สมเด็จพระสังฆราชเสด็จทรงบาตรเนื่องในวันคล้ายวันประสูติครบรอบ 92 พรรษา โดยมีประชาชนเข้าเฝ้าถวายพระพรเป็นจำนวนมาก ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
คลิกชมภาพสไลด์โชว์ ประมวลภาพ ถวายพระพร สมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันประสูติ ได้ที่ไอคอน Manager Mutimedia
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จทรงบาตร ณ สนามวัดบวรนิเวศวิหาร จากนั้นประทานวโรกาสให้ประชาชนเข้าเฝ้าถวายสักการะ ถวายพระพร เนื่องในวโรกาสคล้ายวันประสูติครบรอบ 92 พรรษา วันที่ 3 ตุลาคม โดยมีพุทธศาสนิกชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมาร่วมพิธีและเฝ้ารับเสด็จประมาณ 1,000 คน
ทั้งนี้ สมเด็จพระสังฆราชทรงประทับรถเข็นมายังลานที่ประทับ และได้ประทานพรแก่ประชาชนที่มาร่วมตักบาตรและรับเสด็จ มีใจความว่า “การมาถวายพระพร เพื่อเป็นเมตตาจิต และอวยพรให้แก่อาตมา ขอทุกท่านจงประสบในสิ่งอันพึงประสงค์ อภิวาทนสีลิสสะนิจจังวุฒาปจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง ขออำนวยพร”
จากนั้นสมเด็จพระสังฆราชทรงบาตรพระสงฆ์ 19 รูป โดยสมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระพักตร์สดใสและพระพลานามัยแข็งแรงขึ้น ระหว่างทรงบาตรเจ้าหน้าที่และพระสงฆ์ผู้รับใช้ใกล้ชิดคอยหยิบจัตุปัจจัยไทยธรรมถวาย และประคองพระหัตถ์ทรงบาตรเป็นระยะ พร้อมกันนี้ พุทธศาสนิกชนร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 200 รูป และสวดบทพระพุทธพรประทาน บทพระพุทธธรรมพิทักษ์ เพื่อเป็นการสรรเสริญถวายแด่สมเด็จพระสังฆราชฯ
เมื่อเวลา 07.00 น. สมเด็จพระสังฆราช เสด็จหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ประทานวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าถวายสักการะ ถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระประสูติ
ต่อจากนั้นเวลา 08.00 น.สมเด็จพระสังฆราชเสด็จไปยังที่ประทับ ณ ตำหนักคอยท่าปราโมช เพื่อเสวยภัตตาหารเช้า และทอดพระเนตรภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่น เรื่อง “ตำนานมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่” ตอนกำเนิดพระพุทธเจ้า (Logend of The Great Buddha) ที่มูลนิธิละครธรรมะ ในพระสังฆราชูปภัมภ์ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นผู้จัดสร้างขึ้นตามดำริของสมเด็จพระสังฆราชฯ เมื่อครั้งฉลอง 90 พรรษา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายในงานมีการแจกหนังสือธรรมะ 2 เล่มคือ แสงส่องใจที่ระลึกวันประสูติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระชนมายุ 92 พรรษา และอีกเล่มคือ ความไม่เบียดเบียนกันเป็นสุข และอย่าทำผิดทั้งชีวิต ซึ่งเป็นพระนิพนธ์สมเด็จพระสังฆราชฯ ให้ผู้มาร่วมงาน
ส่วน บรรยากาศที่วัดบวรนิเวศวิหารในวโรกาสวันคล้ายวันประสูติครบรอบ 92 พรรษา ช่วงบ่ายวันนี้ (2 ต.ค.) หลังจากฝนที่ตกโปรยปรายในช่วงเที่ยง เมื่อฝนหยุดตก พุทธศาสนิกชนก็ทยอยเดินทางมารับเสด็จและถวายสักการะและถวายพระพร ทำให้มีประชาชนเดินทางมายังวัดบวรนิเวศวิหารอย่างคับคั่งทั้งเด็ก และผู้ใหญ่
