บรรยายพิเศษโครงการผู้จัดการสุขภาพ “ดวงดีวิถีพุทธ ดวงดาวจักทำอะไรได้” ระบุ จะดาวกี่ดวงก็ไม่มีผลกับชีวิต เพราะชะตาชีวิตมีกรรมเป็นเครื่องกำหนด จะดวงดีหรือดวงตกอยู่ที่การทำกรรมดีหรือประกอบกรรมเลวเท่านั้น แนะมนุษย์ควรพัฒนาศักยภาพของจิต เพื่อเป็นพลังชีวิตทางปัญญาให้เป็นแสงสว่างในโลก
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. โครงการผู้จัดการสุขภาพ จัดกิจกรรมอุทยานอนุรักษ์สุขภาพครั้งที่ 17 ในช่วงเช้ามีบรรยายพิเศษ เรื่อง ดวงดีวิถีพุทธ : ดวงดาวจักทำอะไรได้ โดย รศ.ดร.สนอง วรอุไร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และผู้อำนวยการสถาบันจิตภาวนา เป็นผู้บรรยาย
รศ.ดร.สนอง กล่าวว่า ความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ที่อิงอยู่กับดวงดาวไม่มีอิทธิพลกับตัวเรา ทำอะไรเราไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ว่าเราจะพัฒนาจิตวิญญาณเราได้มากแค่ไหร่เท่านั้นเอง โดยดวงอยู่ที่การกระทำของเราเอง ไม่ได้อยู่ที่ดาว และไม่เกี่ยวกับชื่อ ที่มีหลายคนไปเปลี่ยนชื่อเพื่อแก้ดวงด้วย บางคนชื่อ ดวงดี แต่ปรากฏว่าออกไปขี่มอเตอร์ไซค์แล้วถูกชนตายก็มี หรือในกรณีของ องคุลิมาล ก่อนหน้าจะชื่อนี้เคยชื่อ อหิงสกะ ซึ่งแปลว่าไม่เบียดเบียนมาก่อน แต่ก็ไม่มีผลกับการกระทำ เพราะองคุลิมาลก็ยังเห็นผิดเที่ยวฆ่าคน เบียดเบียนชีวิตคน ดังนั้นดวงจึงขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเอง สรุปได้ว่า ชะตาชีวิตมีกรรมกำหนดเป็นที่สิ้นสุด ตัวเราเองคือผู้ลิขิตว่าเราจะอยู่ในกุศลกรรมอย่างไร
รศ.ดร.สนอง กล่าวต่อว่า ในทางพุทธศาสนา โหราศาสตร์ไม่มี แต่เรื่องดวงดาวมีในพระไตรปิฎก แต่มิได้ไว้เพื่อการทำนาย แต่มีไว้เพื่อเป็นการนับฤดู ให้พระสงฆ์ดูเวลาการทำสังฆกรรม ในพุทธะไม่มีการทำนาย สำหรับพุทธแล้วการเข้าถึงปัญญาก็คือการดำเนินในวิถีพุทธนั่นเอง ชีวิตจะดำเนินไปอย่างไรขึ้นอยู่กับการประกอบกรรม ทำกุศลกรรม หรือทำอกุศลกรรมมีผลทั้งนั้น
ด้าน ผศ.ดร.บรรจบ กล่าวว่า ดวงดาวไม่มีผลกับชีวิต แต่สิ่งที่มีผลคือการกระทำ หรือกรรม จะมีดาวอะไรมาทับชีวิตก็ไม่เป็นไร อยู่ที่การทำกุศลกรรมของเรา แต่ถ้าชีวิตเจอเรื่องทุกข์นั่นเพราะเรากำลังเผชิญกับวิบากกรมที่ได้ทำมาก มนุษย์มีกรรมติดตัวมาทั้งนั้นถึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ เราสามารถทำดวงให้ดีได้ โดยการทำดี ไม่ปล่อยชีวิตให้ไปตามดวง การทำบุญก็มีหลากหลาย พระพุทธเจ้าบอกว่ามีถึง 10 อย่าง ตั้งแต่ทาน จนถึงการภาวนา ดังนั้นเราต้องรู้จักประกอบกรรมดี เพื่อกรรมดีหนุนส่ง พลังของดวงดาว ไม่ว่าจะเป็นพระจันทร์ พระอาทิตย์ หรือดาวอะไรก็ตาม ไม่มีพลังมากเท่ากับพลังชีวิตของมนุษย์ ปัญญาคือพลังของมนุษย์ เป็นแสงสว่างในโลก มนุษย์ทุกคนสามารถพัฒนาศักยภาพทางปัญญาของเราเพื่อทำให้ชีวิตสว่างไสวได้
