คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยและเครือข่ายองค์กรพันธมิตรออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐแก้กฎหมายแรงงานยกเลิกการจ้างเหมาค่าแรงให้ลูกจ้างเท่าเทียม

น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยและเครือข่ายองค์กรพันธมิตร ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐแก้กฎหมายแรงงานยกเลิกการจ้างเหมาค่าแรง ว่าปัจจุบันแทนที่นายจ้างจะจ้างงานโดยทำสัญญาจ้างโดยตรง กลับจ้างงานผ่านบริษัทเหมาค่าจ้าง ให้บริษัทเหล่านี้นำลูกจ้างเข้ามาทำงานร่วมกับลูกจ้างของสถานประกอบกิจการที่มีอยู่แล้ว ทำให้มีลูกจ้าง 2 ประเภท คือ ลูกจ้างโดยตรงของสถานประกอบการ และลูกจ้างของบริษัทรับเหมาค่าแรง โดยลูกจ้างที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทรับเหมาค่าแรงจะได้รับเพียงค่าจ้าง ไม่มีสวัสดิการ รวมทั้งไม่ได้รับสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้างและข้อตกลงสภาพการจ้าง มีสภาพการจ้างหลายสภาพการจ้าง และไม่สามารถเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานได้ สถานประกอบกิจการสามารถส่งตัวคืนบริษัทรับเหมาค่าแรงได้ตามความพอใจ โดยกำหนดในสัญญาจ้าง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนงานรับเหมาค่าแรงลำบาก และการจ้างเหมาค่าแรงกำลังระบาดและแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว
แถลงการณ์ระบุว่า การจ้างงานดังกล่าวเป็นการขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน และยังขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 30 เกี่ยวกับบุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน เนื่องจากลูกจ้างรับเหมาค่าแรงได้รับประโยชน์ต่ำกว่าลูกจ้างสถานประกอบกิจการ ทั้งที่ทำงานตำแหน่งงานเดียวกัน หรือเหมือนกัน มาตรา 83 รัฐต้องดำเนินการให้มีการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม เนื่องจากการจ้างงานเหมาค่าแรงเป็นการกินหัวคิวค่าจ้าง เป็นธุรกิจนายหน้าแสวงหาประโยชน์จากค่าจ้างแรงงาน ทำให้ไม่มีการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม มาตรา 86 รัฐต้องส่งเสริมให้ประชากรวัยทำงานมีงานทำ คุ้มครองแรงงานโดยเฉพาะแรงงานเด็กและแรงงานหญิง จัดระบบแรงงานสัมพันธ์ การประกันสังคม รวมทั้งค่าตอบแทนแรงงานให้เป็นธรรม เนื่องจากการจ้างงานเหมาค่าแรงนั้น ทำให้นายจ้างโดยตรงที่แท้จริงปฏิเสธความรับผิดชอบที่จะปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน แม้นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร จะเคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2548 ว่า การจ้างงานโดยนำคนงานรับเหมาค่าแรงมาทำงานในกระบวนการผลิตนั้น เป็นการจ้างงานแบบซิกแซก ต้องยกเลิก แต่จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ในการแก้ไขกฎหมายแรงงานเพื่อยกเลิกการจ้างงานเหมาค่าแรงให้หมดไป ในขณะที่กระทรวงแรงงานได้ยกร่างแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานในมาตรา 12/1 โดยระบุแต่เพียงให้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างรับเหมาค่าแรงโดยเท่าเทียมกันในการจ้างงาน ซึ่งการแก้ไขถ้อยคำดังกล่าวเป็นการหมกเม็ด และยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจ้างงานเหมาค่าแรงให้หมดไปได้
ขบวนการแรงงานจึงเรียกร้องให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องยุติการจ้างงานและดำเนินการให้ลูกจ้างทุกคนในสถานประกอบกิจการ “เท่าเทียมกัน” ในการจ้างงาน ระเบียบข้อบังคับในการทำงาน สิทธิประโยชน์ สวัสดิการ สภาพการจ้าง ข้อตกลงสภาพการจ้าง ในลักษณะหนึ่งสถานประกอบกิจการ หนึ่งกระบวนการผลิต หนึ่งสภาพการจ้าง
