลี้ยงปลารักเร่) แต่ถ้าเป็นการเลี้ยงเพื่อเสริมในเรื่องของการทำงาน จะเลี้ยงเป็นปลาสีเงินและปลาสีดำอย่างละตัวในตู้ใบเดียวกัน สำหรับกระแสปลาทองมาแรงในปี 2549 เป็นปลาฮอลันดาที่ถูกผสมขึ้นมาใหม่ ขณะนี้ยังไม่เข้ามาในประเทศไทย เพราะราคาสูงมากหากเทียบกับปลาทองพันธุ์อื่นๆ คืออยู่ที่ตัวละ 1,500 – 2,000 บาทต่อ 1 ตัว เป็นปลาฮอลันดาสีดำ และมีสีแดงจัดแทรกตามตัว ฟันธงว่าต้องมาแรงและเป็นที่นิยมของคนไทยแน่นอน

และสำหรับปลาทะเล ดูเหมือนกว่ากระแส “นีโม่” ปลาการ์ตูนสุดฮิตจากเรื่อง Finding Nemo ยังคงเป็นควันหลงให้นักนิยมเล่นปลาทะเลรุ่นจิ๋ว รบเร้าคุณพ่อคุณแม่ให้ซื้อหาไปเลี้ยงที่บ้าน และยังคงเป็นปลาทะเลที่ฮิตติดอันดับหนึ่งของความนิยมในปี 2548 ที่ผ่านมา และทำท่าจะเลยไปถึงปี 2549 ด้วย

... เหน่ง – ชนสาร ศรีสุข แห่งร้านโอเชียนแอนด์ซี บอกว่ากระแสการขายปลาทะเลในปีที่ผ่านมาค่อนข้างเงียบ ส่วนใหญ่เป็นการขายส่ง แต่ปลาการ์ตูนยังคงขายได้เรื่อยๆ ทั้งปี โดยให้ความเห็นว่าปี 2549 ตลาดปลาทะเลคงจะสดใสกว่านี้ ด้วยอิทธิพลของ “สยามโอเชียนเวิลด์” อะควาเรียมในสยามพารากอน ที่จะเรียกความสนใจของคนกรุงให้กลับมายังปลาทะเลอีกครั้ง และคาดว่าจะแรงจนผลักดันให้เกิดความสนใจซื้อเพิ่มขึ้น ส่วนปลาอีกชนิดที่จะมาแรงในปีหน้าคือปลา Blue Tank

จากสัตว์น้ำทีนี้ขึ้นบกมาดูเจ้าตัวจิ๋วน่ารักกันบ้าง อย่างพวกหนูแฮมสเตอร์ เฟอเร็ต เม่นแคระ ชินชิล่า ชูก้าร์ไรเดอร์และกระต่าย

...ลลิตภัทร จั่นเพชร เจ้าของร้าน “มาจิโกะ” ให้ข้อมูลว่าสัตว์ที่ขายได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งปีคือกระต่ายและหนูแฮมสเตอร์ ที่มาแรงคือ เม่นแคระกับชูก้าร์ไรเดอร์หรือกระรอกบิน และที่คิดว่าจะฮิตในปี 2549 นี้คือ ตัวเฟอเร็ตและที่ถือว่าซบเซาที่สุดคือ แกสบี้และชินชีล่า

“เม่นแคระนี่คิดว่าคงจะแรงข้ามปี คือมันแรงมาตั้งแต่ต้นปี 48 และคิดว่าช่วงปี 49 ก็น่าจะยังบูมไม่ตก อีกอย่างที่น่าจะแรงคือ ชูการ์ไรเดอร์และตัวเฟอเรต ที่เฟอร์เรตจะมาดังก็เพราะคนดังเลี้ยงเยอะ ดูเป็นสัตว์เลี้ยงไฮโซ แถมมันดูคล้ายแมว ทำให้ถูกกับนิสัยคนรักสัตว์ได้ไม่ยาก” เจ้าของร้านมาจิโกะสรุป
ปลาทอง
เม่นแคระ
นกเขาชวา
ปลาการ์ตูน
ชูการ์ไรเดอร์ (กระรอกบิน)
ความน่ารักของปลาทะเลบลูแทงก์ในตู้กระจกขนาดใหญ่
นกกระตั้ว
ลูกแมวชอร์ตแฮร์ลายเสือใหญ่
ปลากัดลูกหม้อฮาล์ฟมูน
ลูกแมวเปอร์เซีย

กำลังโหลดความคิดเห็น