xs
xsm
sm
md
lg

ว่าด้วยเรื่องขนาด "เจ้าโลก" และพฤติกรรมเซ็กซ์ชั่วคืน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กลายเป็นข่าวครึกโครมทางหน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้งสำหรับเรื่องราวของ "ขนาด" อวัยวะเพศชาย หรือที่มักใช้ศัพท์ชวนให้จินตนาการไปต่อไหนถึงคำว่า "เจ้าโลก" เมื่อนางรวิวรรณ เสตะรักต์ ผู้เสียหายจากการใช้บริการเสริมความงามโดยการฉีดซิลิโคนรอบดวงตาจนทำให้เสียโฉม ประกาศตามล่าหารัฐมนตรีฉีดเจ้าโลกใน ครม.ชุดปัจจุบันไปเป็นพยานในคดีที่ตนเองถูกคลินิกแห่งนี้ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมนำวีซีดีขณะเสริมเจ้าโลกมาโชว์ ในการเสวนาเรื่อง "จากดอกรัก...สู่ระบบการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากบริการทางการแพทย์" ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อ "น้องแบม" น.ส.จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ โฆษกพรรคชาติไทย ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเอาผิดกับแพทย์หรือผู้ผลิตวีซีดี ซึ่งได้กล่าวถึงการทำศัลยกรรมให้กับรัฐมนตรี เพราะสร้างความเสียหายให้กับตัวแทนของประชาชน

....ความน่าสนใจของเรื่องนี้ นอกจากการที่สังคมอยากจะรู้ว่า ใครเป็นรัฐมนตรีคนนั้น และคลินิกไร้จรรยาบรรณแห่งนั้นอยู่ที่ไหน ก็คือ เรื่องราวของ "ความเชื่อ" ในเรื่องขนาดของอวัยวะเพศที่ยังฟังแน่นอยู่ในจิตใจของผู้ชายจำนวนมาก ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ทางการแพทย์ออกมาเปิดเผยด้วยซ้ำไปว่า ขนาดไม่ใช่เรื่องสำคัญ
จริงๆ แล้วในทางการแพทย์ สามารถเพิ่มขนาดได้หรือไม่ รวมทั้งอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ชายมีความคิดเช่นนี้ ต้องไปติดตาม...

"ฉีด"ทำลายเนื้อเยื่อถึงเน่าเหลือแต่แกน

รศ.น.พ.สมบุญ เหลืองวัฒนากิจ หน่วยศัลยศาสตร์ระบบท่อปัสสาวะ แผนกสุขภาพเพศชาย โรงพยาบาลรามาธิบดีเปิดเผยว่า การฉีดซิลิโคนปั่น หรือซิลิโคนเหลวเพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย ตามที่เป็นข่าวในขณะนี้ ซึ่งมีผู้ชายจำนวนมากจนถึงบุคคลระดับรัฐมนตรีเข้าไปทำด้วยนั้น ในทางการแพทย์ถือว่าวิธีการนี้ไม่เป็นที่ยอมรับ เกือบร้อยละร้อยทำโดยหมอเถื่อน

"เดิมจะใช้พาราฟินเหลว ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากการผลิตปิโตรเคมี ภายหลังเมื่อหายากก็พัฒนามาเป็นน้ำมันมะกอกที่เป็นข่าวเกรียวกราวที่ผ่านมา ทั้งหมดไม่เป็นที่ยอมรับ รวมถึงซิลิโคนปั่นหรือเหลวด้วย ซึ่งการฉีดสารนี้เข้าไปได้ผลเหมือนกันหมด คือเป็นอันตรายต่อองคชาต เพราะสารเหล่านี้จะเข้าไปปนกับเนื้อเยื่อปกติ มีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงผิวหนังผิดปกติ เกิดแผลเน่าจากการขาดเลือดบริเวณองคชาต ซึ่งการที่จะเอาสารเหล่านี้ออกจากร่างกายมีวิธีเดียวคือ ต้องตัดทิ้งเท่านั้น ขอเตือนผู้ชายที่หลงเชื่อ และมีความคิดที่จะไปฉีดเพื่อเพิ่มขนาดว่า อย่าทำ และล้มเลิกความคิดได้เลย เพราะจะทำให้อวัยวะส่วนนั้นเน่าและใช้การไม่ได้ตลอดไป ในรายที่รุนแรงแพทย์แก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้"

