“จิตรลดา” มือมีดแทงนักเรียนเซนต์โยเซฟฯ 4 คน ถูกนำตัวส่งสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ตรวจสภาพจิตใจอย่างละเอียดตั้งแต่กินข้าว การร่วมกิจกรรม สังคมกับคนอื่น ส่วนกลางคืนให้อยู่ห้องมีกล้องวงจรปิด จิตแพทย์ยืนยันกระบวนการตรวจระบุได้ชัดเจนว่าแกล้งบ้าหรือไม่ เคยจับได้ว่าแกล้งบ้า 2 ราย กรมสุขภาพจิตตั้งรองอธิบดีเป็นประธานคณะกรรมการวินิจฉัยกรณีนี้เนื่องจากเป็นที่สนใจของสังคม ทุกขั้นตอนดำเนินการตามมาตรฐาน ยึดความปลอดภัยของสังคม คุ้มครองสิทธิคนไข้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว น.ส.จิตรลดา ตันติวาณิชยสุข ผู้ต้องหาแทงนักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ บาดเจ็บ 4 คน เดินทางถึงสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ถนนพุทธมณฑล สาย 4 เมื่อเวลา 10.20 น.วันนี้ (13 ก.ย.) โดยผู้ต้องหาสวมเสื้อสายเดี่ยวสีม่วง กระโปรงสั้นสีดำ ชุดเดิม โดยมี พ.ญ.ดวงตา ไกรภัสสร์พงษ์ น.พ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ประจำสถาบัน เป็นผู้รับตัว น.ส.จิตรลดา จากนั้นนำเข้าสถานฟื้นฟูผู้ป่วยใน เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคนไข้ โดยสวมเสื้อเชิ้ตคอกลมแขนสั้นสีม่วง และกางเกงขายาวถึงเข่า น.พ.กัมปนาท ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้ได้ซักถามประวัติที่ม้านั่งหินอ่อนบริเวณสนามหญ้าภายในสถานฟื้นฟูผู้ป่วยในประมาณ 15 นาที จากนั้นนำไปเฝ้าสังเกตอาการที่ห้องพักฟื้นที่ 1/5 ในช่วงเวลากลางวัน ส่วนกลางคืนจะสังเกตอาการในหอพักผู้ป่วยใน มีกล้องวงจรปิดรายงานความเคลื่อนไหวของคนไข้ตลอด 24 ชั่วโมง จากนั้นจึงเปิดแถลงข่าว มี น.พ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เป็นประธาน
พ.ญ.ดวงตา กล่าวว่า เคยเป็นแพทย์เจ้าของไข้ น.ส.จิตรลดา เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ซึ่งเข้ารับการรักษาเพราะรู้สึกว่าถูกทำคุณไสยศาสตร์ มีคนเสกของเข้าตัว หลังรับประทานยาอาการดีขึ้นจึงให้กลับบ้าน แต่คนไข้ไม่ได้มารับยาอย่างต่อเนื่อง โดยสถาบันมีเตียงรับคนไข้ชายที่ก่อคดีจำนวน 60 เตียง คนไข้หญิงก่อคดี 5 เตียง ซึ่งผู้หญิงเต็มแล้ว แต่สามารรับเพิ่มได้หากได้รับการส่งต่อจากกระบวนการยุติธรรม สำหรับ น.ส.จิตรลดา ทีมเจ้าหน้าที่จะสังเกตพฤติกรรมตั้งแต่การกิน การนอน การดูแลความสะอาดร่างกาย การสังคมกับคนไข้รายอื่น การร่วมกิจกรรมที่จัดให้ เช่น กลุ่มอ่านหนังสือพิมพ์ กลุ่มออกกำลังกาย กลุ่มจิตบำบัด กลุ่มสันทนาการ ซึ่งมีบางกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกับคนไข้จิตเวชที่ไม่ก่อคดี ซึ่งหากเป็นการแกล้งป่วยเป็นผู้ป่วยจิตเวช พฤติกรรมที่แสดงออกจะไม่สอดคล้องกับอาการโรคจิต
“ถ้าแกล้งทำว่าบ้า เขาต้องจำให้ได้ว่าโกหกอะไรไว้กับใคร ต้องเป็นคนที่ฉลาดมาก และรู้ข้อกฎหมาย เคยมีคนแกล้งบ้ากลัวจะต้องรับผิดจากการก่อคดีลักทรัพย์ จากการตรวจวินิจฉัยตามกระบวนการแล้วพบว่าเขาป่วยทางจิตเวช แต่ขณะทำรู้รับผิดชอบคือประสงค์ต่อทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อจับจ่ายใช้สอยเหมือนคนทั่วไป ลักษณะนี้ถือว่ามีความผิด การจะวินิจฉัยส่งความเห็นให้ศาลต้องดูข้อมูลอย่างรอบด้าน ทั้งการสังเกตพฤติกรรม ลงพื้นที่หาข้อมูลจากชุมชนที่เขาอยู่ ที่ผ่านมาเคยจับได้ว่าแกล้งบ้า 2 คน เป็นคดียาเสพติด เข้ามาด้วยอาการร้องโวยวาย รับไว้รักษาแค่ 2 วัน ความก็แตก” พ.ญ.ดวงตา กล่าว