น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยและเครือข่ายองค์กรพันธมิตร ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐแก้กฎหมายแรงงานยกเลิกการจ้างเหมาค่าแรง ว่าปัจจุบันแทนที่นายจ้างจะจ้างงานโดยทำสัญญาจ้างโดยตรง กลับจ้างงานผ่านบริษัทเหมาค่าจ้าง ให้บริษัทเหล่านี้นำลูกจ้างเข้ามาทำงานร่วมกับลูกจ้างของสถานประกอบกิจการที่มีอยู่แล้ว ทำให้มีลูกจ้าง 2 ประเภท คือ ลูกจ้างโดยตรงของสถานประกอบการ และลูกจ้างของบริษัทรับเหมาค่าแรง โดยลูกจ้างที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทรับเหมาค่าแรงจะได้รับเพียงค่าจ้าง ไม่มีสวัสดิการ รวมทั้งไม่ได้รับสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้างและข้อตกลงสภาพการจ้าง มีสภาพการจ้างหลายสภาพการจ้าง และไม่สามารถเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานได้ สถานประกอบกิจการสามารถส่งตัวคืนบริษัทรับเหมาค่าแรงได้ตามความพอใจ โดยกำหนดในสัญญาจ้าง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนงานรับเหมาค่าแรงลำบาก และการจ้างเหมาค่าแรงกำลังระบาดและแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว
แถลงการณ์ระบุว่า การจ้างงานดังกล่าวเป็นการขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน และยังขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 30 เกี่ยวกับบุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน เนื่องจากลูกจ้างรับเหมาค่าแรงได้รับประโยชน์ต่ำกว่าลูกจ้างสถานประกอบกิจการ ทั้งที่ทำงานตำแหน่งงานเดียวกัน หรือเหมือนกัน มาตรา 83 รัฐต้องดำเนินการให้มีการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม เนื่องจากการจ้างงานเหมาค่าแรงเป็นการกินหัวคิวค่าจ้าง เป็นธุรกิจนายหน้าแสวงหาประโยชน์จากค่าจ้างแรงงาน ทำให้ไม่มีการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม มาตรา 86 รัฐต้องส่งเสริมให้ประชากรวัยทำงานมีงานทำ คุ้มครองแรงงานโดยเฉพาะแรงงานเด็กและแรงงานหญิง จัดระบบแรงงานสัมพันธ์ การประกันสังคม รวมทั้งค่าตอบแทนแรงงานให้เป็นธรรม เนื่องจากการจ้างงานเหมาค่าแรงนั้น ทำให้นายจ้างโดยตรงที่แท้จริงปฏิเสธความรับผิดชอบที่จะปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน แม้นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร จะเคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2548 ว่า การจ้างงานโดยนำคนงานรับเหมาค่าแรงมาทำงานในกระบวนการผลิตนั้น เป็นการจ้างงานแบบซิกแซก ต้องยกเลิก แต่จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ในการแก้ไขกฎหมายแรงงานเพื่อยกเลิกการจ้างงานเหมาค่าแรงให้หมดไป ในขณะที่กระทรวงแรงงานได้ยกร่างแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานในมาตรา 12/1 โดยระบุแต่เพียงให้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างรับเหมาค่าแรงโดยเท่าเทียมกันในการจ้างงาน ซึ่งการแก้ไขถ้อยคำดังกล่าวเป็นการหมกเม็ด และยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจ้างงานเหมาค่าแรงให้หมดไปได้
ขบวนการแรงงานจึงเรียกร้องให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องยุติการจ้างงานและดำเนินการให้ลูกจ้างทุกคนในสถานประกอบกิจการ “เท่าเทียมกัน” ในการจ้างงาน ระเบียบข้อบังคับในการทำงาน สิทธิประโยชน์ สวัสดิการ สภาพการจ้าง ข้อตกลงสภาพการจ้าง ในลักษณะหนึ่งสถานประกอบกิจการ หนึ่งกระบวนการผลิต หนึ่งสภาพการจ้าง