xs
xsm
sm
md
lg

หนึ่งต้นหนึ่งดวงวิญญาณ ปลูกป่า “สึนามิ” แด่ผู้จากไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากเหตุการณ์ “สึนามิ” ประเทศไทยได้รับความเสียหายมากเกินคณานับ ไม่ว่าชีวิต ทรัพย์สิน หรือแม้กระทั่งธรรมชาติ ต่างก็โดนผลกระทบไปหมดทั้งสิ้น ต้นไม้แนวชายฝั่งหักโค่น บ้างยืนต้นตาย และมีอีกไม่น้อยกำลังจะตาย กรมทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งได้เล็งเห็นความสำคัญของต้นไม้ รวมถึงระบบนิเวศของป่าชายฝั่ง รวมถึงเข้าใจในความสูญเสียที่เกิดขึ้น จึงได้ผุดโครงการสร้างอนุสรณ์ธรรมชาติแด่ผู้เป็นที่รักที่จากไป ซึ่งนอกจากจะเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตแล้วยังเป็นการปรับสมดุลทางธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน

ย้อนหลังกลับไปเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 คลื่นยักษ์มหาวิปโยค “สึนามิ” ได้ซัดถล่มชายฝั่ง 6 จังหวัดริมทะเลอันดามัน กวาดกลืนชีวิตผู้คนลงไปในท้องทะเลโดยไม่เลือกวัย อายุ เพศ ชาติพันธุ์ หรือศาสนา และแม้เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้วกว่า 7 เดือนเศษ แต่หยาดน้ำตา ความหวาดผวา และความเศร้าจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยังคงยากที่จะลบเลือนไปจากความทรงจำ หลายคนไม่พบแม้กระทั่งร่างอันไร้วิญญาณที่จะนำมาประกอบพิธีกรรมตามศาสนา ซึ่งสำหรับญาติของบุคคลผู้สูญหายเหล่านี้ หลายคนกล่าวว่าถือเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากที่ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งกล่าวลากันเป็นครั้งสุดท้าย...

แต่นอกจากประเทศไทยจะสูญเสียซึ่งทรัพยากรมนุษย์ไปกับสึนามิเป็นจำนวนมากแล้ว ระบบนิเวศของเราก็ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นปะการังหรือแม้กระทั่งป่าชายฝั่ง ต้นไม้จำนวนมากถูกน้ำซัดจนหักโค่นและกวาดลงทะเล ต้นไม้บางส่วนยืนต้นตายรอวันเวลาและแรงลมโหมพัดให้ล้มลงมา และยังมีอีกไม่น้อยที่...ถ้าเทียบกับคนก็ถือว่าอาการสาหัส ร่อแร่ รอวันหมดอายุขัย หากไม่มีใครลงไปช่วยเหลือดูแลก็คงจะทยอยยืนต้นตายไปในที่สุดเช่นกัน

หลายคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งอาจจะไม่รู้ซึ้งถึงความสำคัญและคุณประโยชน์ของป่าชายฝั่งว่ามีความสำคัญและมีประโยชน์มากเพียงใด แต่ทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ล้วนแล้วแต่รู้ดีว่าป่าชายหาดนั้นเป็นสังคมพืชที่ขึ้นอยู่ที่บริเวณริมฝั่งทะเล คลุกกระจายลึกจากชายฝั่งตามอิทธิพลของดินทรายและไอน้ำเค็มจากทะเล นอกจากแนวต้นไม้ที่ป่าชายฝั่งจะเป็นปราการชั้นเลิศในการป้องกันคลื่นลมกัดเซาะชายหาด เป็นด่านสกัดคลื่นในกรณีที่มีคลื่นลมแรง เป็นหนึ่งในวงจรของระบบนิเวศริมทะเล รวมทั้งเป็นเครื่องแสดงถึงความงดงามของวิถีแห่งชายฝั่งดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว จากกรณีสึนามิที่ผ่านมาแนวต้นไม้ชายฝั่งยังได้เป็นเครื่องช่วยชีวิตอย่างดีของบรรดาประชาชนที่ถูกคลื่นซัด หากแต่ก็สามารถรอดชีวิตมาได้เพราะได้ต้นมะพร้าว ต้นสนทะเลเป็นที่ยึดเกาะระหว่างที่คลื่นซัดกระหน่ำ