ด้าน น.พ.กัมปนาท กล่าวว่า การวินิจฉัยว่าคนไข้เป็นผู้ป่วยทางจิตเวชหรือไม่ บางรายแค่ 2-3 วัน แต่ในรายที่ซับซ้อนใช้เวลาค่อนข้างนาน กรณีของ น.ส.จิตรลดา เท่าที่ซักถามคนไข้รายนี้อาการไม่ซับซ้อน จิตแพทย์ถามคำถามเชิงลึกเขาก็ตอบ พบความผิดปกติค่อนข้างมาก คาดว่าจะเก็บข้อมูลพฤติกรรมคนไข้ไม่นานก็น่าจะได้ข้อสรุป
“คนไข้จิตเภทเมื่อเริ่มเป็นไม่มีความดุร้ายหรือจะก่อความรุนแรง แต่เมื่ออาการสะสมหลายปีมีแนวโน้มจะก่อเหตุได้ พบว่าคนไข้ที่ขาดการรับประทานยารักษาโรคจิตเภทมากกว่า 3 เดือน มีแนวโน้มก่อความรุนแรงได้ คนไข้ที่รับประทานยาต่อเนื่องสามารถทำงานได้ ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ผมไม่อยากให้หวาดระแวงคนในสังคมจนเกินไป เพียงแต่ถ้าเห็นคนพูดคนเดียว พฤติกรรมแปลกๆ บ๊องๆ ขอให้ญาติพามาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยรักษาเขาต่อไป” น.พ.กัมปนาท กล่าว
ด้าน น.พ.ศิริศักดิ์ กล่าวว่า เนื่องจากกรณีนี้เป็นที่สนใจของสังคม นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต สั่งตั้งคณะกรรมการนอกเหนือจากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ มี น.พ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต เป็นประธาน ส่วนกรรมการประกอบด้วย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ น.พ.กัมปนาท พ.ญ.ดวงตา นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งจะดำเนินการตรวจและวินิจฉัยโดยเร็ว ภายใต้ความปลอดภัยของสังคม ให้ความเป็นธรรมกับคนไข้และญาติ
นางวัลลี ธรรมโกสินทร์ พยาบาลนิติเวช กล่าวว่า เบื้องต้นต้องตั้งข้อสงสัยว่าคนไข้แกล้งทำว่าบ้า ต้องใช้ชุดทดสอบจิตวิทยาเพื่อดูสภาพจิตใจว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชหรือไม่ ถือเป็นแบบทดสอบมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก ต้องใช้แบบทดสอบโดยนักจิตวิทยาคลินิก ผ่านการอบรมมีใบประกาศรับรอง ซึ่งผลการวินิจฉัยของทีมจิตแพทย์เหมือนกับการตรวจโรคทางกายทางห้องปฏิบัติการ ที่ผ่านมาศาลให้ความเห็นชอบกับความเห็นที่เสนอไปทั้งหมด การตรวจคนไข้ที่ก่อคดีหรือคนไข้นิติเวชต้องทำงานเป็นทีม
นางราณี ฉายินทุ นักสังคมสงเคราะห์ กล่าวว่า ทีมนักสังคมสงเคราะห์จะลงชุมชนเก็บข้อมูลของคนไข้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา การเลี้ยงดูในวัยเด็ก พฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงออก การเรียน การทำงาน เพื่อนำมาร่วมการวินิจฉัย ยืนยันว่ากระบวนต่างๆ นี้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พ.ญ.