xs
xsm
sm
md
lg

วอนสังคมเข้าใจ “เมียน้อย” ก็เมียคนหนึ่ง!!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผลศึกษาพบผู้หญิงที่เป็นภรรยาน้อยจะนิยามตนเองว่าเป็น “ภรรยา” คนหนึ่งเหมือนกัน วอนสังคมเข้าใจ อย่ามายุ่งหรือเที่ยวมาตัดสิน ขอโอกาสใช้ชีวิตเช่นคนปกติทั่วไป ย้ำรู้สึกผิดต่อการกระทำ แต่ก็หาเหตุผลลบล้างความผิด ว่าเป็นเพราะเวรกรรม สุดวิสัย หรือผิดที่ฝ่ายชาย และเลือกเข้าวัดฝึกปฏิบัติธรรมด้วย เผยบางคนยังเป็นฝ่ายจุนเจือบ้านใหญ่เอง

ที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ตลิ่งชัน วันนี้ (19 ต.ค.) จัดบรรยายเรื่อง “ชีวิตเมียน้อยในสังคมไทย” โดย น.ส.สุภาวดี มนัสปิยะเลิศ จากภาควิชาสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เจ้าของวิทยานิพนธ์เรื่อง “เมียน้อย”:กระบวนการตัดสินใจและการปรับตัว ที่ศึกษากลุ่มตัวอย่างจากผู้หญิงไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดกาญจนบุรี ที่เป็นภรรยาน้อย 6 คน ช่วงอายุ 30-52 ปี การศึกษาระดับประถมถึงมัธยมปลาย ซึ่งเป็นภรรยาน้อยมาไม่ต่ำกว่า 3 ปี พบว่า มีหลายสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงตัดสินใจเป็นภรรยาน้อย ทั้งความกดดันจากปัญหาครอบครัว เช่น ครอบครัวแตกแยก การเลี้ยงดูแบบเข้มงวด ชีวิตสมรสที่ล้มเหลว ความผูกพันทางอารมณ์ และช่วงจังหวะของชีวิตเป็นเงื่อนไขผลักดัน โดยความผูกพันทางอารมณ์เป็นเหตุผลหลักในการตัดสินใจ

พร้อมยกตัวอย่าง 2 ใน 6 คน ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างว่าเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว คนแรก แต่งงานมา 2 ครั้ง และตกเป็นภรรยาหลวงทั้ง 2 ครั้ง ทำให้ประชดชีวิตด้วยการยอมเป็นภรรยาน้อยในครั้งที่ 3 เนื่องจากไม่อยากต้องทนทุกข์ในฐานะภรรยาหลวงอีกต่อไป และรายที่ 2 สามีหึงหวงมากไป นอกจากนี้ ยังมีอีกรายที่ครอบครัวมีปัญหาเพราะพ่อมีภรรยาน้อย ไม่พอใจภรรยาน้อยของพ่อ แต่เมื่อมาเจอกับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว เกิดรู้สึกชอบเพราะปรึกษาเรื่องปัญหานี้ได้ จนท้ายที่สุดก็ผูกพันยอมเป็นภรรยาน้อยของชายคนนั้นไป ที่น่าสนใจ คือ มี 1 ราย ประกอบธุรกิจส่วนตัว ค่อนข้างมีฐานะ ต้องเป็นฝ่ายช่วยเหลือจุนเจือฝ่ายชายกับภรรยาหลวงด้วยซ้ำ

จากงานศึกษายังพบว่า ภรรยาน้อยบางคนต้องการให้ฝ่ายชายจัดงานแต่งงาน หรือพิธีกรรมสู่ขอกับญาติผู้ใหญ่ เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบของฝ่ายชาย โดย 3 ใน 6 ราย มี 2 ราย จัดพิธีแต่งงาน และ 1 ราย มีพิธีสู่ขอ ซึ่งทุกคนต่างยอมรับสภาพ ไม่เคยตามไปราวีกับภรรยาหลวงเลย และยังยืนยันด้วยว่า ไม่อยากเป็นภรรยาน้อย และรู้สึกผิดตลอดเวลา ส่วนความกดดันเมื่อถูกสังคมรอบข้างต่อต้านและประณามนั้น ผู้หญิงกลุ่มนี้พยายามให้เหตุผลเพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง ว่าเป็นเรื่องของเวรกรรม เหตุสุดวิสัย และเป็นเพราะฝ่ายชาย ส่วนใหญ่จะเข้าวัดฝึกปฏิบัติธรรมด้วย ที่สำคัญผู้หญิงเหล่านี้จะให้คำนิยามตัวเองว่าเป็น “ภรรยาคนหนึ่ง” ไม่ใช่ ”ภรรยาน้อย” อย่างที่สังคมตีตรา โดยอยากให้สังคมเข้าใจ หยุดจับจ้อง เพื่อใช้ชีวิตเช่นคนปกติทั่วไปได้