น.พ.สมบุญ กล่าวต่อว่า กรณีที่เคยมีแพทย์ท่านหนึ่งซึ่งฉีดซิลิโคนเหลวรอบดวงตาให้นางรวิวรรณ เสตะรักต์ จนเสียโฉม ทั้งยังระบุว่าสามารถที่จะแก้ไขโดยเอาออกได้นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะซิลิโคนได้ปนเข้าไปกับเนื้อเยื่อปกติแล้ว เช่นเดียวกับการฉีดซิลิโคนเหลวเข้าที่องคชาติเหมือนกัน เมื่อรอบๆ เน่าจะเหลือแต่แกนองคชาติ ซึ่งไม่สามารถที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้

ดึงให้ยืด 6-8 ชั่วโมงต่อวัน

สำหรับวิธีการทางการแพทย์เพื่อเพิ่มขนาดขององคชาตนั้น นพ.สมบุญกล่าวว่า มีอยู่ 3 วิธี วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ใช้เครื่องดึงยืดของบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนีที่ผลิตออกมา วันละประมาณ 6-8 ชั่วโมง ประมาณ 3 เดือน มีผลการวิจัยของทางบริษัทว่าทำได้ สามารถเพิ่มขนาดได้ 1 นิ้วกว่า แต่ทางการแพทย์ไม่ยอมรับ เพราะเป็นการทำวิจัยโดยบริษัท การแพทย์จะยอมรับงานวิจัยที่ทำโดยแพทย์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้มีอยู่ 2 ยี่ห้อ ใช้ได้เฉพาะกรณีที่องค์การอาหารและยาของประเทศนั้นๆยอมรับเท่านั้น ซึ่งประเทศไทยไม่มี

วิธีที่สองคือ การนำไขมันจากท้องน้อยมาฉีดเข้าที่ผิวหนังองคชาต วิธีการนี้จะเพิ่มขนาดใหญ่เฉพาะเปลือกนอกเท่านั้น แต่แกนของคชาตไม่ใหญ่ และนานๆเข้าก็เหมือนเดิม ประการสำคัญมีผลแทรกซ้อน วิธีสุดท้ายคือ การผ่าเข้าไปในแกนองคชาตที่แข็งตัว แล้วเอาแก๊สเข้าไป วิธีการนี้มีผลแทรกซ้อน ต้องคุยกับผู้ป่วยให้ดี และต้องเข้าใจด้วยว่าวิธีการทั้งหมดเป็นการเพิ่มขนาดความกว้างเท่านั้น ไม่ได้เพิ่มความยาว

"ส่วนการเพิ่มความยาวนั้น เคยมีแพทย์ที่ประเทศบราซิล ตัดกระดูกอ่อนตรงชายโครง ซึ่งกระดูกอ่อนตรงนี้ แพทย์ศัลยกรรมบางท่านนำมาฝนเพื่อเสริมจมูก แต่สำหรับแพทย์บราซิลท่านนี้ เอามาฝนมนต่อเข้าไปกับแกนองคชาตที่แข็งตัว ตรงหัวขององคชาต การผ่าตัดจะใช้เวลานานมาก และมีโอกาสที่จะมีผลแทรกซ้อนเกิดขึ้นมากเช่นกัน ซึ่งวิธีการที่ว่ามานี้ การแพทย์ยอมรับ แต่ขณะเดียวกันก็มีการถกเถียงทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเช่นกัน"

นพ.สมบุญ กล่าวต่อว่า การที่แพทย์จะทำการผ่าตัดเพิ่มขนาดองคชาตให้ก็ต่อเมื่อชายคนนั้นมีความผิดปกติจริงๆ ในเมืองไทยก็เคยผ่าตัดทำให้มาแล้ว เช่น มีขนาดเล็กเท่านิ้วก้อย และผู้ป่วยมีปัญหาทางเพศสัมพันธ์ แต่ส่วนใหญ่ผู้ชายกว่าร้อยละ 90 องคชาตไม่เล็ก หลายตำราบอกตรงกันว่า ขนาดองคชาตเมื่อจับแล้วยืดมีความยาว 3.5-4 นิ้ว ก็เพียงพอที่จะมีความสุขทางเพศได้แล้ว

"ขนาดไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความสุขของผู้หญิงไม่ได้ขึ้นกับขนาดใหญ่หรือเล็ก ขึ้นอยู่กับการเล้าโลม และการเอาใจใส่จากผู้ชายมากกว่า ในฐานะแพทย์ก็อยากให้ผู้ชายปรับทัศนคติตรงนี้ด้วย ยิ่งดิ้นรนไปทำมาก ผลเสียร้ายแรงมาก หลายรายไม่สามารถแก้ไขให้ดีเหมือนเดิมได้ และต้องเสียใจไปตลอดชีวิต" น.พ.สมบุญกล่าว

"เจ้าโลกโต"ทัศนคติผิดทาง

ด้านน.พ.อภิชัย มงคล รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าสังคมไทยยังมีความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศศึกษาน้อยมาก การเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ โดยเข้าใจว่าจะเป็นการเพิ่มความสุขให้กับฝ่ายตรงข้ามนั้น เป็นความเข้าใจผิดที่มีมานาน ซึ่งคนที่มีความคิดเช่นนี้ ไม่ได้เป็นโรคจิตอย่างที่สังคมเข้าใจ ในทางจิตวิทยาอธิบายว่า เป็นเพียงอาการเข้าใจผิดเท่านั้นเอง

กรณีแบบนี้จะเกิดขึ้นมาเป็นช่วง ที่ผ่านมาก็มีกรณีวัยรุ่นชายพากันไปฉีดน้ำมันมะกอกเพื่อเพิ่มขนาด ซึ่งสังคมก็ได้เรียนรู้ว่ามีผลเสียกับร่างกาย โดยเฉพาะอวัยวะส่วนนั้น ที่บางครั้งร้ายแรงจนต้องตัดทิ้ง และแพทย์ไม่สามารถรักษาให้กลับมาอยู่ในสภาพปกติได้

"ทางแก้คือต้องให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาอย่างถูกต้อง ขณะนี้กรมสุขภาพจิตกำลังดำเนินการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการในการสอนหลักสูตรเพศศึกษาในโรงเรียน แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ส่วนใหญ่จะมองว่าเป็นเรื่องลามก จริงๆแล้ว เป็นการเรียนรู้เรื่องเพศ เพื่อลดปัญหาต่างๆของสังคม ไม่ว่าจะเป็น ท้องก่อนวัยอันควร การทำแท้ง ลดปัญหาการข่มขืน ให้รู้จักหาทางออกเมื่อเหมาะสม รวมถึงการเพิ่มขนาดต่างๆที่ไม่ได้มีความสำคัญกับความสุขทางเพศเลย"

น.พ.อภิชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้สังคมมีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นแล้วว่า การเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายไม่ใช่ทางออกของการมีความสุขทางเพศ จากสื่อที่เสนอข่าวมาเป็นระยะ ในทางการแพทย์ก็ไม่แนะนำให้ทำ ยกเว้นกับคนที่มีปัญหาผิดปกติแต่กำเนิดเท่านั้น เพราะบริเวณนั้นมีเส้นเลือดและเส้นประสาทจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน กรณีการเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายที่มีข่าวมาเป็นระลอกนี้ และยังไม่มีทีท่าว่าเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จะยุติลงนั้น น.พ.อภิชัย วิเคราะห์ว่า ส่วนหนึ่งมาจากสังคมที่สะท้อนทัศนคติสังคมผู้ชายเป็นใหญ่ด้วยเช่นกัน กรณีที่มีข่าวบุคคลระดับรัฐมนตรียังไปเพิ่มขนาด จริงเท็จไม่ทราบ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง ก็สะท้อนว่า สังคมนี้ผู้ชายยังเป็นใหญ่อยู่