ดวงตา กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า กรณีของแม่และป้าก่อเหตุฆ่าลูกสาวบูชาพระอินทร์ที่จังหวัดราชบุรี ภายหลังเข้ารับการรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง อาการดีขึ้นมาก แพทย์ให้กลับบ้านที่จังหวัดราชบุรีแล้ว กรณียังมีคนป่วยจิตเวชผมเผ้ายุ่งเหยิงสกปรกอยู่ในสังคมนั้น เพราะประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายสุขภาพจิตใช้บังคับผู้ป่วยเข้ามารับการรักษา ซึ่งปัจจุบันหากนำมาโดยพลการอาจถูกฟ้องร้องละเมิดสิทธิมนุษยชนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว น.ส.จิตรลดา ตันติวาณิชยสุข ผู้ต้องหาแทงนักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ บาดเจ็บ 4 คน เดินทางถึงสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ถนนพุทธมณฑล สาย 4 เมื่อเวลา 10.20 น.วันนี้ (13 ก.ย.) โดยผู้ต้องหาสวมเสื้อสายเดี่ยวสีม่วง กระโปรงสั้นสีดำ ชุดเดิม โดยมี พ.ญ.ดวงตา ไกรภัสสร์พงษ์ น.พ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ประจำสถาบัน เป็นผู้รับตัว น.ส.จิตรลดา จากนั้นนำเข้าสถานฟื้นฟูผู้ป่วยใน เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคนไข้ โดยสวมเสื้อเชิ้ตคอกลมแขนสั้นสีม่วง และกางเกงขายาวถึงเข่า น.พ.กัมปนาท ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้ได้ซักถามประวัติที่ม้านั่งหินอ่อนบริเวณสนามหญ้าภายในสถานฟื้นฟูผู้ป่วยในประมาณ 15 นาที จากนั้นนำไปเฝ้าสังเกตอาการที่ห้องพักฟื้นที่ 1/5 ในช่วงเวลากลางวัน ส่วนกลางคืนจะสังเกตอาการในหอพักผู้ป่วยใน มีกล้องวงจรปิดรายงานความเคลื่อนไหวของคนไข้ตลอด 24 ชั่วโมง จากนั้นจึงเปิดแถลงข่าว มี น.พ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เป็นประธาน
พ.ญ.ดวงตา กล่าวว่า เคยเป็นแพทย์เจ้าของไข้ น.ส.จิตรลดา เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ซึ่งเข้ารับการรักษาเพราะรู้สึกว่าถูกทำคุณไสยศาสตร์ มีคนเสกของเข้าตัว หลังรับประทานยาอาการดีขึ้นจึงให้กลับบ้าน แต่คนไข้ไม่ได้มารับยาอย่างต่อเนื่อง โดยสถาบันมีเตียงรับคนไข้ชายที่ก่อคดีจำนวน 60 เตียง คนไข้หญิงก่อคดี 5 เตียง ซึ่งผู้หญิงเต็มแล้ว แต่สามารรับเพิ่มได้หากได้รับการส่งต่อจากกระบวนการยุติธรรม สำหรับ น.ส.จิตรลดา ทีมเจ้าหน้าที่จะสังเกตพฤติกรรมตั้งแต่การกิน การนอน การดูแลความสะอาดร่างกาย การสังคมกับคนไข้รายอื่น การร่วมกิจกรรมที่จัดให้ เช่น กลุ่มอ่านหนังสือพิมพ์ กลุ่มออกกำลังกาย กลุ่มจิตบำบัด กลุ่มสันทนาการ ซึ่งมีบางกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกับคนไข้จิตเวชที่ไม่ก่อคดี ซึ่งหากเป็นการแกล้งป่วยเป็นผู้ป่วยจิตเวช พฤติกรรมที่แสดงออกจะไม่สอดคล้องกับอาการโรคจิต
“ถ้าแกล้งทำว่าบ้า เขาต้องจำให้ได้ว่าโกหกอะไรไว้กับใคร ต้องเป็นคนที่ฉลาดมาก และรู้ข้อกฎหมาย เคยมีคนแกล้งบ้ากลัวจะต้องรับผิดจากการก่อคดีลักทรัพย์ จากการตรวจวินิจฉัยตามกระบวนการแล้วพบว่าเขาป่วยทางจิตเวช แต่ขณะทำรู้รับผิดชอบคือประสงค์ต่อทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อจับจ่ายใช้สอยเหมือนคนทั่วไป ลักษณะนี้ถือว่ามีความผิด การจะวินิจฉัยส่งความเห็นให้ศาลต้องดูข้อมูลอย่างรอบด้าน ทั้งการสังเกตพฤติกรรม ลงพื้นที่หาข้อมูลจากชุมชนที่เขาอยู่ ที่ผ่านมาเคยจับได้ว่าแกล้งบ้า 2 คน เป็นคดียาเสพติด เข้ามาด้วยอาการร้องโวยวาย รับไว้รักษาแค่ 2 วัน ความก็แตก” พ.ญ.ดวงตา กล่าว
