อวสานมหากาพย์ “รัตนา บ้านสีดำ” หลั่งน้ำตานองหน้า หลังกรมที่ดิน-กทม.ร่วมรับผิดชอบ ต่อหน้ากรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ระบุเพิกถอนทะเบียนที่ดิน พร้อมยื่น ป.ป.ช.สอบเอาผิด จนท.ทั้ง กทม.-กรมที่ดิน พร้อมได้บ้านหลังใหม่ “บ้านสีส้ม” สมใจ ด้าน “อภิรักษ์” เตรียมสรุปเป็นบทเรียนสอนใจ ขรก.
นายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ดูแลเรื่องการเยียวยาว และแก้ปัญหาบ้านสีดำ ได้เชิญนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่าที่ ร.ต.ขันธ์ชัย วิจักขณะ รองอธิบดีกรมที่ดิน เข้าพบเพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาที่ห้องทำงาน ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งนางรัตนา สัจจเทพ เจ้าของบ้านสีดำ บุตรชาย หลานสาว และนายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ น.ส.สุนีย์ ไชยรส กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่นางรัตนาขอให้มาร่วมหารือด้วย

โดยนายพินิจ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ขณะนี้กรมที่ดินได้ส่งคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 2703/2548 เรื่อง เพิกถอนรายการจดทะเบียนที่ดิน ลงนามโดยว่าที่ ร.ต.ขันธ์ชัย วิจักขณะ รองอธิบดีกรมที่ดิน รับมอบหมายจากอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งกรมที่ดินพิจารณาแล้วว่า ทะเบียนประเภท “ขายที่” โฉนดที่ดินเลขที่ 114303 อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 ก.ค.2534 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนรายการทั้งหมด โดยทางกรมที่ดินยืนยันว่า หลังจากเพื่อเพิกถอนแล้วเสร็จ ในวันจันทร์ที่ 12 ต.ค.นี้ จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาโทษของข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากมีการสอบสวนมาแล้วหลายครั้ง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยจะต้องเสร็จภายใน 7 วันนี้
ด้าน นายเสน่ห์ กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวแม้จะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของนางรัตนา แต่เมื่อเป็นการกระทบต่อประชาชน ทางออกที่ได้จึงเป็นสัญญาณว่าระบบราชการจะต้องตะหนัก โดยเฉพาะกรมที่ดินยอมรับแล้วว่าเจ้าหน้าที่กระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะเป็นต้นเรื่องในการสอบสวนหาผู้กระทำผิด และภาระต่อไป โดยคณะกรรมการป้องกันและปรามปราบการทุจรติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะเป็นผู้สอบสวนการกระทำผิด ทั้งนี้ในเรื่องการชดเชย หรือเยียวยา มีการตกลงชัดเจนว่าจะจัดหาบ้านใหม่ให้กับครอบครัวนางรัตนาตามที่ได้ไปหาไว้แล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีการเกี่ยงงอนในเรื่องของราคา เพราะนางรัตนาถือว่าเป็นผู้รับเคราะห์จากปัญหาที่เกิดจากระบบราชการกว่า 10 ปี ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ก็จะเป็นประโยชน์ให้กับประชาชนทุกคน และสังคมไทย มิใช่เฉพาะนางรัตนาคนเดียว
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ในส่วนของกรุงเทพมหานคร แม้จะเคยสอบสวนข้อเท็จจริงมาแล้ว แต่พบว่าอาจจะมีข้อมูลหลักฐานที่ตกล่นหายไป ดังนั้นจะส่งหนังสือไปทาง ป.ป.ช.โดยตรง ถึงการปฏิบัติโดยปฏิบัติโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร เพื่อที่จะให้ ป.ป.ช.ดำเนินการสืบสวนทั้งหมด แม้จะมีการลงโทษเจ้าหน้าที่ทั้ง 7 คนไปแล้ว แต่ในความรู้สึกของสังคมเองก็อาจจะรู้สึกว่าไม่เหมาะสม จึงขอยืนยันว่าจะดำเนินการเพื่อให้ความเป็นธรรมกับนางรัตนา โดยจะลงนามเพื่อส่งหนังสือไปยัง ป.ป.ช. ในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ กทม.จะสรุปเรื่องนี้เพื่อเป็นบทเรียน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม และเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปต่อระบบการทำงานของ กทม. และส่วนไหนที่ไปเกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่นอกเหนือ ก็จะเสนอผ่านรองนายกฯ ต่อไป