"เชิงสังคมอธิบายแบบนี้ว่า แม้ภายหลังเรื่องทัศนคติชายเป็นใหญ่จะจางลง แต่ก็ยังมีอยู่ รากอันหนึ่งคือการที่ผู้ชายอยากมีอวัยวะเพศขนาดใหญ่ ทั้งที่การแพทย์และการให้การศึกษาก็สอนและย้ำกันตลอดว่า ขนาดไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่การจะลบทัศนคติความอยากใหญ่ทำไม่ง่าย เอาง่ายๆ การเรียกอวัยวะเพศชายว่าเป็น "เจ้าโลก" ก็สะท้อนว่าผู้ชายอยากยิ่งใหญ่ จนเชื่อว่า ความใหญ่จะทำให้ผู้หญิงสยบได้ ถึงกับเสี่ยงที่จะไปทำ แม้จะรู้ว่ามีอันตรายก็ตาม การเปลี่ยนค่านิยมและทัศนคติแบบนี้ต้องใช้เวลานาน" น.พ.อภิชัยสรุป

"อุ๊งอิ๊ง"เผยเรื่องเซ็กชั่วข้ามคืน

ถัดจากเรื่องเจ้าโลก ก็คงเป็น ข่าวร้อนเรื่องของ "Night Stand" ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรู้ข้อมูลจาก "อุ๊งอิ๊ง" น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แล้วนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนอีกทอดหนึ่ง

เรื่องของ Night Stand หรือที่พอจะแปลเป็นไทยได้ว่า เพศสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนเป็นอย่างไร ใหม่หรือเก่า เป็นเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจยิ่ง

ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า ความจริงเรื่อง Night Stand ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีมานานแล้วแต่มีมากขึ้น เป็นลักษณะการไปเที่ยวตามสถานบันเทิงในยามราตรี เมื่อฝ่ายหญิงถูกใจชายก็จะเข้าไปชวนพูดคุยและพากันไปมีเพศสัมพันธ์ แม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ลักษณะนี้เหมือนต่างประเทศที่เจอใครถูกใจกันก็พาไปมีเพศสัมพันธ์ แต่จะเป็นความสัมพันธ์ชั่วคราว เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และแนวโน้มอายุแรกของการมีเพศสัมพันธ์ก็ลดต่ำลงเรื่อย ๆ เฉลี่ยประมาณ 17 ปี

อย่างไรก็ตาม วิธีแก้ปัญหาไม่ใช่การสร้างค่านิยมให้เด็กอย่างเดียว แต่ผู้ใหญ่ต้องเอาจริง จัดระเบียบพื้นที่ทางสังคม เช่น สถานบันเทิง หอพัก การแก้ปัญหาสื่อลามก การฟื้นฟูความเข้มแข็งของครอบครัว ซึ่งไม่ใช่เรื่องเด็กโดยตรง แต่เป็นการแก้ภาพรวม

"ร้านขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า18 ปี ทำให้ขาดสติเป็นแรงยั่วยุ หอพักที่พ่อแม่ส่งเข้ามาและไปอยู่กันเองหรือลงขันบ้านเช่าอยู่ ผลัดกันไปนอน เรื่องแบบนี้มีเยอะขึ้น เพราะพื้นที่ทางสังคมเป็นใจ แก้เรื่องนี้ต้องเข้าใจ การฟื้นฟูความเข้มแข็งของครอบครัว ถ้าไม่ทำแบบนี้เอาแต่เทศนาเด็กไม่มีทางแก้ การแก้ปัญหาเด็กเป็นการปฏิรูปสังคม ต้องขวางประโยชน์ธุรกิจอบายมุข เพราะเด็กขาดความอบอุ่นแตกแยกกับครอบครัวมีถึง 1 ใน 4 และพื้นที่อบายมุขเยอะ ตามต่างจังหวัดแหล่งมั่วสุม เส้นใหญ่มีอิทธิพลทั้งนั้น ทำให้เด็กใจแตกมากขึ้น เด็กอายุ 14 -15 ก็ไปเที่ยว ไปกินเหล้า ยิ่งถ้าเปิดเหล้าเสรีเด็กจะเข้าถึงง่ายมาก มีกลยุทธ์การตลาด ทำให้เด็กผู้หญิงดื่มกันง่ายนำไปสู่ปัญหาเรื่องเพศ และสื่อลามก และตอนนี้ยิ่งน่ากลัว มากับมือถือ จากเทคโนโลยีสมัยใหม่แถมพกวีซีดี อินเทอร์เน็ต"ดร.อมรวิชช์สรุป
กำลังโหลดความคิดเห็น