xs
xsm
sm
md
lg

รณรงค์เลิกให้เงินขอทานเด็ก ได้บาปมากกว่าบุญ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มูลนิธิกระจกเงาและ พม.เดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชนเลิกให้เงินขอทานเด็ก ชี้เป็นธุรกิจเงินไม่ถึงเด็กแม้แต่บาทเดียว นายหน้าโหดได้ไปทั้งหมดโดยเด็กตกเป็นเหยื่อ เผยนิยมใช้ความพิการและความน่าสงสารเป็นจุดขาย และเด็กไทยขอทานเริ่มมีมากขึ้น จากปัญหาครอบครัวและติดเกม และการลักพาตัว ทั้งกฎหมายไม่รุนแรง พร้อมเปิดเว็บไซต์รับแจ้งเบาะแสขอทานเด็ก

ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ จัดงานรณรงค์ “ยุติธุรกิจเด็กขอทาน หยุดสร้างบุญในธุรกิจบาป” นางธนียา รุญเจริญ ผู้จัดการโครงการประเทศไทยในโครงการอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อต่อต้านและป้องกันการค้าหญิงและเด็ก กล่าวรายงานว่าจากการทำงานพบว่าการโยกย้ายถิ่นฐานไม่มีการจัดการที่ดี จึงเกิดการแสวงหาประโยชน์จากผู้ย้ายถิ่น โครงการได้เริ่มดำเนินการจริงจังตั้งแต่ปี 2547 ทำใน 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ลาว กัมพูชา เวียดนาม และไทย เน้นให้ทำงานเชิงป้องกัน สร้างทางเลือกด้านอาชีพ การศึกษา ส่งเสริมการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ บุคคลไร้สัญชาติ และให้ความรู้เรื่องการย้ายถิ่นฐานแรงงานอย่างปลอดภัยแก่เด็กและครอบครัว รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนเพื่อพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ ล่าสุดมีฐานข้อมูลของกลุ่มเสี่ยงด้วย ทำให้ง่ายต่อการวางแผนแก้ปัญหา

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้อำนวยการมูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า ศูนย์คนหายฯ ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองหลายรายว่าเด็กถูกลักพาตัว ทำให้เริ่มสงสัยว่าเด็กขอทานที่พบเห็นทั่วไปมาจากไหน เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะถูกลักพาตัวมา ทั้งนี้ยังพบว่ามีเด็กไทยหายโดยข้ามแดน คือถูกส่งไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน และเด็กต่างชาติหลายคนถูกนำเข้ามาในประเทศ และทำหน้าที่ซึ่งทางมูลนิธิอยากจะเรียกว่าเป็นพนักงานประกอบธุรกิจขอทานเด็ก โดยประชาชนที่ช่วยเหลือขอทานจริงๆ กลับกลายเป็นแนวร่วมที่ส่งเสริมทำให้มีเด็กขอทานมากขึ้น

นายวรเชษฐ เขียวจันทร์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายฯ เปิดเผยว่า ได้ลงแกะรอยทั้งพื้นที่ชายแดนและพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นทางและทางผ่านในการเคลื่อนย้ายเด็ก ได้แก่ จากอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วมากรุงเทพฯ จากอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วมาพัทยา จากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายมาจังหวัดเชียงใหม่ จากชุมชนอิสลามบำรุง อำเภอแม่สอด จังหวัดตากมากรุงเทพฯ พบว่าเส้นทางที่นำเด็กเข้ามาขอทานมีทั้งเส้นทางหลบๆ ซ่อนๆ กับเส้นทางที่ผ่านด่านและเจ้าหน้าที่ตามปกติแต่มีวิธีแยบยล

