“พินิจ” สั่งให้ปิดคลินิกที่ฉีดวัคซีนเด็กเสียชีวิตชั่วคราว พร้อมให้ไปตรวจและเก็บวัคซีนที่คลินิกทั้งหมด ใช้เวลาตรวจสอบ 2 - 3 สัปดาห์ หากพบบกพร่องจะปิดถาวร แนะทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ พ่อแม่ต้องบอกข้อมูลกับแพทย์ด้วย หากลูกมีปัญหาเพื่อให้รู้ประวัติ "เจ้าของคลินิก" วอนสังคมรอผลนิติเวชก่อนด่วนสรุปผล
นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งการให้รักษาการปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ดูแลคุณภาพสถานพยาบาล โดยกรณีที่พ่อแม่เด็กร้อง ว่า ลูกเสียชีวิตภายหลังเข้ารับการฉีดวัคซีนในคลินิกย่านมีนบุรีนั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไปที่คลินิกและเก็บวัคซีนทั้งหมด และในชั้นนี้ได้สั่งปิดคลินิกนี้ชั่วคราว คือ ถอนใบอนุญาตก่อน ถ้าสอบสวนแล้วไม่มีความบกพร่องจากตัวแพทย์ก็จะอนุญาตให้เปิดต่อ แต่ถ้ามีความบกพร่องก็ต้องปิดตลอดไป เพื่อให้แพทย์ที่คลินิกหรือสถานพยาบาลเอกชนตระหนักถึงวิธีการที่จะให้ยา หรือการรักษาโดยเฉพาะเด็กต้องดูว่าเด็กมีความพรัอม หรือมีปัญหาอื่นใดที่สามารถที่จะให้วัคซีนนี้ได้หรือไม่
ทั้งนี้ นายพินิจ ระบุว่า จะต้องตรวจสอบว่าวัคซีนชุดนี้มีปัญหาหรือไม่ เพื่อให้ประชาชนหรือพ่อแม่เข้าใจ และพยายามป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก ในส่วนของพ่อแม่เด็กจะต้องรายงานกับแพทย์ด้วยว่า เด็กมีอาการ หรือมีปัญหาอะไรหรือไม่ เพราะบางทีไปฉีดวัคซีนเกิดแพ้ หรือเกิดมีโรคอื่นแทรกซ้อนวัคซีนอาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นมา จึงต้องมีความร่วมมือกันทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าแพทย์รู้ข้อมูล รู้ประวัติของเด็ก เด็กเป็นอะไรมากขึ้นเขาก็จะช่วยในการวินิจฉัย หรือในการให้ยา ให้วัคซีนดีขึ้น
“ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ต้องดูว่า มาจากแพทย์ที่เป็นผู้ให้วัคซีน หรือว่ามาจากตัวของเด็กที่อาจจะมีอะไรในตัวเด็กที่พอให้วัคซีนแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา ต้องขอเวลาให้แพทยสภาสอบสวนดู ในชั้นนี้เราก็จะปิดคลินิกนี้ไปก่อน” นายพินิจ กล่าว และว่า จะใช้เวลาตรวจสอบเรื่องนี้ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์"
ขณะที่ นพ.วิศิษฏ์ ตั้งนภากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ เดินทางมายังคลินิกเอกชนย่านมีนบุรี ที่เกิดเหตุเด็กชายวัย 1 เดือนเสียชีวิต หลังจากมารดานำมาฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี พร้อมยึดวัคซีน “เอนเจอริก บี.” ล็อตที่เหลืออยู่ไปตรวจสอบ โดยคลินิกดังกล่าวมีใบประกอบการถูกต้องตามกฎหมาย
นพ.บุญส่ง ระหว่างบ้าน เจ้าของคลินิกบุญส่ง กล่าวว่า คลินิกเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2536 ปัจจุบันนับเป็นเวลาเกือบ 13 ปีแล้ว ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ฉีดวัคซีนและทำให้เด็กเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว กรณีของ ด.ช.ภูชิดติ์ วิเชียรเนตร หรือน้องบอสนั้น ถือเป็นรายแรก ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด เพราะก่อนฉีดวัคซีนจะมีการตรวจร่างกายก่อนทุกครั้ง ซึ่งก็ไม่พบความผิดปกติอะไร อีกทั้งวัคซีนที่ใช้ก็เป็นวัคซีนที่มีมาตรฐานและใช้มาตั้งแต่เปิดดำเนินการ ดังนั้น อยากให้รอผลการชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจก่อน
“อยากให้รอผลนิติเวช ผมยึดหลักนี้ ถ้าเราปฏิบัติสิ่งที่ถูกต้อง เราไม่ต้องไปกลัว ถ้าอะไรที่เราผิด เราต้องมีส่วนรับผิดชอบ แต่ถ้าไม่ใช่ความผิดต้องขอความยุติธรรมจากสังคม” นพ.บุญส่ง กล่าวว่า และว่า อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นนับเป็นความสูญเสียโดยไม่คาดคิด ตนก็เสียใจเหมือนกับพ่อแม่ เพราะเปิดคลินิกให้บริการก็ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเช่นนี้ จึงแนะนำให้พ่อกับแม่ของ ด.ช.ภูชิดติ์ แจ้งความลงบันทึกประจำวัน เพื่อให้มีการตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตจากนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจด้วยตนเอง เพราะต้องการให้เกิดความกระจ่างและเป็นธรรมกับตนเอง หากผลสอบไม่ผิด
นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งการให้รักษาการปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ดูแลคุณภาพสถานพยาบาล โดยกรณีที่พ่อแม่เด็กร้อง ว่า ลูกเสียชีวิตภายหลังเข้ารับการฉีดวัคซีนในคลินิกย่านมีนบุรีนั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไปที่คลินิกและเก็บวัคซีนทั้งหมด และในชั้นนี้ได้สั่งปิดคลินิกนี้ชั่วคราว คือ ถอนใบอนุญาตก่อน ถ้าสอบสวนแล้วไม่มีความบกพร่องจากตัวแพทย์ก็จะอนุญาตให้เปิดต่อ แต่ถ้ามีความบกพร่องก็ต้องปิดตลอดไป เพื่อให้แพทย์ที่คลินิกหรือสถานพยาบาลเอกชนตระหนักถึงวิธีการที่จะให้ยา หรือการรักษาโดยเฉพาะเด็กต้องดูว่าเด็กมีความพรัอม หรือมีปัญหาอื่นใดที่สามารถที่จะให้วัคซีนนี้ได้หรือไม่
ทั้งนี้ นายพินิจ ระบุว่า จะต้องตรวจสอบว่าวัคซีนชุดนี้มีปัญหาหรือไม่ เพื่อให้ประชาชนหรือพ่อแม่เข้าใจ และพยายามป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก ในส่วนของพ่อแม่เด็กจะต้องรายงานกับแพทย์ด้วยว่า เด็กมีอาการ หรือมีปัญหาอะไรหรือไม่ เพราะบางทีไปฉีดวัคซีนเกิดแพ้ หรือเกิดมีโรคอื่นแทรกซ้อนวัคซีนอาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นมา จึงต้องมีความร่วมมือกันทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าแพทย์รู้ข้อมูล รู้ประวัติของเด็ก เด็กเป็นอะไรมากขึ้นเขาก็จะช่วยในการวินิจฉัย หรือในการให้ยา ให้วัคซีนดีขึ้น
“ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ต้องดูว่า มาจากแพทย์ที่เป็นผู้ให้วัคซีน หรือว่ามาจากตัวของเด็กที่อาจจะมีอะไรในตัวเด็กที่พอให้วัคซีนแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา ต้องขอเวลาให้แพทยสภาสอบสวนดู ในชั้นนี้เราก็จะปิดคลินิกนี้ไปก่อน” นายพินิจ กล่าว และว่า จะใช้เวลาตรวจสอบเรื่องนี้ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์"
ขณะที่ นพ.วิศิษฏ์ ตั้งนภากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ เดินทางมายังคลินิกเอกชนย่านมีนบุรี ที่เกิดเหตุเด็กชายวัย 1 เดือนเสียชีวิต หลังจากมารดานำมาฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี พร้อมยึดวัคซีน “เอนเจอริก บี.” ล็อตที่เหลืออยู่ไปตรวจสอบ โดยคลินิกดังกล่าวมีใบประกอบการถูกต้องตามกฎหมาย
นพ.บุญส่ง ระหว่างบ้าน เจ้าของคลินิกบุญส่ง กล่าวว่า คลินิกเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2536 ปัจจุบันนับเป็นเวลาเกือบ 13 ปีแล้ว ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ฉีดวัคซีนและทำให้เด็กเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว กรณีของ ด.ช.ภูชิดติ์ วิเชียรเนตร หรือน้องบอสนั้น ถือเป็นรายแรก ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด เพราะก่อนฉีดวัคซีนจะมีการตรวจร่างกายก่อนทุกครั้ง ซึ่งก็ไม่พบความผิดปกติอะไร อีกทั้งวัคซีนที่ใช้ก็เป็นวัคซีนที่มีมาตรฐานและใช้มาตั้งแต่เปิดดำเนินการ ดังนั้น อยากให้รอผลการชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจก่อน
“อยากให้รอผลนิติเวช ผมยึดหลักนี้ ถ้าเราปฏิบัติสิ่งที่ถูกต้อง เราไม่ต้องไปกลัว ถ้าอะไรที่เราผิด เราต้องมีส่วนรับผิดชอบ แต่ถ้าไม่ใช่ความผิดต้องขอความยุติธรรมจากสังคม” นพ.บุญส่ง กล่าวว่า และว่า อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นนับเป็นความสูญเสียโดยไม่คาดคิด ตนก็เสียใจเหมือนกับพ่อแม่ เพราะเปิดคลินิกให้บริการก็ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเช่นนี้ จึงแนะนำให้พ่อกับแม่ของ ด.ช.ภูชิดติ์ แจ้งความลงบันทึกประจำวัน เพื่อให้มีการตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตจากนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจด้วยตนเอง เพราะต้องการให้เกิดความกระจ่างและเป็นธรรมกับตนเอง หากผลสอบไม่ผิด