xs
xsm
sm
md
lg

อย่าวางใจ....หากคุณเป็นไข้เรื้อรัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รศ.นพ.วิเชียร มงคลศรีตระกูล


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มักจะละเลยสุขภาพของตัวเอง ควรอ่านกรณีตัวอย่างด้านล่างนะครับ คงให้แง่คิดบางอย่างกับคุณ


ช่อแก้ว เป็นหญิงสาว ยังโสด อายุประมาณ 21 ปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง ปกติเป็นคนคล่องแคล่ว ฉับไว ไม่มีโรคประจำตัวใด ๆ ประมาณต้นปีที่ผ่านมาเริ่มมีอาการไข้ต่ำ ๆ ทั้งที่ไม่ได้เป็นไข้หวัด ไม่มีอาการเจ็บคอ แต่รับประทานอาหารได้น้อย บางครั้งมีอาการปวดตามข้อตามกระดูกบ้าง
ช่อแก้วรู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้ไปตรวจรักษาที่ไหน ได้แต่รับประทานยาแก้ปวดที่มีขายตามท้องตลาด อาการก็เป็น ๆ หาย ๆมาโดยตลอด ช่อแก้วปล่อยให้อาการเป็นอยู่นานประมาณ 3-4 เดือน อาการที่รับประทานไม่ค่อยได้ทำให้น้ำหนักตัวลดลงถึง 5 กิโลกรัม แต่ตามแข้งขา และหน้าตาบวมขึ้นจนเห็นได้ชัดเจน จึงได้ไปตรวจที่โรงพยาบาล
หลังจากไปตรวจอยู่ 3-4 ครั้ง แพทย์บอกช่อแก้วว่า ช่อแก้วเป็นโรคภูมิต้านทานผิดปกติที่เรียกว่า เอส แอล อี แต่ด้วยความที่ไม่ได้วินิจฉัยและเริ่มรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่อแก้วจึงมีปัญหาไตวายเกิดขึ้น ทั้งที่อาจป้องกันได้หากรักษาตั้งแต่แรก
เอี่ยมศิริ เป็นยายของเด็กตัวน้อย ๆ 2 คน อายุประมาณ 65 ปี เอี่ยมศิริอยู่บ้านช่วยลูกเลี้ยงหลานซึ่งอยู่ในวัยเริ่มคลาน อีกคนวิ่งเล่นได้แล้ว เอี่ยมศิริเป็นคนสูงวัยที่ค่อนข้างแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวอะไร ไม่เคยไปพบแพทย์เนื่องจากไม่ค่อยเจ็บป่วย อย่างมากก็เป็นไข้หวัดเล็ก ๆน้อย ๆทานยาที่ขายตามร้านขายยาก็หายแล้ว
เอี่ยมศิริเริ่มพบว่าตัวเองผอมลง หลังจากทานอาหารไม่ค่อยได้มา 2-3 เดือน โดยที่มักจะมีไข้ตอนบ่าย ๆแต่ทานยาลดไข้ก็จะดีขึ้นจึงไม่ได้ไปตรวจที่ไหน ช่วงหลังเริ่มมีอาการไอแห้ง ๆ เหนื่อยง่าย วิ่งตามหลาน ๆไม่ค่อยไหว อาการไข้ยังคงมีอยู่ตลอด แต่อาการอ่อนเพลียเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในที่สุดก็ตัดสินใจไปตรวจที่โรงพยาบาล

