สภาวะแวดล้อม และความเร่งรีบในชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคมเมือง อากาศเป็นพิษ การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา การทำงานหนัก พักผ่อนน้อย และความเคร่งเครียด เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ และเมื่อปล่อยไว้เนิ่นนานมีผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายลด เป็นผลทำให้โรคต่างๆ ถามหา เนื่องเพราะปราการระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกทำลาย

ดร.ประคองศิริ บุญคง ผู้จัดการศูนย์บริหารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ องค์การเภสัชกรรม อธิบายว่า อาการเมื่อภูมิคุ้มกันผิดปกติ คือ มีอาการเป็นหวัดบ่อย ตื่นเช้าขึ้นมารู้สึกคัดจมูก มีน้ำมูกและเจ็บคอ เป็นเริมหรืองูสวัดเนืองๆ เป็นโรคภูมิแพ้ น้ำมูกไหลหรือลมพิษ เป็นเชื้อรา คันในร่มผ้า โรคทางเพศสัมพันธ์ ตับอักเสบ ร่างกายอ่อนเพลีย เมื่อยล้าง่าย ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ เป็นโรคเรื้อนกวางและมีอาการอักเสบ มีพยาธิ และระบบต้านอักเสบผิดปกติ
ทั้งนี้ การเสียสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันทำให้เกิดภาวะภูมิไวหรือภูมิแพ้ หอบหืด หวัดเรื้อรัง และทำให้เกิดการตอบสนองระบบภูมิคุ้มกัน ด้วยกันเอง ซึ่งจะทำให้เกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อสันหลังอักเสบเรื้อรัง โรคหนังแข็ง โรคกล้ามเนื้ออักเสบ อย่างไรก็ตาม การตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกันขึ้นอยู่กับพันธุกรรม อายุ ฮอร์โมน สรีรวิทยา และสิ่งแวดล้อม
“สาเหตุที่ทำให้ภูมิคุ้มกันลดเกิดจาก สภาวะแวดล้อม ความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน อากาศเป็นพิษ อาหารที่มีแต่สารเคมี อารมณ์และความเครียด การออกกำลังกายอย่างหักโหม รวมทั้งยังมีไวรัสที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ขณะเดียวกัน การรับประทานยาประเภทยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด และยาสเตียรอยด์ก็มีผล ซึ่งถ้าพิจารณาจะพบว่ามีหลายปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น เรื่องสภาวะแวดล้อม อากาศเป็นพิษ เป็นต้น ดังนั้น ถ้ามีผลิตภัณฑ์เสริมภูมิคุ้มกันน่าจะเป็นเรื่องดี และยิ่งใช้สารสกัดจากวัตถุดิบที่มีในประเทศไทยก็น่าจะเหมาะสมกับคนไทยมากกว่า”
ดร.ประคองศิริบอกด้วยว่า แม้ปัจจุบันจะมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายชนิดที่มีจำหน่ายในท้องตลาดเพื่อช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย แต่ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าและมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับคนไทย องค์การเภสัชกรรมจึงคิดค้นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้เหมาะสมกับคนไทย โดยพัฒนามาจากสารสกัดสำคัญของสมุนไพรไทย 5 ชนิด ซึ่งผ่านการวิจัยในเชิงลึก ทดสอบและทดลองเป็นเวลากว่า 9 ปี ในที่สุดจึงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในชื่อ “จีพีโอ เนเจอร์เพล็กซ์แคปซูล” ซึ่งจดสิทธิบัตรในไทยและสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ จีพีโอ เนเจอร์เพล็กซ์สกัดจากสมุนไพรพื้นบ้านไทย 5 ชนิด คือ งวงตาล ใช้สำหรับคนที่กินข้าวไม่ได้ กินไม่อร่อย แก้ขัดเบา น้ำเหลืองไม่ดี คัดเค้า ใช้บำรุงเลือด แก้ประจำเดือนไม่ปกติ มีสารกลุ่ม Pseudoginsenosides พลูคาว ใช้เป็นยาแก้น้ำเหลืองไม่ดี เหมาะสำหรับโรคผิวหนัง ฆ่าเชื้อทางเดินปัสสาวะ พิกุล ใช้บำรุงหัวใจ เหมาะกับคนที่เลือดจาง ชอบหน้ามืด และสะแกนา ใช้ถ่ายพยาธิ ถ่ายเลือดหนอง ถ่ายของเสียที่เป็นโทษต่อร่างกาย

