แพทย์เตือนระวังโรคภูมิแพ้จากเชื้อรา ซึ่งมักจะกำเริบในช่วงที่มีอากาศเย็นและชื้น หมั่นตรวจสภาพที่อยู่อาศัยอย่าให้น้ำรั่วซึม ต้นเหตุของ “เชื้อรา” เมื่อถูกละอองฝนควรเช็ดตัวให้แห้ หากศีรษะเปียกฝนสระผมทันทีหรืออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำร่างกายให้อบอุ่น ส่วนภูมิแพ้อื่นๆ ควรพบแพทย์เฉพาะด้านเพื่อตรวจอย่างละเอียด
ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนอากาศชื้น มีโรคภูมิแพ้บางกลุ่มที่จะกำเริบขึ้นในผู้ป่วย ซึ่งเป็นที่มาของโรคหอบหืด คนที่เป็นภูมิแพ้ที่แพ้ต่อเชื้อราหรือสปอร์เชื้อรา ในภาวะที่อากาศชื้นเชื้อราเจริญเติบโตง่าย คนที่เป็นโรคหอบหืด เมื่อมีตัวกระตุ้นของเชื้อรา อากาศเย็นและชื้น จะทำให้อาการของโรคหืดหอบกลับมากำเริบอีกครั้ง
“ถ้าผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ที่รู้ตัวเองอยู่แล้วและมีแพทย์ประจำตัวก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการปรึกษา หากผู้ป่วยคนใดเคยใช้ยา แพทย์จะปรับขนาดยาได้อย่างเหมาะสม พักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าร่างกายมีความแข็งแรงอาการของโรคจะไม่กำเริบมากนัก ไม่ควรตากฝนหรือเมื่อถูกละอองฝนก็ควรเช็ดตัวให้แห้ง หากศีรษะเปียกฝนสระผมทันที หรืออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำร่างกายให้อบอุ่น และต้องปฏิบัติตัวตามแพทย์สั่ง”
ผศ.นพ.เฉลิมชัย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับคนไข้ที่มีอาการแพ้เชื้อรา ต้องคอยสังเกตสภาพภายในบ้านของตัวเองว่ามีน้ำรั่วหรือน้ำหยดอยู่ภายในบ้านหรือไม่ เพราะพื้นที่บริเวณนั้นจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดเชื้อราขึ้น ซึ่งอาจไม่ปรากฏให้เราเห็น แต่สปอร์ของเชื้อราเพียงเล็กน้อยที่ปลิวอยู่ในอากาศก็สามารถทำให้เกิดอาการของโรคได้ และต้องดูว่าผู้ป่วยมีอาการแพ้เชื้อราบริเวณอวัยวะส่วนใด เช่นถ้าแพ้ตรงบริเวณจมูก จะมีอาการจามคันจมูก คัดแน่นจมูกมีน้ำมูกใสๆ ไหล
ส่วนคนที่เป็นโรคหอบหืดก็จะมีอาการไอและหอบหืดได้ ซึ่งบางคนอาจสงสัยว่าทำไมตัวเองเพิ่งมีอาการปรากฏในช่วงนี้ ซึ่งก็สืบเนื่องมาจากสิ่งที่มากระตุ้นให้เขาเกิดอาการแพ้มีมากในช่วงนี้ คนไข้ที่แพ้เชื้อรา เมื่อถึงฤดูฝนก็จะแย่ แต่คนที่แพ้เกสรหญ้าในช่วงฤดูร้อนอาการเขาก็จะดีขึ้นแต่จะแย่ในช่วงฤดูร้อนซึ่งเป็นช่วงที่ดอกหญ้าผลิดอก ส่วนบางคนไม่เคยมีประวัติของโรคภูมิแพ้แต่มีอาการหอบ ไอและเหนื่อยเมื่อถึงฤดูฝนและหากสงสัยตัวเอง อยากแนะนำว่าถ้าเป็นเด็กควรไปพบกุมารแพทย์ถ้าเป็นผู้ใหญ่ไปพบอายุรแพทย์เพื่อจะไดคำตอบว่า เป็นเพียงไข้หวัดหรือเป็นโรคภูมิแพ้ จากนั้นจึงค่อยไปพบแพทย์เฉพาะทาง ส่วนในคนที่ไม่เคยรู้ตัวเองว่าแพ้อะไรนั้น ก็ควรจะไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้เพื่อตรวจว่าแพ้อะไรบ้าง จากนั้นก็ต้องคอยหลีกเลี่ยง จะเป็นวิธีที่ดีกว่าการใช้ยามาตามแก้เมื่อมีอาการแพ้เกิดขึ้น
ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนอากาศชื้น มีโรคภูมิแพ้บางกลุ่มที่จะกำเริบขึ้นในผู้ป่วย ซึ่งเป็นที่มาของโรคหอบหืด คนที่เป็นภูมิแพ้ที่แพ้ต่อเชื้อราหรือสปอร์เชื้อรา ในภาวะที่อากาศชื้นเชื้อราเจริญเติบโตง่าย คนที่เป็นโรคหอบหืด เมื่อมีตัวกระตุ้นของเชื้อรา อากาศเย็นและชื้น จะทำให้อาการของโรคหืดหอบกลับมากำเริบอีกครั้ง
“ถ้าผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ที่รู้ตัวเองอยู่แล้วและมีแพทย์ประจำตัวก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการปรึกษา หากผู้ป่วยคนใดเคยใช้ยา แพทย์จะปรับขนาดยาได้อย่างเหมาะสม พักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าร่างกายมีความแข็งแรงอาการของโรคจะไม่กำเริบมากนัก ไม่ควรตากฝนหรือเมื่อถูกละอองฝนก็ควรเช็ดตัวให้แห้ง หากศีรษะเปียกฝนสระผมทันที หรืออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำร่างกายให้อบอุ่น และต้องปฏิบัติตัวตามแพทย์สั่ง”
ผศ.นพ.เฉลิมชัย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับคนไข้ที่มีอาการแพ้เชื้อรา ต้องคอยสังเกตสภาพภายในบ้านของตัวเองว่ามีน้ำรั่วหรือน้ำหยดอยู่ภายในบ้านหรือไม่ เพราะพื้นที่บริเวณนั้นจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดเชื้อราขึ้น ซึ่งอาจไม่ปรากฏให้เราเห็น แต่สปอร์ของเชื้อราเพียงเล็กน้อยที่ปลิวอยู่ในอากาศก็สามารถทำให้เกิดอาการของโรคได้ และต้องดูว่าผู้ป่วยมีอาการแพ้เชื้อราบริเวณอวัยวะส่วนใด เช่นถ้าแพ้ตรงบริเวณจมูก จะมีอาการจามคันจมูก คัดแน่นจมูกมีน้ำมูกใสๆ ไหล
ส่วนคนที่เป็นโรคหอบหืดก็จะมีอาการไอและหอบหืดได้ ซึ่งบางคนอาจสงสัยว่าทำไมตัวเองเพิ่งมีอาการปรากฏในช่วงนี้ ซึ่งก็สืบเนื่องมาจากสิ่งที่มากระตุ้นให้เขาเกิดอาการแพ้มีมากในช่วงนี้ คนไข้ที่แพ้เชื้อรา เมื่อถึงฤดูฝนก็จะแย่ แต่คนที่แพ้เกสรหญ้าในช่วงฤดูร้อนอาการเขาก็จะดีขึ้นแต่จะแย่ในช่วงฤดูร้อนซึ่งเป็นช่วงที่ดอกหญ้าผลิดอก ส่วนบางคนไม่เคยมีประวัติของโรคภูมิแพ้แต่มีอาการหอบ ไอและเหนื่อยเมื่อถึงฤดูฝนและหากสงสัยตัวเอง อยากแนะนำว่าถ้าเป็นเด็กควรไปพบกุมารแพทย์ถ้าเป็นผู้ใหญ่ไปพบอายุรแพทย์เพื่อจะไดคำตอบว่า เป็นเพียงไข้หวัดหรือเป็นโรคภูมิแพ้ จากนั้นจึงค่อยไปพบแพทย์เฉพาะทาง ส่วนในคนที่ไม่เคยรู้ตัวเองว่าแพ้อะไรนั้น ก็ควรจะไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้เพื่อตรวจว่าแพ้อะไรบ้าง จากนั้นก็ต้องคอยหลีกเลี่ยง จะเป็นวิธีที่ดีกว่าการใช้ยามาตามแก้เมื่อมีอาการแพ้เกิดขึ้น