รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผย ร้อยละ 20 ของหญิงบริการที่ท้องสนามหลวง มีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อเอดส์ ขณะที่ในอนาคตจะตั้งกองอำนวยการรักษาความเรียบร้อยท้องสนามหลวง ด้านตำรวจเสนอติดซีซีทีวี เพื่อจับภาพตลอด 24 ชม.
นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมติดตามการจัดระเบียบท้องสนามหลวง หลังจากได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มคนไร้บ้านและอื่น ๆ ว่ามีการดำเนินการดังกล่าว เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ โดยมี พ.ต.อ.วิชาญ บริรักษ์กุล ผกก.สน.ชนะสงคราม และตัวแทนจากหน่วยงานอื่น เช่น ม.ธรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร ศาลแขวงดุสิต กองทัพเรือ ร่วมประชุม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาอุปสรรคของการดำเนินการดังกล่าว พบว่าสิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญคือ ท้องสนามหลวงเป็นพื้นที่เปิด สามารถเดินเข้าได้ทุกทางทำให้ยากแก่การทำงานของตำรวจและเทศกิจ แม้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จะเริ่มกวดขันจับกุมอย่างจริงจัง แต่ก็ยังพบผู้กระทำผิด เช่น มีผู้ค้าฝ่าฝืนและจับปรับ 70 ราย จับกุมโสเภณี 77 ราย ทำร้ายร่างกาย 1 ราย และมอเตอร์ไซค์หาย 1 ราย ทาง ผกก.สน.ชนะสงคราม จึงเสนอให้ติดตั้งซีซีทีวีรอบสนามหลวง เพื่อจะได้บันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านนายสามารถ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับที่ประชุม และรับไปดำเนินการ และที่ประชุมเห็นพ้องต้องกัน ระหว่างนี้จำเป็นต้องจัดระเบียบสนามหลวงอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นพื้นที่กลางเมืองใกล้กับพระบรมมหาราชวัง หากปล่อยให้มีการค้าขาย คนเร่ร่อนมากิน นอน รวมทั้งการค้าบริการน่าจะเกิดผลเสียและเป็นต้นเหตุอาชญากรรม จากข้อมูลที่ กทม. ได้ตรวจเลือดหญิงบริการที่ท้องสนาม เพื่อหาเชื้อเอชไอวี พบว่าการตรวจทุก 100 คน มีผู้ป่วยติดเชื้อมากถึง 18.76 คน หากปล่อยทิ้งสถานการณ์ไว้แบบนี้อาจเป็นปัจจัยทำให้การติดเชื้อโรคเอดส์เพิ่มสูงขึ้น ที่ประชุมยังเห็นควรให้จัดระเบียบสนามหลวงต่อไป ด้วยการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่เทศกิจ ขณะที่ในระยะยาวจะตั้งกองอำนวยการรักษาความเรียบร้อย
นายสามารถ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นปัญหาการร้องเรียนต่าง ๆ ตำรวจและเทศกิจเห็นควรหาทางออกให้ ได้แก่ คนไร้บ้าน จะประสานกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ให้รับไปพักที่สถานแรกรับปากเกร็ด ส่วนผู้ค้าหาบเร่ กทม. โดยสำนักพัฒนาสังคม จะฝึกอาชีพให้ ขณะที่หญิงค้าบริการตำรวจจะกวดขันจับกุมและแนะนำให้ไปประกอบอาชีพอื่น นอกจากนี้ อยากฝากถึงนักเที่ยวที่ชอบมาใช้บริการหญิงบริการสนามหลวง ให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว เพราะสถิติการตรวจเลือดพบว่ามีผู้ติดเชื้อขายบริการร้อยละ 20 หากติดเชื้อแล้วไม่มีทางรักษาต้องเสียชีวิตสถานเดียว
นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมติดตามการจัดระเบียบท้องสนามหลวง หลังจากได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มคนไร้บ้านและอื่น ๆ ว่ามีการดำเนินการดังกล่าว เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ โดยมี พ.ต.อ.วิชาญ บริรักษ์กุล ผกก.สน.ชนะสงคราม และตัวแทนจากหน่วยงานอื่น เช่น ม.ธรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร ศาลแขวงดุสิต กองทัพเรือ ร่วมประชุม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาอุปสรรคของการดำเนินการดังกล่าว พบว่าสิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญคือ ท้องสนามหลวงเป็นพื้นที่เปิด สามารถเดินเข้าได้ทุกทางทำให้ยากแก่การทำงานของตำรวจและเทศกิจ แม้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จะเริ่มกวดขันจับกุมอย่างจริงจัง แต่ก็ยังพบผู้กระทำผิด เช่น มีผู้ค้าฝ่าฝืนและจับปรับ 70 ราย จับกุมโสเภณี 77 ราย ทำร้ายร่างกาย 1 ราย และมอเตอร์ไซค์หาย 1 ราย ทาง ผกก.สน.ชนะสงคราม จึงเสนอให้ติดตั้งซีซีทีวีรอบสนามหลวง เพื่อจะได้บันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านนายสามารถ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับที่ประชุม และรับไปดำเนินการ และที่ประชุมเห็นพ้องต้องกัน ระหว่างนี้จำเป็นต้องจัดระเบียบสนามหลวงอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นพื้นที่กลางเมืองใกล้กับพระบรมมหาราชวัง หากปล่อยให้มีการค้าขาย คนเร่ร่อนมากิน นอน รวมทั้งการค้าบริการน่าจะเกิดผลเสียและเป็นต้นเหตุอาชญากรรม จากข้อมูลที่ กทม. ได้ตรวจเลือดหญิงบริการที่ท้องสนาม เพื่อหาเชื้อเอชไอวี พบว่าการตรวจทุก 100 คน มีผู้ป่วยติดเชื้อมากถึง 18.76 คน หากปล่อยทิ้งสถานการณ์ไว้แบบนี้อาจเป็นปัจจัยทำให้การติดเชื้อโรคเอดส์เพิ่มสูงขึ้น ที่ประชุมยังเห็นควรให้จัดระเบียบสนามหลวงต่อไป ด้วยการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่เทศกิจ ขณะที่ในระยะยาวจะตั้งกองอำนวยการรักษาความเรียบร้อย
นายสามารถ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นปัญหาการร้องเรียนต่าง ๆ ตำรวจและเทศกิจเห็นควรหาทางออกให้ ได้แก่ คนไร้บ้าน จะประสานกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ให้รับไปพักที่สถานแรกรับปากเกร็ด ส่วนผู้ค้าหาบเร่ กทม. โดยสำนักพัฒนาสังคม จะฝึกอาชีพให้ ขณะที่หญิงค้าบริการตำรวจจะกวดขันจับกุมและแนะนำให้ไปประกอบอาชีพอื่น นอกจากนี้ อยากฝากถึงนักเที่ยวที่ชอบมาใช้บริการหญิงบริการสนามหลวง ให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว เพราะสถิติการตรวจเลือดพบว่ามีผู้ติดเชื้อขายบริการร้อยละ 20 หากติดเชื้อแล้วไม่มีทางรักษาต้องเสียชีวิตสถานเดียว