“องค์การเภสัชกรรมใช้ระยะเวลาศึกษาและวิจัยผลิตภัณฑ์นี้ถึง 9 ปี กระทั่งจดทะเบียนเป็นอาหารเสริมและจำหน่ายในท้องตลาดได้ จุดประสงค์ที่ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมาเพราะว่า สมุนไพรพื้นบ้านไทยหลายชนิดมีคุณค่าและประโยชน์มหาศาล แต่การใช้ยังยุ่งยาก และไม่เหมาะกับชีวิตประจำวัน ในการทำการศึกษาเราพบว่าสมุนไพร 5 ชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการเสริมภูมิคุ้มกัน และเมื่อมาสำรวจตลาดพบว่า สภาพวิถีชีวิตในประจำวันทำให้คนไทยมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ระบบภูมิคุ้มกันลดลง ดังนั้น น่าจะมีอาหารเสริมที่มั่นใจได้ว่าปลอดภัยและดีต่อสุขภาพคนไทยขึ้นมาเสริมรับในด้านนี้ จึงวิจัยผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมา”
ดร.ประคองศิริบอกว่า ตำรับนี้ได้ผ่านการวิจัยโดยคณะวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้ทำการศึกษาฤทธิ์ของยาตำรับนี้ พบว่าช่วยเพิ่มการแบ่งตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาวของคนปกติในหลอดทดลองได้ ซึ่งทุกคนทราบดีว่าเม็ดเลือดขาวช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
นอกจากการวิจัยโดยนักวิจัยที่ได้รับการเชื่อถือจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว ยังมีการศึกษาทางคลินิกกับมหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล แล้วก็ยังทดลองกับโรงพยาบาลตำรวจด้วย ทั้งหมดผ่านระยะเวลาการทำงานตรงนี้หลายปี แล้วขณะนี้เราก็มีข้อสรุป แล้วก็ได้จดสิทธิบัตรในประเทศไทยแล้ว และยังได้ยื่นจดสิทธิบัตรในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วด้วย
จีพีโอ เนเจอร์เพล็กซ์ 1 แคปซูลมีปริมาณตัวยาสำคัญ 350 มิลลิกรัม ถ้ารับประทานวันละ 2 แคปซูล จะให้พลังงานประมาณ 2 กิโลแคลอรี ดังนั้น ถ้ารู้สึกอ่อนเพลียจากการพักผ่อนน้อย การรับประทานจีพีโอ เนเจอร์เพล็กซ์ แคปซูล จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ในกรณีผู้ป่วยโรคเอดส์ที่มีความต้านทานต่ำ มีเม็ดเลือดขาวน้อยนั้น สามารถรับประทานได้ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง
ดร.ประคองศิริสรุปว่า เมื่อดูคุณสมบัติจุดเด่นของจีพีโอ เนเจอร์เพล็กซ์แล้ว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้สมองมาก พักผ่อนน้อย เครียดจากการทำงาน ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยเรื้อรัง และผู้ป่วยระยะพักฟื้น ผู้ใช้แรงงานและทำงานหนัก พักผ่อนน้อย นักกีฬาและผู้ออกกำลังเป็นประจำ ซึ่งเหมาะกับคนทุกเพศและทุกวัย
ดร.ประคองศิริ บุญคง ผู้จัดการศูนย์บริหารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ องค์การเภสัชกรรม อธิบายว่า อาการเมื่อภูมิคุ้มกันผิดปกติ คือ มีอาการเป็นหวัดบ่อย ตื่นเช้าขึ้นมารู้สึกคัดจมูก มีน้ำมูกและเจ็บคอ เป็นเริมหรืองูสวัดเนืองๆ เป็นโรคภูมิแพ้ น้ำมูกไหลหรือลมพิษ เป็นเชื้อรา คันในร่มผ้า โรคทางเพศสัมพันธ์ ตับอักเสบ ร่างกายอ่อนเพลีย เมื่อยล้าง่าย ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ เป็นโรคเรื้อนกวางและมีอาการอักเสบ มีพยาธิ และระบบต้านอักเสบผิดปกติ
ทั้งนี้ การเสียสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันทำให้เกิดภาวะภูมิไวหรือภูมิแพ้ หอบหืด หวัดเรื้อรัง และทำให้เกิดการตอบสนองระบบภูมิคุ้มกัน ด้วยกันเอง ซึ่งจะทำให้เกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อสันหลังอักเสบเรื้อรัง โรคหนังแข็ง โรคกล้ามเนื้ออักเสบ อย่างไรก็ตาม การตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกันขึ้นอยู่กับพันธุกรรม อายุ ฮอร์โมน สรีรวิทยา และสิ่งแวดล้อม
“สาเหตุที่ทำให้ภูมิคุ้มกันลดเกิดจาก สภาวะแวดล้อม ความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน อากาศเป็นพิษ อาหารที่มีแต่สารเคมี อารมณ์และความเครียด การออกกำลังกายอย่างหักโหม รวมทั้งยังมีไวรัสที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ขณะเดียวกัน การรับประทานยาประเภทยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด และยาสเตียรอยด์ก็มีผล ซึ่งถ้าพิจารณาจะพบว่ามีหลายปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น เรื่องสภาวะแวดล้อม อากาศเป็นพิษ เป็นต้น ดังนั้น ถ้ามีผลิตภัณฑ์เสริมภูมิคุ้มกันน่าจะเป็นเรื่องดี และยิ่งใช้สารสกัดจากวัตถุดิบที่มีในประเทศไทยก็น่าจะเหมาะสมกับคนไทยมากกว่า”