“ผู้หญิงพวกนี้จะบอกว่า เขาไม่ใช่เมียน้อย แต่เป็นเมียประเภทหนึ่ง เมียของผู้ชายคนหนึ่ง และก็รู้สึกลึก ๆ ว่าสิ่งที่ทำนั้นผิดอยู่ตลอดเวลา ต้องหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองสารพัด เข้าวัดเข้าวาฝึกปฏิบัติธรรม และที่สำคัญอยากให้สังคมเข้าใจ คือ อย่ามายุ่งกับเขามากมาย อย่ามาพูดว่าดีหรือไม่ดี ขอให้ได้ใช้ชีวิตปกติสุขอย่างที่เป็น เหมือนกับเป็นบุคคลธรรมดา คนซึ่งไม่มีป้ายมาบอกว่าเป็นเมียน้อย หรือเป็นโรคจิต หรือเป็นโจร” น.ส.สุภาวดี ผู้ทำการศึกษาชี้แจง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการบรรยายมีการแสดงความเห็นที่หลากหลาย ส่วนใหญ่เห็นว่างานศึกษานี้ศึกษากลุ่มตัวอย่างน้อยไป เพราะศึกษาผู้หญิงที่เป็นภรรยาน้อยแค่ 6 คน ใน จ.กาญจนบุรี เท่านั้น ควรศึกษาผู้ที่เป็นภรรยาหลวงกับผู้ชายที่มีภรรยาน้อยเพิ่มเติมด้วย บางคนชี้ว่าการเป็นภรรยาน้อย ไม่ใช่สิ่งที่ควรส่งเสริม และไม่เห็นด้วยถ้าจะเพิ่มสิทธิของภรรยาน้อยให้เท่ากับภรรยาหลวง ส่วนตัวเด็กที่เป็นบุตรภรรยาน้อยนั้น เห็นด้วยว่าไม่ควรเลือกปฏิบัติและมีผู้หญิงหลายคนที่ถูกฝ่ายชายหลอกลวง จนต้องเป็นภรรยาน้อยโดยไม่ตั้งใจด้วย

ทั้งนี้ ยังมีผู้ชายบางคนแสดงความเห็นในลักษณะว่าเป็นเพราะตัวผู้หญิงที่เป็นภรรยาน่าเบื่อ และจำเจ ผู้ชายจึงต้องมีภรรยาน้อย ที่จริงฝ่ายหญิงน่าจะย้อนกลับมาดูตัวเองด้วย และในอดีตผู้ชายก็มีภรรยาน้อยไม่เห็นจะเป็นเรื่องเสียหาย ซึ่งมีผู้หญิงบางคนตอบโต้ว่ายังยืนยันว่าสังคมไทยไม่ควรส่งเสริมการมีภรรยาน้อย แต่เห็นด้วยว่าต้องพยายามเข้าใจปัญหามากขึ้น และไม่ควรโทษว่าฝ่ายหญิงที่เป็นภรรยาผิดอย่างเดียว เพราะผู้หญิงเองก็ต้องทนอยู่กับผู้ชายคนเดียวที่ได้เลือกเป็นสามี แม้จะเบื่อแต่ก็ต้องทนเช่นกัน พร้อมแนะให้ฝ่ายชายนึกย้อนบ้างว่า ถ้าตัวเองโดนภรรยาสวมเขา หรือเวลาที่โดนแฟนนอกใจจะรู้สึกอย่างไร ก่อนที่จะคิดมีภรรยาน้อย
กำลังโหลดความคิดเห็น