ด้าน น.พ.กัมปนาท กล่าวว่า การวินิจฉัยว่าคนไข้เป็นผู้ป่วยทางจิตเวชหรือไม่ บางรายแค่ 2-3 วัน แต่ในรายที่ซับซ้อนใช้เวลาค่อนข้างนาน กรณีของ น.ส.จิตรลดา เท่าที่ซักถามคนไข้รายนี้อาการไม่ซับซ้อน จิตแพทย์ถามคำถามเชิงลึกเขาก็ตอบ พบความผิดปกติค่อนข้างมาก คาดว่าจะเก็บข้อมูลพฤติกรรมคนไข้ไม่นานก็น่าจะได้ข้อสรุป
“คนไข้จิตเภทเมื่อเริ่มเป็นไม่มีความดุร้ายหรือจะก่อความรุนแรง แต่เมื่ออาการสะสมหลายปีมีแนวโน้มจะก่อเหตุได้ พบว่าคนไข้ที่ขาดการรับประทานยารักษาโรคจิตเภทมากกว่า 3 เดือน มีแนวโน้มก่อความรุนแรงได้ คนไข้ที่รับประทานยาต่อเนื่องสามารถทำงานได้ ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ผมไม่อยากให้หวาดระแวงคนในสังคมจนเกินไป เพียงแต่ถ้าเห็นคนพูดคนเดียว พฤติกรรมแปลกๆ บ๊องๆ ขอให้ญาติพามาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยรักษาเขาต่อไป” น.พ.กัมปนาท กล่าว
ด้าน น.พ.ศิริศักดิ์ กล่าวว่า เนื่องจากกรณีนี้เป็นที่สนใจของสังคม นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต สั่งตั้งคณะกรรมการนอกเหนือจากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ มี น.พ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต เป็นประธาน ส่วนกรรมการประกอบด้วย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ น.พ.กัมปนาท พ.ญ.ดวงตา นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งจะดำเนินการตรวจและวินิจฉัยโดยเร็ว ภายใต้ความปลอดภัยของสังคม ให้ความเป็นธรรมกับคนไข้และญาติ
นางวัลลี ธรรมโกสินทร์ พยาบาลนิติเวช กล่าวว่า เบื้องต้นต้องตั้งข้อสงสัยว่าคนไข้แกล้งทำว่าบ้า ต้องใช้ชุดทดสอบจิตวิทยาเพื่อดูสภาพจิตใจว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชหรือไม่ ถือเป็นแบบทดสอบมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก ต้องใช้แบบทดสอบโดยนักจิตวิทยาคลินิก ผ่านการอบรมมีใบประกาศรับรอง ซึ่งผลการวินิจฉัยของทีมจิตแพทย์เหมือนกับการตรวจโรคทางกายทางห้องปฏิบัติการ ที่ผ่านมาศาลให้ความเห็นชอบกับความเห็นที่เสนอไปทั้งหมด การตรวจคนไข้ที่ก่อคดีหรือคนไข้นิติเวชต้องทำงานเป็นทีม
นางราณี ฉายินทุ นักสังคมสงเคราะห์ กล่าวว่า ทีมนักสังคมสงเคราะห์จะลงชุมชนเก็บข้อมูลของคนไข้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา การเลี้ยงดูในวัยเด็ก พฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงออก การเรียน การทำงาน เพื่อนำมาร่วมการวินิจฉัย ยืนยันว่ากระบวนต่างๆ นี้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พ.ญ.ดวงตา กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า กรณีของแม่และป้าก่อเหตุฆ่าลูกสาวบูชาพระอินทร์ที่จังหวัดราชบุรี ภายหลังเข้ารับการรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง อาการดีขึ้นมาก แพทย์ให้กลับบ้านที่จังหวัดราชบุรีแล้ว กรณียังมีคนป่วยจิตเวชผมเผ้ายุ่งเหยิงสกปรกอยู่ในสังคมนั้น เพราะประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายสุขภาพจิตใช้บังคับผู้ป่วยเข้ามารับการรักษา ซึ่งปัจจุบันหากนำมาโดยพลการอาจถูกฟ้องร้องละเมิดสิทธิมนุษยชนได้