จนเมื่อเวลา 16.30 น. ที่ สมเด็จสมเด็จพระสังฆราชเสด็จลงพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงรับถวายสักการะจากพระเถระนุเถระ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือสมเด็จเกี่ยว เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชได้มาร่วมเจริญพระพุทธมนต์ถวายด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า 2 ข้างทางมีประชาชนรอรับเสด็จตลอดแถวเป็นแนวยาว เมื่อสมเด็จพระสังฆราช พระราชดำเนินผ่านประชาชนก็กู่ร้องสรรเสริญพระบารมี “ทรงพระเจริญ” ซ้ำหลายครั้ง ขณะที่ระหว่างทางมีประชาชนถวายพวงมาลาดอกไม้ธูปเทียน เป็นจำนวนมาก
หลังจากนั้นในเวลา 17.00 น. จึงเสด็จโดยทรงประทับรถเข็นมายังห้องประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย วัดบวรนิเวศวิหารประทานวโวกาสให้บุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าถวายสักการะถวายพระพรเนื่องในวโรกาสคล้ายวันประสูติกว่า 1,000 คน เต็มความจุห้องประชุมฯ อีกทั้งต้องทยอยกันเข้าไปถวายพระพรสักการะ
ทั้งนี้ สมเด็จพระสังฆราชตรัสแก่สาธุชนที่มาถวายพระพร ว่า “ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาที่ท่านทั้งหลายได้มาพร้อมเพรียงกันเพื่อแสดงไมตรีจิตและอวยพรแก่อาตมาภาพครั้งนี้ ขอทุกท่านทุกฝ่ายจงประสบสิ่งอันพึงประสงค์ทั้งปวง โดยธรรมทั่วกัน อภิวาทนสี ลิสสฺ นิจจํ วุทฺฒาปจายโน จตฺตาโร ธมมา วฑฺฒญติ อายุ วรรณโน สุขํ พฺลัง ขออำนวยพร”
จากนั้นประชาชนจึงทยอยมอบเครื่องสักการะ ถวายพระพรนำความปลื้มปีตีล้นพ้น พร้อมทั้งมีการแจกหนังสือ โปสเตอร์ และพระผงไพรีพินาศเป็นที่ระลึกด้วย ซึ่งในวันนี้มีประชาชนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลกันมามากกว่าทุกๆ ปี โดยนางพงศ์นาค ธำรงรัตน์ พร้อมหลานสาว และครอบครัวได้เดินทางมาจากย่านเตาปูน โดยตั้งใจมาถวายพระพรและสักการะ สมเด็จพระสังฆราชซึ่งกิจกรรมที่ทำในวันนี้มีทั้งบริจาคจตุปัจจัย เยี่ยมชมปูชนียสถานสำคัญของวัดทั้ง 7 คือ พระอุโบสถ พระเจดีย์ พระไพรีพินาศ พระวิหารเก๋ง พระวิหารพระศาสดา รอยพระพุทธบาท และตึกมนุษยนาควิทยาทาน
“วันนี้รู้สึกดีใจมากที่เห็นพระองค์ท่านฯ อยากให้พระองค์ทรงมีพลานามัยแข็งแรงยิ่งๆ ขึ้นวันนี้ได้นำคำถวายพระพรซึ่งเขียนขึ้นมาถวายด้วย”
นางวิมล คุ่ยหนู อายุ 56 ปี ชาวฝั่งธนฯ บอกว่าได้เดินทางมาจากบ้านตั้งแต่ 08.00 น. ซึ่งทุกปีก็จะมาเข้าเฝ้าเพื่อกราบขอพรสมเด็จพระสังฆราช โดยช่วงเช้าตนได้เข้าเฝ้าแม้จะอยู่ในระยะไกลแต่ก็สามารถมองเห็นพระพักตร์ของพระองค์ได้อย่างชัดเจนและเห็นว่าพระองค์มีพระพักตร์แจ่มใสดูแข็งแรง และตนก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มาเข้าเฝ้า ได้กราบพระอรหันต์ถือว่าเป็นบุญ และอยากให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง และนอกจากนี้ยังตั้งใจจะมาร่วมทำบุญบริจาคโลหิตด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกด้วยว่า นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะเข้าถวายสักการะและถวายพระพรในวันพรุ่งนี้ (3 ต.ค.) นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงร่วมถวายพระพรและถวายสักการะอีกเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ นายศุภชัย ฉันทชานนท์ วัย 54 ปี จูงมือครอบครัวมารวมถวายพระพรในวันนี้ด้วย นายศุภชัยกล่าวว่า วันนี้ตนตั้งใจพาลูกๆ มาไหว้พระ ขอพรให้สมเด็จพระสังฆราชทรงมีสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทรให้ลูกศิษย์และชาวพุทธทุกคน ซึ่งวันคล้ายวันประสูติท่านก็จะมาทุกปี รู้สึกดีใจมากที่มีโอกาสได้เห็นพระพักตร์อันผ่องใส