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. โครงการผู้จัดการสุขภาพ จัดกิจกรรมอุทยานอนุรักษ์สุขภาพครั้งที่ 17 ในช่วงเช้ามีบรรยายพิเศษ เรื่อง ดวงดีวิถีพุทธ : ดวงดาวจักทำอะไรได้ โดย รศ.ดร.สนอง วรอุไร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และผู้อำนวยการสถาบันจิตภาวนา เป็นผู้บรรยาย
รศ.ดร.สนอง กล่าวว่า ความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ที่อิงอยู่กับดวงดาวไม่มีอิทธิพลกับตัวเรา ทำอะไรเราไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ว่าเราจะพัฒนาจิตวิญญาณเราได้มากแค่ไหร่เท่านั้นเอง โดยดวงอยู่ที่การกระทำของเราเอง ไม่ได้อยู่ที่ดาว และไม่เกี่ยวกับชื่อ ที่มีหลายคนไปเปลี่ยนชื่อเพื่อแก้ดวงด้วย บางคนชื่อ ดวงดี แต่ปรากฏว่าออกไปขี่มอเตอร์ไซค์แล้วถูกชนตายก็มี หรือในกรณีของ องคุลิมาล ก่อนหน้าจะชื่อนี้เคยชื่อ อหิงสกะ ซึ่งแปลว่าไม่เบียดเบียนมาก่อน แต่ก็ไม่มีผลกับการกระทำ เพราะองคุลิมาลก็ยังเห็นผิดเที่ยวฆ่าคน เบียดเบียนชีวิตคน ดังนั้นดวงจึงขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเอง สรุปได้ว่า ชะตาชีวิตมีกรรมกำหนดเป็นที่สิ้นสุด ตัวเราเองคือผู้ลิขิตว่าเราจะอยู่ในกุศลกรรมอย่างไร
รศ.ดร.สนอง กล่าวต่อว่า ในทางพุทธศาสนา โหราศาสตร์ไม่มี แต่เรื่องดวงดาวมีในพระไตรปิฎก แต่มิได้ไว้เพื่อการทำนาย แต่มีไว้เพื่อเป็นการนับฤดู ให้พระสงฆ์ดูเวลาการทำสังฆกรรม ในพุทธะไม่มีการทำนาย สำหรับพุทธแล้วการเข้าถึงปัญญาก็คือการดำเนินในวิถีพุทธนั่นเอง ชีวิตจะดำเนินไปอย่างไรขึ้นอยู่กับการประกอบกรรม ทำกุศลกรรม หรือทำอกุศลกรรมมีผลทั้งนั้น
ด้าน ผศ.ดร.บรรจบ กล่าวว่า ดวงดาวไม่มีผลกับชีวิต แต่สิ่งที่มีผลคือการกระทำ หรือกรรม จะมีดาวอะไรมาทับชีวิตก็ไม่เป็นไร อยู่ที่การทำกุศลกรรมของเรา แต่ถ้าชีวิตเจอเรื่องทุกข์นั่นเพราะเรากำลังเผชิญกับวิบากกรมที่ได้ทำมาก มนุษย์มีกรรมติดตัวมาทั้งนั้นถึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ เราสามารถทำดวงให้ดีได้ โดยการทำดี ไม่ปล่อยชีวิตให้ไปตามดวง การทำบุญก็มีหลากหลาย พระพุทธเจ้าบอกว่ามีถึง 10 อย่าง ตั้งแต่ทาน จนถึงการภาวนา ดังนั้นเราต้องรู้จักประกอบกรรมดี เพื่อกรรมดีหนุนส่ง พลังของดวงดาว ไม่ว่าจะเป็นพระจันทร์ พระอาทิตย์ หรือดาวอะไรก็ตาม ไม่มีพลังมากเท่ากับพลังชีวิตของมนุษย์ ปัญญาคือพลังของมนุษย์ เป็นแสงสว่างในโลก มนุษย์ทุกคนสามารถพัฒนาศักยภาพทางปัญญาของเราเพื่อทำให้ชีวิตสว่างไสวได้