และหลังจากการสำรวจความเสียหายของป่าชายหาดจากสึนามิ พบว่าป่าชายหาดซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้สนทะเลถูกคลื่นซัดจนล้มตายและยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีที่โดนแรงคลื่นเซาะซัดจนรากลอย กลายเป็นต้นไม้ที่อ่อนแอ ยืนต้นรอเวลาตายอยู่ตลอดแนวหาด ซึ่งชาวบ้านแถบนั้นเล่าว่ามีต้นไม้ที่รากลอยแต่ยังไม่ตาย ซึ่งจะตายลงวันละเกือบ 100 ต้นในทุกๆ วัน

แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเองก็มิได้นิ่งนอนใจ และได้พยายามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการสั่งการให้ใช้ไม้พยุงราก รวมทั้งได้ลิดใบและกิ่งออกจนหมดให้เหลือแต่ลำต้นเท่านั้น เพื่อลดภาระการทำงานของราก โดยเจ้าต้นโกร๋นๆ นี้จะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ และเมื่อซ่อมจนอาการดีขึ้นแล้ว กิ่งและใบจะขึ้นมาใหม่เองตามธรรมชาติ

แต่สำหรับพื้นที่ชายฝั่งทะเลทั้งหมดแล้ว การซ่อมแซมต้นไม้ที่เหลืออยู่คงจะไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องปลูกขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนต้นที่ตายไป แต่การจะหวังให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐมาเป็นกำลังสำคัญในการปลูกเป็นหลักนั้นคงเป็นไปได้ยากและใช้เวลานาน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจึงได้ขอความร่วมมือไปยังประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่สูญเสียญาติมิตรไปกับเหตุการณ์สึนามิให้ช่วยกันปลูกต้นไม้สร้างแนวป่าชายฝั่ง เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติเพื่อบุคคลอันเป็นที่รักที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งต้องยอมรับว่านับเป็นโครงการที่มีกุศโลบายที่ดีน่าชื่นชม เพราะนอกจากจะเป็นการขอความร่วมมือในการร่วมปลูกป่าชายฝั่ง และเป็นการช่วยเยียวยาความเศร้าหมองจากความสูญเสียแล้ว ทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในกลุ่มประชาชนในพื้นที่เดียวกันอีกด้วย

ซึ่งล่าสุดเมื่อปลายเดือนที่แล้ว วันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้จัดพิธีเปิดโครงการ “ปลูกต้นไม้เพื่อดวงวิญญาณอันเป็นที่รักจากภัยสึนามิ” ขึ้นที่บริเวณชายหาดแหลมปะการัง ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา โดยงานดังกล่าวนี้มีนายยงยุทธ ติยะไพรัช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานในพิธี และได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการหลายฝ่าย โรงเรียนและสถานศึกษาในจังหวัดพังงา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กนักเรียนที่สูญเสียพ่อแม่ผู้ปกครองไปกับเหตุการณ์นี้กว่า 100 คน

นางกิ่น วาลักษณ์ อายุ 23 ปี ชาวบ้านบ้านบางเนียง อาศัยอยู่ภายในบ้านติดริมทะเลบางเนียง หนึ่งในผู้ประสบภัยสึนามิ จนสมาชิกในบ้าน 5 ชีวิต...พ่อ แม่ พี่สาว หลานชาย และลูกสาวของเธอ ต้องถูกกลืนหายไปในทะเล โดยที่เธอมิสามารถค้นหาร่างพวกเขาเหล่านั้น เล่าว่าการมาปลูกต้น “สนทะเล” จำนวน 5 ต้น ในคราวนี้ โดยส่วนตัวถือว่าเป็นการสร้างอนุสรณ์ที่ระลึกตามธรรมชาติให้แก่ผู้จากไป

