ศาลสั่งสธ.ชดเชยค่าเสียหายผู้ป่วยอีกแล้ว ชี้หมอรพ.ร่อนพิบูลย์ นครศรีธรรมราชประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 6 แสนบาทพร้อมดอกเบี้ยแก่ลูกสาวผู้ตาย ด้าน “ศิริมาศ” โจทก์ยื่นฟ้องเผย แม่ปวดท้องพาไปรพ.หมอผ่าตัดไส้ติ่งให้ หลังผ่าเป็นเจ้าหญิงนิทรา 16 วัน แล้วตาย เชื่อมั่นยังมีความเป็นธรรม หลังไม่มั่นใจเพราะแพทยสภาตัดสินคดีไม่มีมูล ด้านนายกแพทยสภา บอกจำไม่ได้คดีอะไร
วันนี้(16 ก.ย.) เวลา 9.00 น. ที่ศาลนนทบุรี ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาคดีแพ่ง ส180/2547 ระหว่าง น.ส.ศิริมาศ แก้วคงจันทร์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำเลย ในข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 โดยโจทก์คือน.ส.ศิริมาศเรียกค่าเสียหาย 2,080,000 บาท ภายหลังศาลมีคำพิพากษา น.ส.ศิริมาศ เปิดเผยว่า ศาลมีคำพิพากษาให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจ่ายค่าเสียหายให้กับน.ส.ศิริมาศ เป็นจำนวนเงิน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5/ปี ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ทั้งนี้ศาลได้ตัดสินว่า แพทย์ผู้ทำการรักษาประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้มารดาของตนต้องเสียชีวิต ทั้งที่สามารถป้องกันได้
น.ส.ศิริมาศ กล่าวต่อว่า ในคดีนี้ตนได้ยื่นฟ้องสำนักงานปลัดสธ.เมื่อวันที่ 13 ก.พ.47 ภายหลังจากที่ได้ไปร้องเรียนตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสธ. ตลอดจนแพทยสภา แต่ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม และแพทยสภาตัดสินว่าคดีนี้ไม่มีมูล ซึ่งสืบเนื่องมากจากเมื่อวันที่ 19 พ.ค.45 นางสมควร แก้วงคงจันทร์มารดาของตนได้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ด้วยอาการปวดท้อง แพทย์วินิจฉัยว่า แม่เป็นไส้ติ่งอักเสบ ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน แต่เมื่อเข้ารับการผ่าตัดมีความผิดพลาดเกิดขึ้นในขั้นตอนของการฉีดยาชาเข้าทางน้ำหล่อเลี้ยงไขสันหลัง จนเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้แม่ของตนสมองตาย และนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา 16 วันหลังผ่าตัดก็เสียชีวิต ทั้งที่ตอนนั้นแพทย์สามารถเตรียมความพร้อมได้ แต่ก็ไม่ทำ ประมาทเลินเล่อจนมารดาของตนต้องเสียชีวิต
“ที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปหลายที่ ไปที่แพทยสภาใช้เวลาตัดสิน 3 ปี แล้วบอกว่าคดีไม่มีมูล เมื่อได้รับคำปรึกษาจึงตัดสินใจฟ้อง ไม่ได้อยากได้เงิน อยากได้ชีวิตแม่คืนมา การยื่นฟ้องเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ชีวิตที่ผ่านมาเมื่อแม่เสียชีวิต ดิฉันและน้อง 3 คนอยู่อย่างลำบากมาก พ่อก็ป่วยไม่สามารถทำงานได้ มีแต่แม่คนเดียว ไม่มีใครส่งเรียนหนังสือ ดิฉันเอนทรานซ์ติดคณะชีวะ-เคมี ของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งได้ แต่ก็ไม่มีเงินเรียน เมื่อศาลมีคำพิพากษาเช่นนี้ ยอมรับว่าดีใจ แต่เทียบกับชีวิตของแม่ไม่ได้ เงินจำนวนนี้จะใช้เป็นทุนการศึกษาของน้องๆและตัวเอง อีกส่วนเอาไปทำบุญให้แม่ และตั้งใจว่าจะเรียนในมหาวิทยาลัยให้จบ”น.ส.ศิริมาศกล่าวและว่า แต่ยังไม่มั่นใจว่า กระทรวงสธ.จะอุทธรณ์หรือไม่ ถ้ามีการอุทธรณ์ตนก็คงต้องดำเนินการต่อไป