ดร.ประคองศิริบอกด้วยว่า แม้ปัจจุบันจะมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายชนิดที่มีจำหน่ายในท้องตลาดเพื่อช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย แต่ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าและมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับคนไทย องค์การเภสัชกรรมจึงคิดค้นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้เหมาะสมกับคนไทย โดยพัฒนามาจากสารสกัดสำคัญของสมุนไพรไทย 5 ชนิด ซึ่งผ่านการวิจัยในเชิงลึก ทดสอบและทดลองเป็นเวลากว่า 9 ปี ในที่สุดจึงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในชื่อ “จีพีโอ เนเจอร์เพล็กซ์แคปซูล” ซึ่งจดสิทธิบัตรในไทยและสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ จีพีโอ เนเจอร์เพล็กซ์สกัดจากสมุนไพรพื้นบ้านไทย 5 ชนิด คือ งวงตาล ใช้สำหรับคนที่กินข้าวไม่ได้ กินไม่อร่อย แก้ขัดเบา น้ำเหลืองไม่ดี คัดเค้า ใช้บำรุงเลือด แก้ประจำเดือนไม่ปกติ มีสารกลุ่ม Pseudoginsenosides พลูคาว ใช้เป็นยาแก้น้ำเหลืองไม่ดี เหมาะสำหรับโรคผิวหนัง ฆ่าเชื้อทางเดินปัสสาวะ พิกุล ใช้บำรุงหัวใจ เหมาะกับคนที่เลือดจาง ชอบหน้ามืด และสะแกนา ใช้ถ่ายพยาธิ ถ่ายเลือดหนอง ถ่ายของเสียที่เป็นโทษต่อร่างกาย
“องค์การเภสัชกรรมใช้ระยะเวลาศึกษาและวิจัยผลิตภัณฑ์นี้ถึง 9 ปี กระทั่งจดทะเบียนเป็นอาหารเสริมและจำหน่ายในท้องตลาดได้ จุดประสงค์ที่ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมาเพราะว่า สมุนไพรพื้นบ้านไทยหลายชนิดมีคุณค่าและประโยชน์มหาศาล แต่การใช้ยังยุ่งยาก และไม่เหมาะกับชีวิตประจำวัน ในการทำการศึกษาเราพบว่าสมุนไพร 5 ชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการเสริมภูมิคุ้มกัน และเมื่อมาสำรวจตลาดพบว่า สภาพวิถีชีวิตในประจำวันทำให้คนไทยมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ระบบภูมิคุ้มกันลดลง ดังนั้น น่าจะมีอาหารเสริมที่มั่นใจได้ว่าปลอดภัยและดีต่อสุขภาพคนไทยขึ้นมาเสริมรับในด้านนี้ จึงวิจัยผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมา”
ดร.ประคองศิริบอกว่า ตำรับนี้ได้ผ่านการวิจัยโดยคณะวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้ทำการศึกษาฤทธิ์ของยาตำรับนี้ พบว่าช่วยเพิ่มการแบ่งตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาวของคนปกติในหลอดทดลองได้ ซึ่งทุกคนทราบดีว่าเม็ดเลือดขาวช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
นอกจากการวิจัยโดยนักวิจัยที่ได้รับการเชื่อถือจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว ยังมีการศึกษาทางคลินิกกับมหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล แล้วก็ยังทดลองกับโรงพยาบาลตำรวจด้วย ทั้งหมดผ่านระยะเวลาการทำงานตรงนี้หลายปี แล้วขณะนี้เราก็มีข้อสรุป แล้วก็ได้จดสิทธิบัตรในประเทศไทยแล้ว และยังได้ยื่นจดสิทธิบัตรในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วด้วย
จีพีโอ เนเจอร์เพล็กซ์ 1 แคปซูลมีปริมาณตัวยาสำคัญ 350 มิลลิกรัม ถ้ารับประทานวันละ 2 แคปซูล จะให้พลังงานประมาณ 2 กิโลแคลอรี ดังนั้น ถ้ารู้สึกอ่อนเพลียจากการพักผ่อนน้อย การรับประทานจีพีโอ เนเจอร์เพล็กซ์ แคปซูล จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ในกรณีผู้ป่วยโรคเอดส์ที่มีความต้านทานต่ำ มีเม็ดเลือดขาวน้อยนั้น สามารถรับประทานได้ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง
ดร.ประคองศิริสรุปว่า เมื่อดูคุณสมบัติจุดเด่นของจีพีโอ เนเจอร์เพล็กซ์แล้ว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้สมองมาก พักผ่อนน้อย เครียดจากการทำงาน ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยเรื้อรัง และผู้ป่วยระยะพักฟื้น ผู้ใช้แรงงานและทำงานหนัก พักผ่อนน้อย นักกีฬาและผู้ออกกำลังเป็นประจำ ซึ่งเหมาะกับคนทุกเพศและทุกวัย