xs
xsm
sm
md
lg

อย.ระบุยาเสพติดพันธุ์ใหม่ "สี่คูณร้อย” กระตุ้นการ “ล้างสมอง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เลขาธิการ อย.ระบุเครื่องดื่มมหันตภัย หรือ ที่วัยรุ่น 3 จังหวัดภาคใต้เรียก "สี่คูณร้อย” มีส่วนผสมทั้งยากล่อมประสาท ใบกระท่อม น้ำอัดลมออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท คาดว่าผู้ใช้หวังผลให้เกิดการเคลิ้มฝัน ร่างกายมีความอดทน กินติดต่อกันมีฤทธิ์เสพติดต้องเสพปริมาณเพิ่มขึ้น ยังไม่มีข้อมูลการเสริมฤทธิ์กันของสารเหล่านี้เมื่อผสมเป็นเครื่องดื่ม แต่ทำให้เคลิ้มฝัน ส่งผลให้ง่ายต่อการชักจูงถึงขั้นถูก “ล้างสมอง”

ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) แถลงกรณีพบยาเสพติดชนิดใหม่แพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นมุสลิม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในชื่อ “เครื่องดื่ม มหันตภัย” หรือ ศัพท์เฉพาะที่กลุ่มวัยรุ่นเรียก "สี่คูณร้อย” มีส่วนประกอบคือ ใบกระท่อม ยากันยุงชนิดขด ยาแก้ไอผสมโคเดอีน ยาแก้ไอผสมเดร็กโตเมธาแฟน ยาอัลปราโซแลม ใช้ผสมดื่มกับน้ำอัดลมประเภทน้ำดำ ว่า จากการประสานข้อมูลกับสำนักงาน ป.ป.ส.พบว่า มีการนำยาที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทดังกล่าวมาผสมกันเป็นลักษณะค็อกเทลเพื่อหวังผลให้เกิดความเคลิ้มฝัน

ศ.ดร.ภักดี กล่าวว่า อย.มีมาตรการควบคุมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทเหล่านี้อยู่แล้ว โดยยาแก้ไอผสมโคเดอีนให้จ่ายยาเฉพาะในสถานพยาบาล ส่วนยาแก้ไอเดร็กโตเมธาแฟน ที่ผ่านมา อย.ได้ยกเว้นให้แผงขนาดบรรจุ 4-10 เม็ดซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เมื่อเกิดการนำมาใช้ผิดประเภท หวังผลให้เกิดฤทธิ์หลอนประสาท เคลิบเคลิ้ม ทาง อย.จะเสนออนุกรรมการยา คืนสถานะยาอันตรายในขนาดบรรจุนี้ 4-10 เม็ด เพื่อให้จำหน่ายได้เฉพาะร้านที่มีเภสัชกรประจำเท่านั้น สำหรับยาอัลปราโซแลม ซึ่งเป็นยากล่อมประสาท ทาง อย.ควบคุมปริมาณให้ใช้ได้สถานพยาบาลหรือคลินิกละ 2,000 เม็ด ซึ่งสถิติการใช้ในภาคใต้มีแนวโน้มลดลง

สำหรับยากันยุงชนิดขดมีสารไพรีทรอยด์ ใน 1 ขดมีสารนี้ประมาณ 30 มิลลิกรัม ต้องได้รับปริมาณมาก ๆ จึงจะมีอาการทางประสาท ขณะที่น้ำอัดลมประเภทน้ำดำมีแคฟเฟอีน ทำให้กระตุ้นประสาท ส่วนใบกระท่อมมีสารอัลคาลอยด์เรียกว่า ไมตราไกนีน(Mitragynine) มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ประสาทหลอนได้และชาวบ้านเชื่อว่าการเคี้ยวใบกระท่อมทำให้ร่างกายอดทด ทำงานได้นาน

“สิ่งที่นำมาผสมในเครื่องดื่มมหันตภัยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ อย.ควบคุมดูแล แต่มีการลักลอบนำมาใช้อย่างผิดกฎหมาย พบการลักลอบนำเข้ายาแก้ไอจากบางประเทศ การบริโภคสิ่งเหล่านี้ในลักษณะรวมกันเป็นค็อกเทลจะมีผลต่อร่างกายในลักษณะเสริมฤทธิ์กันหรือไม่ ทาง อย.ไม่มีข้อมูล แต่ยาและสารเคมีทุกชนิดที่บริโภคเข้าร่างกายมีพิษต่อตับและไต เมื่อรับเข้าไปปริมาณมากร่างกายก็ต้องหาทางขับออก เมื่อใช้ไปนาน ๆ จะเกิดการเสพติด ต้องเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆมีอาการทางจิตและประสาท ยาแก้ไอ ยาอัลปราโซแลม จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ”ศ.ดร.ภักดี กล่าวและว่า ช่วงเช้าวันนี้(25 พ.ย.) ด่านศุลกากรท่าอากาศยานกรุงเทพ จับกุมชาวปากีสถานลักลอบนำเข้าวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 2 ได้ตัวยา “โซพิเด็ม” มีชื่อการค้าว่า สติวน็อกซ์ เป็นประเภทเดียวกับยาโดมิคุ่ม ที่มิจฉาชีพนำมามอมผู้หญิง จนเรียกว่ายาเสียสาว ผู้ลักลอบนำเข้ามีโทษปรับ 4-20 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาทส่วนยาอัลปราโซแลม มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ

ศ.ดร.ภักดี กล่าวย้ำว่า ส่วนผสมในเครื่องดื่มมหันตภัยไม่ทำให้เกิดการ “ล้างสมอง” แต่การล้างสมอง เปลี่ยนแปลงความเชื่อทำได้ง่ายหากคนนั้นมีจิตใจเคลิ้บเคลิ้ม หรือเคลิ้มฝัน ตกอยู่ภายใต้วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาททำให้ชักจูงได้ง่าย ตนเข้าใจว่า เป็นวัตถุประสงค์ของคนที่นำเครื่องดื่มนี้มาใช้ อย่างไรก็ตาม หากต้องการฤทธิ์ไพรีทรอยด์จากยากันยุงต้องกินยากันยุงจำนวนมาก เพราะส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นขี้เลื่อย เคยมีเด็ก 3-4 ขวบกินยากันยุงหลายขด พบว่า มีอาการชัก แต่สามารถรักษาได้ทัน

“ยาแก้ไอเดร็กโตเมธาแฟนปริมาณที่ใช้ปกติคือ 15-30 มิลลิกรัม หากต้องการให้เคลิ้มฝันต้องกิน 300 มิลลิกรัม ซึ่งเข้าใกล้จุดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งกำหนดไว้ที่ 360 มิลลิกรัม การกินมาก ๆ โดยไม่รู้ยิ่งทำให้มีอันตรายต่อชีวิต จึงต้องปรับให้เป็นยาอันตรายในขนาดบรรจุแผงละ 4-10 เม็ด เพื่อป้องกันการนำยาไปใช้ผิดประเภท สำหรับกระท่อมถือว่าเป็นยาเสพติดทุกส่วน ใครจะนำไปใช้ทำอะไรต้องขอ อย.แต่ที่ผ่านมายังไม่มีคนขอใช้แต่อย่างใด”ศ.ดร.ภักดี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น