ด้าน นางรัตนา กล่าวแสดงความดีใจทั้งน้ำตา โดยมีบุตรชายปลอบใจตลอดเวลาว่า เรื่องนี้ถือว่าจบแล้ว และขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือ และร่วมกันรับผิด รัวมทั้งขอบคุณประชาชนทั้งประเทศที่ร่วมให้กำลังใจ ที่ผ่านมาเหตุใดจึงไม่รับบ้าน เพราะถ้าหากรับไป ก็จะกลายเป็นว่าเห็นแก่ตัว เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนเรื่องบ้านจำนวนมาก และเกิดจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ดังนั้นเมื่อทุกฝ่ายมารับผิดก็จะทำให้มีก็เปลี่ยนแปลงในการปฏิรูประบบราชการ และจะเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งแผ่นดิน ประชาชนจะได้รับการดูแลจากทางราชการ
“จากนี้ไปก็จะรอคำสั่งจากผู้ว่ากรุงเทพฯ และจะแถลงข่าวที่ลานคนเมือง โดยขอฝากไปยังสื่อมวลชน และประชาชนที่ให้กำลังใจว่า ขอให้มาร่วมกันเพื่อยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รับผิดแล้ว และจะเดินทางไปยัง ป.ป.ช.ด้วยกัน เพื่อยื่นหนังสือว่ากรมที่ดิน และ กทม.ร่วมรับผิดแล้ว ก็ขอให้ ป.ป.ช.ปฏิบัติหน้าที่ไปตามหน้าที่หลังจากที่หลังจากที่มีการสรรหา ป.ป.ช.เสร็จเรียบร้อยแล้ว”นางรัตนา กล่าว
ก่อนเดินทางออก นางรัตนายืนยันกับหลานสาวว่า เขาจะได้บ้านสีส้ม ตามที่หลานสาวอยากได้แล้ว โดยนางรัตนากล่าวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มว่า เรื่องทั้งหมดจบแล้ว รวมทั้งเรื่องการตั้งโต๊ะถอดถอนนายอภิรักษ์ด้วย แต่จะยังพักอยู่ที่ลานคนเมืองก่อนจนกว่าผู้ว่าฯจะนำหนังสือมาให้ด้วยตัวเอง
นายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ดูแลเรื่องการเยียวยาว และแก้ปัญหาบ้านสีดำ ได้เชิญนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่าที่ ร.ต.ขันธ์ชัย วิจักขณะ รองอธิบดีกรมที่ดิน เข้าพบเพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาที่ห้องทำงาน ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งนางรัตนา สัจจเทพ เจ้าของบ้านสีดำ บุตรชาย หลานสาว และนายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ น.ส.สุนีย์ ไชยรส กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่นางรัตนาขอให้มาร่วมหารือด้วย
โดยนายพินิจ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ขณะนี้กรมที่ดินได้ส่งคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 2703/2548 เรื่อง เพิกถอนรายการจดทะเบียนที่ดิน ลงนามโดยว่าที่ ร.ต.ขันธ์ชัย วิจักขณะ รองอธิบดีกรมที่ดิน รับมอบหมายจากอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งกรมที่ดินพิจารณาแล้วว่า ทะเบียนประเภท “ขายที่” โฉนดที่ดินเลขที่ 114303 อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 ก.ค.2534 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนรายการทั้งหมด โดยทางกรมที่ดินยืนยันว่า หลังจากเพื่อเพิกถอนแล้วเสร็จ ในวันจันทร์ที่ 12 ต.ค.นี้ จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาโทษของข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากมีการสอบสวนมาแล้วหลายครั้ง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยจะต้องเสร็จภายใน 7 วันนี้