“พี่ปลูก 5 ต้น เพราะที่บ้านพี่ตายไป 5 คน ตัวพี่เองก็เกือบตาย ถ้าไม่ได้ต้นสนทะเลช่วยเอาไว้ คลื่นมันซัดพี่ แต่พี่คว้าต้นสนเอาไว้ได้ แล้วเกาะไว้ แต่ลูกสาวพี่เค้าสู้แรงไม่ไหว เลยไปกับน้ำ ที่พี่มาปลูกคราวนี้ พี่ตั้งใจมา มาจากบ้านบางเนียงโน่น อยากทำอะไรให้เป็นที่ระลึกแก่เค้าบ้าง ลูกสาวพี่คงดีใจ อยากให้เค้ารับรู้ว่าเรายังคิดถึงเค้า ตอนนี้พี่ท้องอยู่ ได้ 2 เดือนแล้ว พี่อธิษฐานขอให้เป็นลูกสาวกลับมาเกิดใหม่ และเชื่อว่าลูกคนนี้ต้องเป็นผู้หญิง ส่วนต้นไม้ที่ปลูก พี่อยากให้มันโตเป็นแนวกั้นน้ำ หากเกิดคราวหน้าจะได้ช่วยคนได้อีก

ต้นสนทะเลมันแข็งแรงนะ ดูอย่างแถวไหนที่มีแนวสนทะเลเยอะๆ อย่างแหลมสนนั่นน่ะ หลังแนวสนเสียหายไม่มาก เพราะสนต้านแรงลมแรงน้ำเอาไว้ได้เยอะ มันถึงเวลาแล้วที่เราจะให้ความสนใจกับแนวป่าชายฝั่ง ส่วนของพี่ที่ปลูกไว้ 5 ต้น พี่จะหมั่นมารดน้ำบ่อยๆ อยากเห็นมันโตเป็นส่วนหนึ่งในแนวกั้นน้ำในวันข้างหน้า”
นางกิ่นกล่าว

ด้าน ด.ช.จิระยุทธ์ วัฒน์รณชัย ลูกชายวัย 13 ที่สูญเสียแม่ไปกับสึนามิกล่าวว่า ทุกวันนี้ยังคงคิดถึงแม่อยู่ แต่ไม่อยากเศร้ามาก เพราะว่ามองไปรอบๆ ตัวก็มีแต่เพื่อนที่สูญเสียพ่อแม่ เราต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน พ่อแม่ที่เสียชีวิตไปจะได้ไม่เป็นห่วง ส่วนการปลูกต้นสนทะเลนั้นนอกจากจะปลูกไว้เป็นที่ระลึกต่อแม่แล้ว ยังตั้งใจที่จะปลูกให้เป็นแนวกั้นน้ำ ป้องกันน้ำ เพราะที่โรงเรียนบ้านบางม่วงที่กำลังศึกษาอยู่นั้นมีการสอนหลักสูตรเกี่ยวกับป่าชายฝั่งว่ามีประโยชน์อย่างไร เมื่อเรียนแล้วก็รู้สึกว่าต้นไม้ชายฝั่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดชายฝั่งมาก อยากให้ต้นไม้ที่ช่วยกันปลูกในโครงการนี้โตเร็วๆ หวังว่าแม่ที่อยู่บนสวรรค์จะได้เห็น

ด.ญ.ศิริลักษณ์ รามขาว วัย 14 ปี ที่สูญเสียครูประจำชั้นและเพื่อนร่วมห้องไปนั้นกล่าวว่า โชคดีที่คนในครอบครัวไม่มีใครเสียชีวิต แต่ก็เสียคุณครูและเพื่อนร่วมชั้นไป แต่แม้ว่าไม่ใช่คนในครอบครัว ก็มีความสนิท รัก และผูกพันมาก

“เสียใจค่ะ แม้ว่าครูและเพื่อนๆ จะไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกับเรา แต่ก็ผูกพันมาก วิชาเกษตรคุณครูสอนว่าต้นสนทะเลที่ปลูกเป็นป่าชายฝั่งนั้นจะเป็นแนวป้องกันการกัดเซาะของน้ำ หนูไม่อยากให้ประเทศไทยต้องสูญเสียมากหากเกิดสึนามิครั้งหน้า อยากให้ช่วยกันปลูกเยอะๆ จะได้ลดแรงน้ำ คนอาจจะไม่ตายมาก และบ้านเรือนจะได้ไม่เสียหายมากเหมือนคราวที่แล้ว” ด.ญ.ศิริลักษณ์กล่าว










กำลังโหลดความคิดเห็น