xs
xsm
sm
md
lg

“อภิรักษ์” โดนการเมืองสกัด โรงบำบัดน้ำเสียคลองเตยสะเทือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“อภิรักษ์” โดนการเมืองสกัดดาวรุ่ง "ยงยุทธ" สั่งชะลอซื้อที่บางนา ถนนสรรพาวุธของ กทม.เสนอเป็นพื้นที่เนรมิตอาคารรัฐสภาใหม่ ขณะที่ กทม.มีแผนสร้างโรงบำบัดน้ำเสีย กทม.ลั่น เตรียมพิจารณาข้อกฎหมายฟ้องร้อง

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอที่ดินจากบริษัท ไม้อัดไทย ซึ่งตั้งอยู่ที่บางนา ถนนสรรพาวุธ เป็นหนึ่งในตัวเลือกเพื่อก่อสร้างที่ทำการรัฐสภาแห่งใหม่ ว่า ตนยังไม่แน่ใจว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดเดียวกันหรือไม่ แต่ได้ทราบจากข่าวที่ออกมาในวันนี้ว่า รัฐบาลจะซื้อที่ที่ กทม.จะนำมาสร้างเป็นโรงบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ อย่างไรก็ตาม ตนได้ทำหนังสือไปยัง รมว.ทรัพย์ เพื่อรายงานให้ทราบว่า กทม.ได้มีข้อตกลงกับทางเจ้าของพื้นที่และได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งเป็นการสอบถามถึงความชัดเจนจาก รมว.ทรัพย์ โดยตรง ซึ่ง กทม.ได้ส่งเรื่องไปหลายสัปดาห์แล้วแต่ยังไม่มีการตอบกลับมาแต่อย่างใด ทั้งนี้ จะมอบหมายให้สำนักการระบายน้ำ กทม.ติดตามเรื่องดังกล่าวต่อไป

แหล่งข่าวจากสำนักการระบายน้ำ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ กทม.จะต้องยกเลิกโครงการดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมา กทม.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ซื้อขายที่กับบริษัท ไม้อัดไทย แล้ว และได้ออกเช็คเงินสดไปตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่บริษัท ไม้อัดไทย ยังไม่ได้ส่งตัวแทนมารับเช็คดังกล่าว โดยให้เหตุผลเพียงว่า รมว.ขอชะลอการจัดซื้อที่ดินออกไปก่อนเท่านั้น ดังนั้น จะต้องรอดูนโยบายของทางผู้บริหาร กทม. ต่อไปว่าจะมีความเห็นอย่างไร เนื่องจากโครงการดังกล่าว กทม.ได้ทำการศึกษาโครงการมาตั้งแต่ปี 2544 สมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าฯ กทม. ใช้งบประมาณในการศึกษา 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นงบที่รัฐบาลให้การสนับสนุน โดยมีกำหนดเปิดใช้ในปี 2551ทั้งนี้ หาก กทม.ไม่ได้ที่ดังกล่าวก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียก็จะทำให้ กทม.ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ซึ่งจะต้องใช้เวลาถึง 4 ปี เริ่มตั้งแต่หาที่ปรึกษาโครงการประกวดราคาหาผู้รับเหมา และการก่อสร้างอีก 2 ปี

แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า พื้นที่ดังกล่าวมีเนื้อที่ทั้งสิ้น 150 ไร่ หากรัฐบาลเลือกพื้นที่ดังกล่าวสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จริงก็จะใช้เนื้อที่เพียง 100 ไร่ ดังนั้น ส่วนที่เหลือรัฐบาลควรแบ่งให้กทม.ก่อสร้างโครงการอีกประมาณ 44 ไร่ 2 งาน เพราะเนื้อที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นชายธง โรงบำบัดน้ำเสียก็จะอยู่สุดปลายธงไม่มีผลต่ออาคารรัฐสภาแห่งใหม่สามารถจัดสรรพื้นที่ได้อย่างลงตัว และหาก กทม.เดินหน้าก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสีย ก็จะทำให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างมหาศาล เพราะสาเหตุหลักในการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียก็เพื่อแม่น้ำเจ้าพระยา และหาก กทม.ต้องหาพื้นที่ใหม่ก็จะเป็นเรื่องยาก และอาจทำให้ กทม.ไม่สามารถหาพื้นที่สร้างโรงบำบัดน้ำเสียในบริเวณดังกล่าวได้ เมื่อนั้นจะทำให้มีผลต่อการบำบัดน้ำเสียในอนาคตลดลง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางผู้ว่าฯ กทม.ได้สอบถามถึงเหตุผลในการชะลอพื้นที่ ว่า จะต้องใช้ระยะเวลานานเท่าใดจึงจะสามารถดำเนินการต่อได้ ส่วนการดำเนินการฟ้องร้องบริษัท ไม้อัดไทย นั้น คงต้องสอบถามไปยังสำนักงานกฎหมายและคดีของ กทม.ก่อนว่าการที่ กทม.ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทั้งที่ทำสัญญาซื้อขายแล้ว จะทำให้ กทม.เสียประโยชน์อย่างไรและจะสามารถฟ้องร้องได้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทั้งนี้นายยงยุทธ ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรฯ ได้เสนอสถานที่บริเวณโรงงานไม้อัดไทย ถนนสรรพาวุธ เขตบางนา ในการประชุมพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้พิจารณานำพื้นที่ตรงนี้ไปสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งนายโภคิน พลกุล ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้มอบหมายให้นายโสภณ เพชรสว่าง ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร และอนุกรรมการพิจารณาศึกษาสถานที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ นำเรื่องนี้ไปพิจารณา รวมไปถึงที่ บางนา-ตราด ที่บริษัท กฤษดานคร เสนอมาด้วย และยังเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่าเหตุใดนายยงยุทธ จึงเสนอพื้นที่ดังกล่าวก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ทั้งๆ ที่ กทม.แจ้งให้ทราบแล้วว่า กทม.จะสร้างโรงบำบัดน้ำเสีย ณ ที่แห่งนี้

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า กทม.ได้จัดทำแผนงานการบำบัดน้ำเสียรวมเพิ่มเติมในแผนพัฒนากทม.ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2545-2549) โดยจำดำเนินการโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียรวมขนาดใหญ่ 2 โครงการ คือ โครงการบำบัดน้ำเสียคลองเตย จะตั้งอยู่บริเวณโรงงานไม้อัดไทย เขตบางนา ใช้พื้นที่ในการกว่าสร้างจำนวน 44 ไร่ 2 งาน ราคาตารางวาละ 26,000 บาท รวมใช้งบในการก่อสร้าง 400 ล้านบาท สามารถบำบัดน้ำเสียครอบคลุมพื้นที่ 71 ตารางกิโลเมตร ของเขตพระโขนง บางนา วัฒนา สวนหลวง คลองเตย และบางส่วนของเขตห้วยขวางและเขตราชเทวี มีประชาชนรับบริการ 432,500 คน สามารถบำบัดน้ำเสียได้ 360,000 ลบ.ม/วัน และโครงการบำบัดน้ำเสียธนบุรี จะตั้งอยู่ในซอยสุขสวัสดิ์ 30 สามารถบำบัดน้ำเสียครอบคลุมพื้นที่ 51 ตารางกิโลเมตร ของเขตบางพลัด บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ธนบุรี คลองสาน และบางส่วนของเขตจอมทอง จะมีประชาชนรับบริการ 432,000 คน สามารถบำบัดน้ำเสียได้ 305,000 ลบ.ม/วัน คาดเปิดใช้ปี 2552

ทั้งนี้ ในปี 2553 สนน.กทม.มีกำหนดจะเปิดเดินระบบบำบัดน้ำเสียโครงการห้วยขวาง-วังทองหลาง-บึงกุ่ม ซึ่งจะบำบัดได้ 413,200 ลบ.ม/วัน และโครงการบางซื่อจะบำบัดได้ 126,100 ลบ.ม./วัน โดยจะทำให้ กทม.สามารถบำบัดน้ำเสียได้กว่า 2 ล้าน ลบ.ม./วัน หรือคิดเป็นร้อยละ 70.14 ของปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้นทั้งหมดในพื้นที่ กทม. แต่ถ้าหาก กทม.ไม่สามารถสร้างโรงบำบัดก็จะมีผลกระทบต่อการบำบัดน้ำเสียของ กทม.อย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น