ด้าน นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว ส่วนการที่น.ส.ศิริมาศเคยมายื่นเรื่องไว้ที่แพทยสภานั้น ตนจำไม่ได้ เพราะมีเรื่องร้องเรียนมาเยอะมาก ไม่สามารถให้ความเห็นได้ ต้องศึกษารายละเอียด รวมถึงคำตัดสินของศาลอีกครั้ง และไม่มีความคิดเห็นด้วยว่าทางสำนักปลัดสธ.ควรจะอุทธรณ์หรือไม่อย่างไรด้วย
วันนี้(16 ก.ย.) เวลา 9.00 น. ที่ศาลนนทบุรี ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาคดีแพ่ง ส180/2547 ระหว่าง น.ส.ศิริมาศ แก้วคงจันทร์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำเลย ในข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 โดยโจทก์คือน.ส.ศิริมาศเรียกค่าเสียหาย 2,080,000 บาท ภายหลังศาลมีคำพิพากษา น.ส.ศิริมาศ เปิดเผยว่า ศาลมีคำพิพากษาให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจ่ายค่าเสียหายให้กับน.ส.ศิริมาศ เป็นจำนวนเงิน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5/ปี ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ทั้งนี้ศาลได้ตัดสินว่า แพทย์ผู้ทำการรักษาประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้มารดาของตนต้องเสียชีวิต ทั้งที่สามารถป้องกันได้
น.ส.ศิริมาศ กล่าวต่อว่า ในคดีนี้ตนได้ยื่นฟ้องสำนักงานปลัดสธ.เมื่อวันที่ 13 ก.พ.47 ภายหลังจากที่ได้ไปร้องเรียนตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสธ. ตลอดจนแพทยสภา แต่ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม และแพทยสภาตัดสินว่าคดีนี้ไม่มีมูล ซึ่งสืบเนื่องมากจากเมื่อวันที่ 19 พ.ค.45 นางสมควร แก้วงคงจันทร์มารดาของตนได้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ด้วยอาการปวดท้อง แพทย์วินิจฉัยว่า แม่เป็นไส้ติ่งอักเสบ ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน แต่เมื่อเข้ารับการผ่าตัดมีความผิดพลาดเกิดขึ้นในขั้นตอนของการฉีดยาชาเข้าทางน้ำหล่อเลี้ยงไขสันหลัง จนเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้แม่ของตนสมองตาย และนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา 16 วันหลังผ่าตัดก็เสียชีวิต ทั้งที่ตอนนั้นแพทย์สามารถเตรียมความพร้อมได้ แต่ก็ไม่ทำ ประมาทเลินเล่อจนมารดาของตนต้องเสียชีวิต
“ที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปหลายที่ ไปที่แพทยสภาใช้เวลาตัดสิน 3 ปี แล้วบอกว่าคดีไม่มีมูล เมื่อได้รับคำปรึกษาจึงตัดสินใจฟ้อง ไม่ได้อยากได้เงิน อยากได้ชีวิตแม่คืนมา การยื่นฟ้องเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ชีวิตที่ผ่านมาเมื่อแม่เสียชีวิต ดิฉันและน้อง 3 คนอยู่อย่างลำบากมาก พ่อก็ป่วยไม่สามารถทำงานได้ มีแต่แม่คนเดียว ไม่มีใครส่งเรียนหนังสือ ดิฉันเอนทรานซ์ติดคณะชีวะ-เคมี ของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งได้ แต่ก็ไม่มีเงินเรียน เมื่อศาลมีคำพิพากษาเช่นนี้ ยอมรับว่าดีใจ แต่เทียบกับชีวิตของแม่ไม่ได้ เงินจำนวนนี้จะใช้เป็นทุนการศึกษาของน้องๆและตัวเอง อีกส่วนเอาไปทำบุญให้แม่ และตั้งใจว่าจะเรียนในมหาวิทยาลัยให้จบ”น.ส.ศิริมาศกล่าวและว่า แต่ยังไม่มั่นใจว่า กระทรวงสธ.จะอุทธรณ์หรือไม่ ถ้ามีการอุทธรณ์ตนก็คงต้องดำเนินการต่อไป
ด้าน นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว ส่วนการที่น.ส.ศิริมาศเคยมายื่นเรื่องไว้ที่แพทยสภานั้น ตนจำไม่ได้ เพราะมีเรื่องร้องเรียนมาเยอะมาก ไม่สามารถให้ความเห็นได้ ต้องศึกษารายละเอียด รวมถึงคำตัดสินของศาลอีกครั้ง และไม่มีความคิดเห็นด้วยว่าทางสำนักปลัดสธ.ควรจะอุทธรณ์หรือไม่อย่างไรด้วย