ด้าน นายเสน่ห์ กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวแม้จะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของนางรัตนา แต่เมื่อเป็นการกระทบต่อประชาชน ทางออกที่ได้จึงเป็นสัญญาณว่าระบบราชการจะต้องตะหนัก โดยเฉพาะกรมที่ดินยอมรับแล้วว่าเจ้าหน้าที่กระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะเป็นต้นเรื่องในการสอบสวนหาผู้กระทำผิด และภาระต่อไป โดยคณะกรรมการป้องกันและปรามปราบการทุจรติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะเป็นผู้สอบสวนการกระทำผิด ทั้งนี้ในเรื่องการชดเชย หรือเยียวยา มีการตกลงชัดเจนว่าจะจัดหาบ้านใหม่ให้กับครอบครัวนางรัตนาตามที่ได้ไปหาไว้แล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีการเกี่ยงงอนในเรื่องของราคา เพราะนางรัตนาถือว่าเป็นผู้รับเคราะห์จากปัญหาที่เกิดจากระบบราชการกว่า 10 ปี ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ก็จะเป็นประโยชน์ให้กับประชาชนทุกคน และสังคมไทย มิใช่เฉพาะนางรัตนาคนเดียว
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ในส่วนของกรุงเทพมหานคร แม้จะเคยสอบสวนข้อเท็จจริงมาแล้ว แต่พบว่าอาจจะมีข้อมูลหลักฐานที่ตกล่นหายไป ดังนั้นจะส่งหนังสือไปทาง ป.ป.ช.โดยตรง ถึงการปฏิบัติโดยปฏิบัติโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร เพื่อที่จะให้ ป.ป.ช.ดำเนินการสืบสวนทั้งหมด แม้จะมีการลงโทษเจ้าหน้าที่ทั้ง 7 คนไปแล้ว แต่ในความรู้สึกของสังคมเองก็อาจจะรู้สึกว่าไม่เหมาะสม จึงขอยืนยันว่าจะดำเนินการเพื่อให้ความเป็นธรรมกับนางรัตนา โดยจะลงนามเพื่อส่งหนังสือไปยัง ป.ป.ช. ในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ กทม.จะสรุปเรื่องนี้เพื่อเป็นบทเรียน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม และเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปต่อระบบการทำงานของ กทม. และส่วนไหนที่ไปเกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่นอกเหนือ ก็จะเสนอผ่านรองนายกฯ ต่อไป
ด้าน นางรัตนา กล่าวแสดงความดีใจทั้งน้ำตา โดยมีบุตรชายปลอบใจตลอดเวลาว่า เรื่องนี้ถือว่าจบแล้ว และขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือ และร่วมกันรับผิด รัวมทั้งขอบคุณประชาชนทั้งประเทศที่ร่วมให้กำลังใจ ที่ผ่านมาเหตุใดจึงไม่รับบ้าน เพราะถ้าหากรับไป ก็จะกลายเป็นว่าเห็นแก่ตัว เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนเรื่องบ้านจำนวนมาก และเกิดจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ดังนั้นเมื่อทุกฝ่ายมารับผิดก็จะทำให้มีก็เปลี่ยนแปลงในการปฏิรูประบบราชการ และจะเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งแผ่นดิน ประชาชนจะได้รับการดูแลจากทางราชการ
“จากนี้ไปก็จะรอคำสั่งจากผู้ว่ากรุงเทพฯ และจะแถลงข่าวที่ลานคนเมือง โดยขอฝากไปยังสื่อมวลชน และประชาชนที่ให้กำลังใจว่า ขอให้มาร่วมกันเพื่อยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รับผิดแล้ว และจะเดินทางไปยัง ป.ป.ช.ด้วยกัน เพื่อยื่นหนังสือว่ากรมที่ดิน และ กทม.ร่วมรับผิดแล้ว ก็ขอให้ ป.ป.ช.ปฏิบัติหน้าที่ไปตามหน้าที่หลังจากที่หลังจากที่มีการสรรหา ป.ป.ช.เสร็จเรียบร้อยแล้ว”นางรัตนา กล่าว
ก่อนเดินทางออก นางรัตนายืนยันกับหลานสาวว่า เขาจะได้บ้านสีส้ม ตามที่หลานสาวอยากได้แล้ว โดยนางรัตนากล่าวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มว่า เรื่องทั้งหมดจบแล้ว รวมทั้งเรื่องการตั้งโต๊ะถอดถอนนายอภิรักษ์ด้วย แต่จะยังพักอยู่ที่ลานคนเมืองก่อนจนกว่าผู้ว่าฯจะนำหนังสือมาให้ด้วยตัวเอง