“เด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบต้องเดินข้ามป่าจากแม่สอดถึงกำแพงเพชรร่วม 100 กิโลเมตร ต้องใช้กำลังมหาศาลแค่ไหน มาถึงกำแพงเพชรก็นั่งรถต่อเข้ากรุงเทพฯ ที่เด็กคนนี้เดินได้ก็เพราะนายหน้าใส่ยาบ้าลงไปในน้ำให้ดื่ม เด็กคนนี้ถูกสอนให้พูดภาษาไทย” นายวรเชษฐกล่าว และว่าเด็กคนนี้เล่าด้วยว่าทางนายหน้าบังคับว่าต้องขอเงินให้ได้ตามเป้าคือวันละ 800-1,000 บาท เมื่อขอได้ไม่ถึงจะถูกลงโทษอย่างทารุณ ซึ่งนายหน้าคนนี้เปิดร้านขายชุดชั้นในอยู่หลังตลาดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิบังหน้าเพื่อเฝ้าดูเด็กขอทาน เป็นลักษณะของพัฒนาการใช้แรงงานเด็กที่ซับซ้อนขึ้นและเปลี่ยนรูปแบบเป็นแบบอื่นแต่เด็กก็ยังคงเป็นสินค้าเช่นเดิม เด็กเหล่านี้ตกอยู่ในวงจรธุรกิจ ไม่เคยได้รับเงินแม้แต่บาทเดียวจากกลุ่มนายหน้า และไม่เคยได้ใช้ประโยชน์จากเงินที่ประชาชนให้ทาน การจะทำทานจึงควรคิดสักนิด ซึ่งมูลนิธิยังได้เปิดเว็บไซต์ www.stop-childbegging.org และเปิดสายโทรศัพท์ 0-2255-5530 เพื่อรณรงค์การยุติธุรกิจขอทาน การหยุดการให้ทาน และเป็นศูนย์กลางแจ้งเบาะแสเด็กในธุรกิจขอทาน

ด้าน น.ส.ลัดดา เบญจเตชะ ผู้ปกครองสถานแรกรับเด็กชายปากเกร็ด หรือบ้านภูมิเวช เปิดเผยว่าเด็กขอทานส่วนใหญ่มากที่สุดเป็นกัมพูชา เด็กไทยมีไม่มาก เพิ่งพบเมื่อปี 2546 แต่มีแนวโน้มน่าวิตกในช่วงนี้ เริ่มมีมากขึ้นเฉพาะในปี 2547-2548 พบเด็กไทยขอทานกว่า 100 คน ส่วนสาเหตุมาจากครอบครัวแตกแยกและการติดเกม ทั้งนี้ กระทรวงฯ คาดว่าแนวโน้มขอทานเด็กจะมีสูงขึ้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจบีบรัด ส่วนเด็กต่างชาตินายหน้านิยมนำเด็กพิการหรือสภาพร่างกายน่าสงสารมาเป็นจุดขาย

“การให้เงินเด็กไม่ถือว่าเป็นการทำบุญเลย แต่เป็นการทำบาป คุณทำบาปต่อเด็กคนนี้ ที่เขาถูกแสวงหาประโยชน์และถูกทารุณกรรม นอกจากเป็นทุกข์ต่อเด็กคนนี้แล้ว ยังส่งผลให้นายหน้าที่พาเด็กมารู้สึกว่าน่าพาเด็กมาเพิ่มอีก เพราะยังมีคนไทยอีกหลายคนให้เงินอีก ขบวนการนี้ก็จะไม่มีวันหมด และเด็กคนหนึ่งที่คุณให้ นำไปสู่เด็กคนอื่นตามมาอีก อยากขอให้ทุกคนช่วยอย่าให้ และแจ้งทาง 1300 ศูนย์ประชาบดี” นางลัดดา กล่าวและว่า ยังมีปัญหาในกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่ ซึ่งกระทรวงกำลังเร่งแก้ไขให้ทันสมัยสอดคล้องกับสภาพปัญหา และเพิ่มบทลงโทษให้รุนแรงขึ้น เพราะเท่าที่เป็นอยู่บทลงโทษของกฎหมายขอทานกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องยังไม่รุนแรง ค่าปรับที่เสียน้อยกว่ารายได้ที่ได้จากธุรกิจขอทานหลายเท่า
กำลังโหลดความคิดเห็น