จากนั้นประมาณ 17.30 น. จึงเสด็จกลับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยในวันพรุ่งนี้ (3 ต.ค.) จะทรงเสด็จบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันประสูติ ณ อุโบสถวัดบวรนิเวศวิหารในเวลา 10.20 น. และเวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ในการบำเพ็ญพระกุศลวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระสังฆราช ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศฯ โดยมีพระสงฆ์ 20 รูปเจริญพระพุทธมนต์ สมเด็จพระสังฆราชถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นถวายภัตตาหารเพลพระภิกษุอีก 493 รูป ณ อาคารวชิรญาณวงศ์
จากนั้นเวลา 16.30 น. คณะธรรมยุตเจริญพระพุทธมนต์วัคหายุสธัมม์ถวายเป็นพระราชกุศล ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศฯ เวลา 17.00 น.เสด็จหอประชุมใหญ่ มมร.ประทานวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆเข้าเฝ้าถวายสักการะ ถวายพระพร เวลา 19.00 น. พระภิกษุสามเณรวัดบวรนิเวศฯสวดเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระกุศล ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศฯ
ด้าน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดพิธีถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป และทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 93 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราช ที่ปะรำพิธีนอกอาคารหอประชุมพุทธมณฑล โดยมีนางปวีณา หงสกุล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วยข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเดิน วิ่ง สมาธิมินิมาราธอน โดยรายได้จากการจัดงานจะทูลถวายสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชกุศล
คลิกชมภาพสไลด์โชว์ ประมวลภาพ ถวายพระพร สมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันประสูติ ได้ที่ไอคอน Manager Mutimedia
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จทรงบาตร ณ สนามวัดบวรนิเวศวิหาร จากนั้นประทานวโรกาสให้ประชาชนเข้าเฝ้าถวายสักการะ ถวายพระพร เนื่องในวโรกาสคล้ายวันประสูติครบรอบ 92 พรรษา วันที่ 3 ตุลาคม โดยมีพุทธศาสนิกชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมาร่วมพิธีและเฝ้ารับเสด็จประมาณ 1,000 คน
ทั้งนี้ สมเด็จพระสังฆราชทรงประทับรถเข็นมายังลานที่ประทับ และได้ประทานพรแก่ประชาชนที่มาร่วมตักบาตรและรับเสด็จ มีใจความว่า “การมาถวายพระพร เพื่อเป็นเมตตาจิต และอวยพรให้แก่อาตมา ขอทุกท่านจงประสบในสิ่งอันพึงประสงค์ อภิวาทนสีลิสสะนิจจังวุฒาปจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง ขออำนวยพร”
จากนั้นสมเด็จพระสังฆราชทรงบาตรพระสงฆ์ 19 รูป โดยสมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระพักตร์สดใสและพระพลานามัยแข็งแรงขึ้น ระหว่างทรงบาตรเจ้าหน้าที่และพระสงฆ์ผู้รับใช้ใกล้ชิดคอยหยิบจัตุปัจจัยไทยธรรมถวาย และประคองพระหัตถ์ทรงบาตรเป็นระยะ พร้อมกันนี้ พุทธศาสนิกชนร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 200 รูป และสวดบทพระพุทธพรประทาน บทพระพุทธธรรมพิทักษ์ เพื่อเป็นการสรรเสริญถวายแด่สมเด็จพระสังฆราชฯ
เมื่อเวลา 07.00 น. สมเด็จพระสังฆราช เสด็จหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ประทานวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าถวายสักการะ ถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระประสูติ
ต่อจากนั้นเวลา 08.00 น.สมเด็จพระสังฆราชเสด็จไปยังที่ประทับ ณ ตำหนักคอยท่าปราโมช เพื่อเสวยภัตตาหารเช้า และทอดพระเนตรภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่น เรื่อง “ตำนานมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่” ตอนกำเนิดพระพุทธเจ้า (Logend of The Great Buddha) ที่มูลนิธิละครธรรมะ ในพระสังฆราชูปภัมภ์ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นผู้จัดสร้างขึ้นตามดำริของสมเด็จพระสังฆราชฯ เมื่อครั้งฉลอง 90 พรรษา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายในงานมีการแจกหนังสือธรรมะ 2 เล่มคือ แสงส่องใจที่ระลึกวันประสูติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระชนมายุ 92 พรรษา และอีกเล่มคือ ความไม่เบียดเบียนกันเป็นสุข และอย่าทำผิดทั้งชีวิต ซึ่งเป็นพระนิพนธ์สมเด็จพระสังฆราชฯ ให้ผู้มาร่วมงาน
ส่วน บรรยากาศที่วัดบวรนิเวศวิหารในวโรกาสวันคล้ายวันประสูติครบรอบ 92 พรรษา ช่วงบ่ายวันนี้ (2 ต.ค.) หลังจากฝนที่ตกโปรยปรายในช่วงเที่ยง เมื่อฝนหยุดตก พุทธศาสนิกชนก็ทยอยเดินทางมารับเสด็จและถวายสักการะและถวายพระพร ทำให้มีประชาชนเดินทางมายังวัดบวรนิเวศวิหารอย่างคับคั่งทั้งเด็ก และผู้ใหญ่
จนเมื่อเวลา 16.30 น. ที่ สมเด็จสมเด็จพระสังฆราชเสด็จลงพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงรับถวายสักการะจากพระเถระนุเถระ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือสมเด็จเกี่ยว เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชได้มาร่วมเจริญพระพุทธมนต์ถวายด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า 2 ข้างทางมีประชาชนรอรับเสด็จตลอดแถวเป็นแนวยาว เมื่อสมเด็จพระสังฆราช พระราชดำเนินผ่านประชาชนก็กู่ร้องสรรเสริญพระบารมี “ทรงพระเจริญ” ซ้ำหลายครั้ง ขณะที่ระหว่างทางมีประชาชนถวายพวงมาลาดอกไม้ธูปเทียน เป็นจำนวนมาก
หลังจากนั้นในเวลา 17.00 น. จึงเสด็จโดยทรงประทับรถเข็นมายังห้องประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย วัดบวรนิเวศวิหารประทานวโวกาสให้บุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าถวายสักการะถวายพระพรเนื่องในวโรกาสคล้ายวันประสูติกว่า 1,000 คน เต็มความจุห้องประชุมฯ อีกทั้งต้องทยอยกันเข้าไปถวายพระพรสักการะ
ทั้งนี้ สมเด็จพระสังฆราชตรัสแก่สาธุชนที่มาถวายพระพร ว่า “ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาที่ท่านทั้งหลายได้มาพร้อมเพรียงกันเพื่อแสดงไมตรีจิตและอวยพรแก่อาตมาภาพครั้งนี้ ขอทุกท่านทุกฝ่ายจงประสบสิ่งอันพึงประสงค์ทั้งปวง โดยธรรมทั่วกัน อภิวาทนสี ลิสสฺ นิจจํ วุทฺฒาปจายโน จตฺตาโร ธมมา วฑฺฒญติ อายุ วรรณโน สุขํ พฺลัง ขออำนวยพร”
จากนั้นประชาชนจึงทยอยมอบเครื่องสักการะ ถวายพระพรนำความปลื้มปีตีล้นพ้น พร้อมทั้งมีการแจกหนังสือ โปสเตอร์ และพระผงไพรีพินาศเป็นที่ระลึกด้วย ซึ่งในวันนี้มีประชาชนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลกันมามากกว่าทุกๆ ปี โดยนางพงศ์นาค ธำรงรัตน์ พร้อมหลานสาว และครอบครัวได้เดินทางมาจากย่านเตาปูน โดยตั้งใจมาถวายพระพรและสักการะ สมเด็จพระสังฆราชซึ่งกิจกรรมที่ทำในวันนี้มีทั้งบริจาคจตุปัจจัย เยี่ยมชมปูชนียสถานสำคัญของวัดทั้ง 7 คือ พระอุโบสถ พระเจดีย์ พระไพรีพินาศ พระวิหารเก๋ง พระวิหารพระศาสดา รอยพระพุทธบาท และตึกมนุษยนาควิทยาทาน
