xs
xsm
sm
md
lg

ม.ปลายทุกโรงสอนภาษาจีน เส้นทางเดินที่ต้องจับตามอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไม่ผิดที่จะพูดว่า ภาษาจีน กลายเป็นภาษาสากลอีกภาษาหนึ่ง เฉกเช่นเดียวกับภาษาอังกฤษที่คนทั่วโลกควรเรียนรู้จนสามารถสื่อสารกันรู้เรื่องและถูกต้อง ยิ่งในยุคปัจจุบันที่จีนก้าวเข้าสู่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจด้วยแล้ว การใช้ภาษาจีนยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเป็นลำดับ


แน่นอนว่า กระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานที่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การศึกษาของชาติก็ย่อมเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้เหมือนกัน และล่าสุดได้มีการประกาศนโยบายออกมาอย่างชัดเจนว่า โรงเรียนที่เปิดสอนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจะต้องมีการเปิดสอนภาษาจีนทุกโรงเลยทีเดียว

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เล่าให้ฟังว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญเรื่องการเรียนการสอนภาษาจีนแก่นักเรียนมาโดยตลอด แต่มีปัญหาใหญ่ก็คือ บ้านเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาจีนไม่มากนัก ตลอดจนอุปกรณ์การเรียนการสอน จึงต้องทำลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ ขยายจะไม่ผลีผลามขยายคราวเดียวกันทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ถึงจุดอ่อนของการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นด้านบุคลากร และสื่อการเรียนการสอน กระทรวงศึกษาธิการจึงได้เดินทางพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาจีน และขณะนี้ได้ร่างยุทธศาสตร์ภาษาจีนเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างการเตรียมการนำเสนอนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

“กระทรวงฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษาจีนในสถานศึกษาของรัฐและเอกชนมาระยะหนึ่ง ในปีการศึกษา 2549 คาดว่าจะมีโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเปิดสอนภาษาจีนทุกจังหวัด หลังจากนั้นจะผลักดันให้ทุกเขตพื้นที่การศึกษามีโรงเรียนที่เปิดสอนภาษาจีนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอย่างน้อย 1 โรง ท้ายที่สุดโรงเรียนที่เปิดสอนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจะต้องมีการเปิดสอนภาษาจีนทุกโรง

“ช่วง 3 ปีแรกของการเปิดสอนภาษาจีน จะเสนอรัฐบาลให้ช่วยในเรื่องสื่อการเรียนการสอน และเสนอให้แต่ละจังหวัดมีศูนย์ส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีน โดยจะคัดเลือกจากโรงเรียนที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว มาทำการคัดเลือกให้เป็นตัวแทน และเป็นพี่เลี้ยงช่วยโรงเรียนอื่นๆ ต่อไป”

คุณหญิงกษมา อธิบายเพิ่มเติมว่าระหว่างวันที่ 15-17 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่นายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางมาเยือนประเทศไทย กระทรวงศึกษาธิการได้จัดงานมหกรรมภาษาจีนขึ้น รวมทั้งร่วมมือกับสมาคมมิตรภาพไทย-จีน โรงเรียนสอนภาษาจีน สถานทูตจีน ตลอดจนเชิญผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีน เข้าร่วมสัมมนาเรื่องการเรียนการสอนภาษาจีน โดยจะนำเสนอใน 3 ประเด็น

ประเด็นแรก ความสำคัญของภาษาจีนต่อเศรษฐกิจในอนาคต ประเด็นที่สอง การเรียนการสอนภาษาจีนทั้งในโรงเรียนของรัฐและเอกชน โดยจะติดต่อโรงเรียนในภูมิภาคอาเซียน ผู้เชี่ยวชาญและโรงเรียนในประเทศจีนที่สุดยอดมาแนะแนววิธีการเรียนการสอน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประเด็นสุดท้าย กิจกรรมของจีน อย่างเช่น การเขียนพู่กันจีน ร้องเพลงจีน สุนทรพจน์ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะกระตุ้นให้เด็กแสดงความสามารถออกมา

การจัดมหกรรมครั้งนี้ เพื่อจุดประกายให้ทุกคนรู้ว่าภาษาจีนเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรา แล้วมีความจำเป็นต้องพูด อ่าน เขียน ได้ เพื่อเอื้อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ หรืออย่างน้อยก็ใช้ในการสื่อสารกันรู้เรื่องเหมือนกับการพูดภาษาอังกฤษ
“ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน เราเคารพนับถือเหมือนเป็นพี่น้อง จึงพบว่ามีชาวจีนเดินทางมาเที่ยว มาเยี่ยมญาติในเมืองไทย แล้วคนไทยก็เดินทางไปเที่ยวเมืองจีนกันเพิ่มมากขึ้น แล้วเพื่อให้เกิดความแนบแน่นและรู้สึกว่าเป็นกันเอง อย่างน้อยควรพูดคุยกันด้วยภาษาจีน”

“ภายในงาน เราจะมีตัวอย่างดีๆ มาให้นักเรียนและคนทั่วไปเรียนรู้ได้ ส่วนโรงเรียนที่สอนภาษาจีนอยู่แล้ว สามารถมาดูนิทรรศการ สื่อการเรียนการสอน และอื่นๆ ภายในงาน เพื่อนำเอาเทคนิคเหล่านี้ไปต่อยอดการเรียนการสอนภาษาจีนในชั้นเรียนได้ สำหรับโรงเรียนที่ยังไม่ได้เปิดสอนภาษาจีนแล้วมีแนวคิดที่จะเปิด น่าจะเข้ามาดู พร้อมปรึกษาผู้รู้ว่าการเปิดสอนภาษาจีน ควรเตรียมพร้อมหรือทำอย่างไรบ้าง”

จากแนวนโยบาย เราลองมาฟังโรงเรียนของรัฐที่เป็นต้นแบบการเรียนการสอนภาษาจีนกันบ้างว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาประสบกับปัญหาในการดำเนินงาน รวมทั้งได้รับความสนใจจากเด็กๆ มากน้อยแค่ไหน

นั่นก็คือ โรงเรียนวัดไตรมิตรวิทยา

วันชัย ยงวณิช รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ บอกว่า โรงเรียนเริ่มเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาจีนเมื่อปี 2542 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ สาเหตุที่เปิดสอนภาษาจีนเกิดจากโครงการยุวมัคคุเทศก์ที่พานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน โดยเริ่มขั้นในสมัยที่คงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป สมัยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ
ขณะเดียวกันก็ได้รับแรงสนับสนุนจากพระเทพภาวนาวิกรม รองเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยา และประธานมูลนิธิร่มฉัตร ที่เล็งเห็นว่าควรมีการเรียนการสอนภาษาจีนอย่างจริงจัง

ดังนั้น ทางโรงเรียนจึงยื่นเรื่องขอเปิดการเรียนการสอนภาษาจีน แก่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยได้รับความร่วมมือจากป่อเต็กตึ๊ง กับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวฯ ตลอดจนผู้ที่มีความรู้ด้านภาษาจีน มาช่วยจัดหลักสูตรภาษาจีนขึ้น โดยเริ่มสอนในระดับมัธยมปลายก่อน จากนั้นขยายมาระดับมัธยมต้น

อาจารย์วันชัย บอกว่า ช่วง 7 ปีที่เปิดหลักสูตรภาษาจีน มีนักเรียนให้ความสนใจเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ทางโรงเรียนจึงจัดให้มีหลักสูตรภาษาจีนสไตล์เข้มข้น ตั้งแต่ม.1-ม.6 ชั้นละ 1 ห้อง โดยจะสอนภาษาจีนอาทิตย์ละ 6 คาบ แล้วระดับมัธยมปลาย จัดสายศิลป์สอนภาษาจีน จะเน้นสอนเพื่อสื่อสาร เพื่อธุรกิจการค้า เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การเรียนการสอนภาษาจีน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีปัญหาเรื่องบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาจีน กล่าวคือถ้าให้ให้คนไทยที่มีความรู้ภาษาจีนมาสอนมักจะมีปัญหาเรื่องการออกเสียง ขณะเดียวกันถ้าให้ชาวจีนมาสอน พบปัญหาด้านการสื่อสาร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทางโรงเรียนมีทางออกโดยให้ครูทั้ง 2 ส่วนมาแลกเปลี่ยนด้านภาษาจีนอย่างถูกต้องแล้วมาสอนนักเรียน รวมทั้งสอนวัฒนธรรมจีนควบคู่ไปด้วย

อีกปัญหาที่สำคัญก็คือ หลักสูตรภาษาจีนที่เปิดสอนกันอยู่ทุกวันนี้แตกต่างกัน ต่างกันต่างทำหลักสูตรขึ้นมาสอนเอง ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการ เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จึงเร่งดำเนินการสร้างหลักสูตรมาตรฐานจีน เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีปัญหาสื่อการเรียนการสอน นวัตกรรมใหม่ๆ ด้วย

วันชัย เล่าแนวทางขจัดปัญหาเหล่านี้ โดยพระเทพภาวนาวิกรม กับ ธีรพงศ์ นิยมทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ คนปัจจุบัน สานความสัมพันธ์กับ โรงเรียนเทียนจิน และ HanBan หน่วยงานรัฐบาลจีน ด้วยการแลกเปลี่ยนนักเรียน และบุคลากร กัน

“วันนี้โรงเรียนยังได้รับเกียรติให้เป็นศูนย์กลางการสอบเทียบภาษาจีน Hanyu Shuiping Kaolhi (HSK) โดยผู้ที่ผ่าน HSK ซึ่งถือเป็นใบเบิกทางเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยของจีนได้ โดยไม่ต้องสอบภาษาจีนในประเทศจีน ขณะเดียวกันยังเป็นโรงเรียนต้นแบบการเรียนการสอนภาษาจีนเพื่อให้โรงเรียนต่างๆ ที่มีแนวคิดที่จะเปิดสอนมาขอคำแนะนำ และจะเป็นพี่เลี้ยงให้ด้วย”วันชัยสรุปทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น