ผลการตรวจพบว่าเอี่ยมศิริเป็น วัณโรคปอด ที่แพร่กระจายไปในปอดทั้งสองข้าง
แพทย์บอกว่าวัณโรคเป็นโรคที่รักษาให้หายขาดได้ไม่ยากนัก ใจเย็น ๆไว้ แต่ก็แนะนำให้เอาบุคคลในครอบครัวที่อยู่บ้านเดียวกันมาตรวจด้วย เนื่องจากวัณโรคติดต่อทางอากาศ โดยการสูดหายใจเอาเชื้อเข้าไป
หลังจากนำคนในบ้านมาตรวจ ก็ได้ทราบว่า หลานทั้งสองคนของเอี่ยมศิริก็ติดเชื้อวัณโรคปอดจากเอี่ยมศิริด้วย แพทย์ให้ข้อคิดกับเอี่ยมศิริว่า หากมาพบแพทย์และรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ หลานทั้งสองก็อาจจะไม่ติดโรคดังกล่าวก็ได้
เอกอมร เป็นชายวัยกลางคน สมรสแล้ว อายุประมาณ 45 ปี เป็นผู้จัดการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ปกติเอกอมรเป็นคนมีสุขภาพแข็งแรง เล่นกีฬาสม่ำเสมอ สัปดาห์ละอย่างน้อย 2 ครั้ง ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และแล้ววันหนึ่งเอกอมรก็มีไข้ โดยที่ไม่มีอาการไข้หวัด หรือไอ หรือโรคติดเชื้อที่ใด เขาขอยาแก้ปวดลดไข้จากห้องพยาบาลมารับประทาน
หลังจากเวลาผ่านไป 2 สัปดาห์ อาการไข้ก็ยังมีหากไม่ได้ทานยาป้องกันไว้ พยาบาลประจำห้องพยาบาลแนะนำให้เขาไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล แต่เนื่องจากงานยุ่ง และอาการก็ยังไม่มีอะไรมากมาย เขาจึงไม่มีโอกาสไปตรวจเช็กสักที เขาเริ่มรับประทานอาหารไม่ได้ เหนื่อยง่ายกว่าปกติเวลาเดินไกลหรือขึ้นบันได มีคนทักว่าเขาผอมลงมาก แต่ตัวเองไม่ทันสังเกต พอไปชั่งน้ำหนักดูพบว่าหายไป 4 กิโลกรัม
เขาจึงตัดสินใจหาเวลาไปตรวจที่โรงพยาบาล พอแพทย์ตรวจเสร็จก็แนะนำเขานอนโรงพยาบาล เนื่องจากตรวจพบความผิดปกติบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานแพทย์ก็บอกว่า เขาเป็น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง ก้อนใหญ่มาก กดบริเวณท่อไตทั้งสองข้าง ทำให้เกิดปัญหาไตวาย และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองก็เป็นระยะที่ 4 ซึ่งกระจายเข้าไขกระดูกและตับแล้ว ทำให้การรักษาพยาบาลมีความเสี่ยงสูง และโอกาสที่จะตอบสนองต่อการรักษาก็น้อย
แพทย์บอกให้ญาติของเอกอมรฟังว่าหากเอกอมรมาพบแพทย์เร็วกว่านี้ ก้อนในท้องก็จะไม่โตมาก จะไม่ไปกดที่ท่อไต และจะไม่เกิดไตวาย และโรคคงไม่กระจัดกระจายกว้างขวางเช่นนี้ การรักษาให้หายขาดคงมีโอกาสมากกว่านี้
โดยทั่วไปแล้วไข้ที่เกิดขึ้นเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอม หรือภาวะที่มีการอักเสบ หากเรามีไข้โดยมีสาเหตุที่ชัดเจน เช่น ไข้หวัด เจ็บคอ นั่นอาจไม่เป็นปัญหาอะไรมากนัก แต่หากมีแต่ไข้ โดยที่ไม่มีสาเหตุชัดเจน ทานยาลดไข้ก็ดีขึ้น แต่พอหยุดยาก็จะมีอาการเกิดขึ้นใหม่ หรือเป็นเรื้อรังมากกว่า 1 อาทิตย์ ควรพบแพทย์ตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีโรคร้ายซ่อนอยู่

สาเหตุของไข้เรื้อรังที่พบบ่อย ๆมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่มใหญ่คือ
1.ไข้จากโรคติดเชื้อเรื้อรัง ในบ้านเราที่พบได้มากเป็นอันดับหนึ่งคือ เชื้อวัณโรค ซึ่งพบว่ามีไข้ได้เรื้อรัง โดยที่อาจจะมีอาการหรือไม่มีอาการทางระบบทางเดินหายใจก็ได้ เช่น ไอ, เจ็บหน้าอก หรือถ้าอยู่ทางภาคอีสานก็จะพบไข้จากโรคเมลเลออยโดซิส หรือหากเป็นเบาหวานหรือทานยาบางอย่างที่กดภูมิต้านทานอาจมีไข้เรื้อรังจากการติดเชื้อรา
2.ไข้จากโรคมะเร็ง ภาวะมะเร็งทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองหลายอย่าง นอกจากอาการเฉพาะที่ตรงตำแหน่งที่เกิดมะเร็ง อาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลดแล้ว อาการไข้เรื้อรังก็เป็นอีกอาการหนึ่งซึ่งพบได้ ทั้งที่เป็นมะเร็งทางโลหิตวิทยาหรือมะเร็งของอวัยวะอื่น ๆ
3.ไข้จากโรคภูมิต้านทานผิดปกติ โรคดังกล่าวมีลักษณะอาการที่กว้างขวาง เป็นได้เกือบทุกระบบในร่างกาย อาจมีผื่นเรื้อรัง มีผมร่วง มีปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ มีดีซ่านจากตับอักเสบ มีบวมจากไตวาย มีเหนื่อยหอบจากปัญหาของปอดและหัวใจ มีความจำผิดปกติหรือชักจากการที่มีปัญหาภายในสมอง นอกจากนี้อาการไข้เรื้อรังก็เป็นอาการอย่างหนึ่งที่พบได้ในคนไข้กลุ่มนี้
ดังนั้น อย่าใจเย็นเอาแต่ทานยาลดไข้เวลามีไข้ โดยที่ไม่หาสาเหตุที่เป็นอย่างแน่ชัด อาจเป็นโรคที่ทำให้ร่างกายมีปัญหามากกว่าที่ควร และโรคก็ลุกลามมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไข้ที่เป็นเรื้อรัง อย่าลืมว่าการทานยาลดไข้เป็นเพียงการรักษาตามอาการเท่านั้น หากโรคที่เป็นไม่ใช่โรคที่สามารถหายเองได้ และสาเหตุของโรคไม่ได้ถูกขจัดปัดเป่าไปแล้ว ผลเสียอาจเกิดขึ้นได้หากให้การรักษาพยาบาลช้าเกินไป
กำลังโหลดความคิดเห็น