“วันนี้รู้สึกดีใจมากที่เห็นพระองค์ท่านฯ อยากให้พระองค์ทรงมีพลานามัยแข็งแรงยิ่งๆ ขึ้นวันนี้ได้นำคำถวายพระพรซึ่งเขียนขึ้นมาถวายด้วย”
นางวิมล คุ่ยหนู อายุ 56 ปี ชาวฝั่งธนฯ บอกว่าได้เดินทางมาจากบ้านตั้งแต่ 08.00 น. ซึ่งทุกปีก็จะมาเข้าเฝ้าเพื่อกราบขอพรสมเด็จพระสังฆราช โดยช่วงเช้าตนได้เข้าเฝ้าแม้จะอยู่ในระยะไกลแต่ก็สามารถมองเห็นพระพักตร์ของพระองค์ได้อย่างชัดเจนและเห็นว่าพระองค์มีพระพักตร์แจ่มใสดูแข็งแรง และตนก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มาเข้าเฝ้า ได้กราบพระอรหันต์ถือว่าเป็นบุญ และอยากให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง และนอกจากนี้ยังตั้งใจจะมาร่วมทำบุญบริจาคโลหิตด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกด้วยว่า นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะเข้าถวายสักการะและถวายพระพรในวันพรุ่งนี้ (3 ต.ค.) นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงร่วมถวายพระพรและถวายสักการะอีกเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ นายศุภชัย ฉันทชานนท์ วัย 54 ปี จูงมือครอบครัวมารวมถวายพระพรในวันนี้ด้วย นายศุภชัยกล่าวว่า วันนี้ตนตั้งใจพาลูกๆ มาไหว้พระ ขอพรให้สมเด็จพระสังฆราชทรงมีสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทรให้ลูกศิษย์และชาวพุทธทุกคน ซึ่งวันคล้ายวันประสูติท่านก็จะมาทุกปี รู้สึกดีใจมากที่มีโอกาสได้เห็นพระพักตร์อันผ่องใส
จากนั้นประมาณ 17.30 น. จึงเสด็จกลับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยในวันพรุ่งนี้ (3 ต.ค.) จะทรงเสด็จบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันประสูติ ณ อุโบสถวัดบวรนิเวศวิหารในเวลา 10.20 น. และเวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ในการบำเพ็ญพระกุศลวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระสังฆราช ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศฯ โดยมีพระสงฆ์ 20 รูปเจริญพระพุทธมนต์ สมเด็จพระสังฆราชถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นถวายภัตตาหารเพลพระภิกษุอีก 493 รูป ณ อาคารวชิรญาณวงศ์
จากนั้นเวลา 16.30 น. คณะธรรมยุตเจริญพระพุทธมนต์วัคหายุสธัมม์ถวายเป็นพระราชกุศล ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศฯ เวลา 17.00 น.เสด็จหอประชุมใหญ่ มมร.ประทานวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆเข้าเฝ้าถวายสักการะ ถวายพระพร เวลา 19.00 น. พระภิกษุสามเณรวัดบวรนิเวศฯสวดเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระกุศล ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศฯ
ด้าน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดพิธีถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป และทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 93 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราช ที่ปะรำพิธีนอกอาคารหอประชุมพุทธมณฑล โดยมีนางปวีณา หงสกุล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วยข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเดิน วิ่ง สมาธิมินิมาราธอน โดยรายได้จากการจัดงานจะทูลถวายสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชกุศล
