แม่ธรรมดาๆ คนหนึ่ง แม้ไม่ได้มีชื่อเสียง ไม่ได้เป็นดารา ไม่ได้เฉิดฉายออกงานสังคม แต่ก็เป็น “แม่” ที่เป็น “ผู้ให้” แม่ที่ต่อสู้ดิ้นร้นเพื่อลูก เสมือนเป็นพลังความรักที่ยิ่งใหญ่่
ในงาน “มหิดล-วันแม่” ประจำปี 2548 ได้มีการพิจารณาคัดเลือกผู้สมควรได้รับรางวัล “แม่สู้ชีวิต 4 ภาค” เพื่อยกย่องเทิดทูนในงาน “มหิดล-วันแม่” เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา โดยมอบรางวัลแม่ 2 ประเภท คือ ประเภทที่มีลูกปกติ และประเภทที่มีลูกพิการ
สำหรับแม่ผู้ที่อุทิศกำลังกายกำลังใจด้วยความมานะอุตสาหะบากบั่น เพื่อให้ลูกมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักของแม่ที่มีพลังอันยิ่งใหญ่

ในปีนี้ผู้ที่ได้รับคัดเลือกดังนี้ ภาคเหนือ (ลูกปกติ) นางจันทร์เพ็ญ ดิษเจริญ แม่วัย 58 ปี จากจังหวัดอุทัยธานี มีบุตร 4 คน อาชีพทำนา สู้ชีวิตเลี้ยงลูก 4 คนมาด้วยความยากลำบาก เวลาไปทำงานซึ่งห่างบ้าน 2 กิโลเมตร ต้องเอาลูกใส่สาแหรกข้างละ 2 คน และถือปิ่นโตไปด้วย จะสอนให้ลูกทำงานทุกอย่างไม่ฟุ่มเฟื่อย ที่บ้านไม่มีโทรทัศน์ ตู้เย็นใช้ เพราะต้องเก็บเงินให้ลูกเรียนหนังสือชีวิต ไม่เคยเป็นหนี้ใคร จนเมื่อลูกเรียนจบระดับอุดมศึกษาจึงลืมตาอ้าปากได้
ปัจจุบันชีวิตดีขึ้น สุขสบาย เพราะลูกเรียนจบระดับปริญญาโท ปริญญาตรี เลี้ยงแม่ได้ แต่นางจันทร์เพ็ญก็ยังทำงาน “แม่ยังมีแรงจะทำงานเก็บไว้เพื่อลูกขัดสนในวันหน้า” เป็นคำพูดที่นางบอกกับลูกๆ

ภาคกลาง (ลูกปกติ) นางมุ้ยเตียง แซ่ลิ้ม อายุ 83 ปี ชาวจังหวัดลพบุรี มีบุตร 5 คน มีอาชีพค้าขาย หลังสามีเสียชีวตด้วยโรคมะเร็งได้สู้ชีวิตเลี้ยงลูกด้วยความยากลำบากโดยประกอบอาชีพขายอาหาร บางครั้งต้องต่อสู้กับนักเลงมารังแก กินเหล้า กินอาหาร ไม่จ่ายเงิน นอกจากนี้ยังเย็บหมวกเย็บผ้าโหลขาย ทำงานเหนื่อยเพื่อเลี้ยงลูก แม้ลูก 4 คน เรียบจบระดับ ป.4 แต่ทำงานประกอบอาชีพสุจริตปัจจุบัน มีฐานะดีขึ้น ลูกคนเล็กได้เรียนจบปริญญาโท แต่มาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อนางมุ้ยเตียง อายุ 80 ปี ซึ่งนางมุ้ยเตียงได้แสดงความเป็นแม่ที่เข้มแข็งดูแลลูกที่ป่วยจนวาระสุดท้าย

(ลูกพิการ) นางสังวาส สุขประเสริฐ อายุ 76 ปี ชาวจังหวัดลพบุรี มีบุตร 6 คน ชาย 3 ผู้หญิง 3 บุตรชายคนที่ 3 ป่วยเป็นโปลิโอ ต้องเก็บเงินจากการทำนาไปเป็นค่ารักษาลูก บางครั้งต้องยืมเงินเพื่อนบ้าน แต่ด้วยความรักได้ดูแลลูกอย่างสุดความสามารถ จนหลังค่อมงอ ไม่สามารถยืดตรงได้เพราะต้องใช้ไม้คานหาบกระบุงที่มีลูกพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไปทำนาทุกวัน ปัจจุบันลูกทำงานดีประสบความสำเร็จในชีวิต ลูกที่พิการก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง

ภาคอีสาน (ลูกปกติ) นางบุญเรือง ตระวิง แม่วัย 30 ปี พิการแขนขาลีบมาแต่กำเนิด หลังแต่งงานกับสามีซึ่งเป็นคนพิการเช่นกัน มีบุตร 2 คน คนโตเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 คนเล็กอายุ 2 ขวบ สมบูรณ์แข็งแรงทั้งคู่ นางบุญเรืองทำงานที่โรงงานเย็บผ้าในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ด้วยความยากจนต้องทำงานพิเศษหารายได้เพิ่ม แม้บ้านไกลยากลำบากในการเดินทางก็ตาม บางครั้งต้องขอนายจ้างให้นำลูกไปทำงานด้วย ตัวเองที่พิการยังไม่พอ ลูกไปโรงเรียนเพื่อนล้อว่ามีพ่อแม่พิการ แต่นางบุญเรืองไม่เคยย่อท้อ สอนลูกว่าเป็นความจริงไม่ต้องอาย “เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริตได้ ขอให้ลูกทำดี แม่จะมีความสุข” ทุกวันนี้นางบุญเรืองยังสู้ชีวิตต่อไป

(ลูกพิการ) นางสมนึก สุขเหลือง แม่วัย 65 ปี จากกิ่งอำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ มีบุตร 5 คน มีบุตรชายพิการถึง 2 คน คนแรกอายุ 32 ปี มีอาการทางประสาท รักษาไม่หาย ปัจจุบันยังต้องกินยาระงับประสาทอยู่เป็นประจำ บุตรพิการคนที่ 2 อายุ 32 ปี หูหนวกเป็นใบ้ ยามว่างจากการทำนาของตนเอง นางสมนึกจะไปรับจ้างดำนา เกี่ยวข้าว ต้องอดทนผ่อนส่งภาระหนี้สิน และอดทนเลี้ยงลูกพิการมาด้วยความรัก ความเมตตาที่มีต่อลูก ปัจจุบันนางสมนึกและสามียังคงทำนาเลี้ยงชีพ

ภาคใต้ (ลูกพิการ) นางมาลี คำอ่อน ปัจจุบันอายุ 43 ปี ทำงานก่อสร้างที่จังหวัดภูเก็ตตั้งแต่อายุ 20 ปีเศษ แต่งงานกับนายขาว คำอ่อน ซึ่งมีลูกติด 4 คน (ภรรยาเดิมเสียชีวิต) นางมาลีจึงทำหน้าที่เป็นแม่ของลูกนายขาว ต่อมานายบุญช่วยบุตรคนสุดท้องประสบอุบัติเหตุ ทำให้พิการเป็นอัมพาตทั้งตัว นางมาลีช่วยดูแล ทำความสะอาดร่างกาย ป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำความสะอาดเวลาขับถ่าย โดยไม่รังเกียจ ได้รับจ้างปอกเปลือกเม็ดมะม่วงหิมพานต์และรับจ้างเลี้ยงเด็ก ซึ่งก็มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่มากนัก ความเป็นอยู่จึงค่อนข้างลำบาก สภาพที่อยู่อาศัยเป็นห้องสังกะสีสภาพฝาและหลังคารั่วทะลุ แต่นางมาลีก็ยังคงต่อสู้ชีวิตและทำหน้าที่แม่ด้วยความอดทน

(ลูกปกติ) นางหร้า สุมาลี แม่วัย 67 จากอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา มีลูก 10 คน ด้วยความยากจนแต่นางมาลีก็สู้ชีวิตด้วยความอดทน ลูกแต่ละคนเรียนหนังสือได้ไม่เท่ากัน พี่ๆ จะเสียสละให้น้องได้เรียน นางหร้าและสามีทำงานหนักเอาเบาสู้ บางครั้งต้องไปทำงานบนภูเขาเก็บน้ำเหนาเพื่อนำมาทำน้ำตาลขาย (ต้นเหนามีลักษณะคล้ายต้นตาล) เป็นอาชีพที่อันตราย นางหร้าอดทนและประหยัดเพื่อให้ลูกได้มีกิน สอนให้ลูกรู้จักทำงานรับจ้างทั่วไป เพื่อให้ได้เงินมาใช้จ่ายในครอบครัวและเรียนหนังสือ บางครั้งอดยากถึงขนาดไม่มีกิน ต้องกินข้าวกับน้ำตาล ปัจจุบันชีวิตดีขึ้น ลูกๆ เป็นคนดีแม้จะเรียนไม่สูงแต่จะช่วยเหลือกันและรักกันมาก

กรุงเทพฯ (ลูกพิการ) นางบุญเกิด นิรนาม อายุ 57 ปี มีบุตรชาย 2 คน คนโตป่วยพิการทางสมอง หลังสามีเสียชีวิตด้วยโรคความดันโลหิตสูง นางบุญเกิดยอมลำบากรับจ้างทำงานไม่ยอมมีครอบครัวใหม่ หลังสามีตายอาศัยอยู่กับแม่ชีในวัดบางบำหรุ เขตบางพลัด อาศัยข้าวที่เหลือจากพระและแม่ชีฉัน เหลือเลี้ยงลูกทั้งสอง ช่วยงานวัดและรับจ้างซักรีดเสื้อผ้า ด้วยความเป็นพลเมืองดี ได้ตระโกนให้เจ้าของบ้านรู้เมื่อเห็นคนร้ายจะขโมยของจนถูกคนร้ายทำร้ายร่างกาย บาดเจ็บสาหัส ปัจจุบันญาติสามีได้ซื้อห้องชุดให้อยู่กับลูก 2 คน ทำให้ชีวิตรู้สึกปลอดภัยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และสู้ชีวิตด้วยการเป็นแม่บ้านทำความสะอาด ต่อมาได้เซ้งแผงขายดอกไม้ พวงมาลัย และได้ดูแลลูกที่ป่วยด้วยความอดทนจนปัจจุบัน ได้ทำงานช่วยเหลือชุมชนวัดรวกและชุมชนใกล้เคียง เป็นแม่ที่จิตใจงาม แม้ตัวเองลำบากยังมีใจช่วยสังคม
แม่สู้ชีวิตทั้ง 8 คน ได้เข้ารับประทานรางวัล จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในงาน “มหิดล-วันแม่” เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2548 ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จ.นครปฐม
ในงาน “มหิดล-วันแม่” ประจำปี 2548 ได้มีการพิจารณาคัดเลือกผู้สมควรได้รับรางวัล “แม่สู้ชีวิต 4 ภาค” เพื่อยกย่องเทิดทูนในงาน “มหิดล-วันแม่” เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา โดยมอบรางวัลแม่ 2 ประเภท คือ ประเภทที่มีลูกปกติ และประเภทที่มีลูกพิการ
สำหรับแม่ผู้ที่อุทิศกำลังกายกำลังใจด้วยความมานะอุตสาหะบากบั่น เพื่อให้ลูกมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักของแม่ที่มีพลังอันยิ่งใหญ่
ในปีนี้ผู้ที่ได้รับคัดเลือกดังนี้ ภาคเหนือ (ลูกปกติ) นางจันทร์เพ็ญ ดิษเจริญ แม่วัย 58 ปี จากจังหวัดอุทัยธานี มีบุตร 4 คน อาชีพทำนา สู้ชีวิตเลี้ยงลูก 4 คนมาด้วยความยากลำบาก เวลาไปทำงานซึ่งห่างบ้าน 2 กิโลเมตร ต้องเอาลูกใส่สาแหรกข้างละ 2 คน และถือปิ่นโตไปด้วย จะสอนให้ลูกทำงานทุกอย่างไม่ฟุ่มเฟื่อย ที่บ้านไม่มีโทรทัศน์ ตู้เย็นใช้ เพราะต้องเก็บเงินให้ลูกเรียนหนังสือชีวิต ไม่เคยเป็นหนี้ใคร จนเมื่อลูกเรียนจบระดับอุดมศึกษาจึงลืมตาอ้าปากได้
ปัจจุบันชีวิตดีขึ้น สุขสบาย เพราะลูกเรียนจบระดับปริญญาโท ปริญญาตรี เลี้ยงแม่ได้ แต่นางจันทร์เพ็ญก็ยังทำงาน “แม่ยังมีแรงจะทำงานเก็บไว้เพื่อลูกขัดสนในวันหน้า” เป็นคำพูดที่นางบอกกับลูกๆ
ภาคกลาง (ลูกปกติ) นางมุ้ยเตียง แซ่ลิ้ม อายุ 83 ปี ชาวจังหวัดลพบุรี มีบุตร 5 คน มีอาชีพค้าขาย หลังสามีเสียชีวตด้วยโรคมะเร็งได้สู้ชีวิตเลี้ยงลูกด้วยความยากลำบากโดยประกอบอาชีพขายอาหาร บางครั้งต้องต่อสู้กับนักเลงมารังแก กินเหล้า กินอาหาร ไม่จ่ายเงิน นอกจากนี้ยังเย็บหมวกเย็บผ้าโหลขาย ทำงานเหนื่อยเพื่อเลี้ยงลูก แม้ลูก 4 คน เรียบจบระดับ ป.4 แต่ทำงานประกอบอาชีพสุจริตปัจจุบัน มีฐานะดีขึ้น ลูกคนเล็กได้เรียนจบปริญญาโท แต่มาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อนางมุ้ยเตียง อายุ 80 ปี ซึ่งนางมุ้ยเตียงได้แสดงความเป็นแม่ที่เข้มแข็งดูแลลูกที่ป่วยจนวาระสุดท้าย
(ลูกพิการ) นางสังวาส สุขประเสริฐ อายุ 76 ปี ชาวจังหวัดลพบุรี มีบุตร 6 คน ชาย 3 ผู้หญิง 3 บุตรชายคนที่ 3 ป่วยเป็นโปลิโอ ต้องเก็บเงินจากการทำนาไปเป็นค่ารักษาลูก บางครั้งต้องยืมเงินเพื่อนบ้าน แต่ด้วยความรักได้ดูแลลูกอย่างสุดความสามารถ จนหลังค่อมงอ ไม่สามารถยืดตรงได้เพราะต้องใช้ไม้คานหาบกระบุงที่มีลูกพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไปทำนาทุกวัน ปัจจุบันลูกทำงานดีประสบความสำเร็จในชีวิต ลูกที่พิการก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง
ภาคอีสาน (ลูกปกติ) นางบุญเรือง ตระวิง แม่วัย 30 ปี พิการแขนขาลีบมาแต่กำเนิด หลังแต่งงานกับสามีซึ่งเป็นคนพิการเช่นกัน มีบุตร 2 คน คนโตเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 คนเล็กอายุ 2 ขวบ สมบูรณ์แข็งแรงทั้งคู่ นางบุญเรืองทำงานที่โรงงานเย็บผ้าในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ด้วยความยากจนต้องทำงานพิเศษหารายได้เพิ่ม แม้บ้านไกลยากลำบากในการเดินทางก็ตาม บางครั้งต้องขอนายจ้างให้นำลูกไปทำงานด้วย ตัวเองที่พิการยังไม่พอ ลูกไปโรงเรียนเพื่อนล้อว่ามีพ่อแม่พิการ แต่นางบุญเรืองไม่เคยย่อท้อ สอนลูกว่าเป็นความจริงไม่ต้องอาย “เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริตได้ ขอให้ลูกทำดี แม่จะมีความสุข” ทุกวันนี้นางบุญเรืองยังสู้ชีวิตต่อไป
(ลูกพิการ) นางสมนึก สุขเหลือง แม่วัย 65 ปี จากกิ่งอำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ มีบุตร 5 คน มีบุตรชายพิการถึง 2 คน คนแรกอายุ 32 ปี มีอาการทางประสาท รักษาไม่หาย ปัจจุบันยังต้องกินยาระงับประสาทอยู่เป็นประจำ บุตรพิการคนที่ 2 อายุ 32 ปี หูหนวกเป็นใบ้ ยามว่างจากการทำนาของตนเอง นางสมนึกจะไปรับจ้างดำนา เกี่ยวข้าว ต้องอดทนผ่อนส่งภาระหนี้สิน และอดทนเลี้ยงลูกพิการมาด้วยความรัก ความเมตตาที่มีต่อลูก ปัจจุบันนางสมนึกและสามียังคงทำนาเลี้ยงชีพ
ภาคใต้ (ลูกพิการ) นางมาลี คำอ่อน ปัจจุบันอายุ 43 ปี ทำงานก่อสร้างที่จังหวัดภูเก็ตตั้งแต่อายุ 20 ปีเศษ แต่งงานกับนายขาว คำอ่อน ซึ่งมีลูกติด 4 คน (ภรรยาเดิมเสียชีวิต) นางมาลีจึงทำหน้าที่เป็นแม่ของลูกนายขาว ต่อมานายบุญช่วยบุตรคนสุดท้องประสบอุบัติเหตุ ทำให้พิการเป็นอัมพาตทั้งตัว นางมาลีช่วยดูแล ทำความสะอาดร่างกาย ป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำความสะอาดเวลาขับถ่าย โดยไม่รังเกียจ ได้รับจ้างปอกเปลือกเม็ดมะม่วงหิมพานต์และรับจ้างเลี้ยงเด็ก ซึ่งก็มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่มากนัก ความเป็นอยู่จึงค่อนข้างลำบาก สภาพที่อยู่อาศัยเป็นห้องสังกะสีสภาพฝาและหลังคารั่วทะลุ แต่นางมาลีก็ยังคงต่อสู้ชีวิตและทำหน้าที่แม่ด้วยความอดทน
(ลูกปกติ) นางหร้า สุมาลี แม่วัย 67 จากอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา มีลูก 10 คน ด้วยความยากจนแต่นางมาลีก็สู้ชีวิตด้วยความอดทน ลูกแต่ละคนเรียนหนังสือได้ไม่เท่ากัน พี่ๆ จะเสียสละให้น้องได้เรียน นางหร้าและสามีทำงานหนักเอาเบาสู้ บางครั้งต้องไปทำงานบนภูเขาเก็บน้ำเหนาเพื่อนำมาทำน้ำตาลขาย (ต้นเหนามีลักษณะคล้ายต้นตาล) เป็นอาชีพที่อันตราย นางหร้าอดทนและประหยัดเพื่อให้ลูกได้มีกิน สอนให้ลูกรู้จักทำงานรับจ้างทั่วไป เพื่อให้ได้เงินมาใช้จ่ายในครอบครัวและเรียนหนังสือ บางครั้งอดยากถึงขนาดไม่มีกิน ต้องกินข้าวกับน้ำตาล ปัจจุบันชีวิตดีขึ้น ลูกๆ เป็นคนดีแม้จะเรียนไม่สูงแต่จะช่วยเหลือกันและรักกันมาก
กรุงเทพฯ (ลูกพิการ) นางบุญเกิด นิรนาม อายุ 57 ปี มีบุตรชาย 2 คน คนโตป่วยพิการทางสมอง หลังสามีเสียชีวิตด้วยโรคความดันโลหิตสูง นางบุญเกิดยอมลำบากรับจ้างทำงานไม่ยอมมีครอบครัวใหม่ หลังสามีตายอาศัยอยู่กับแม่ชีในวัดบางบำหรุ เขตบางพลัด อาศัยข้าวที่เหลือจากพระและแม่ชีฉัน เหลือเลี้ยงลูกทั้งสอง ช่วยงานวัดและรับจ้างซักรีดเสื้อผ้า ด้วยความเป็นพลเมืองดี ได้ตระโกนให้เจ้าของบ้านรู้เมื่อเห็นคนร้ายจะขโมยของจนถูกคนร้ายทำร้ายร่างกาย บาดเจ็บสาหัส ปัจจุบันญาติสามีได้ซื้อห้องชุดให้อยู่กับลูก 2 คน ทำให้ชีวิตรู้สึกปลอดภัยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และสู้ชีวิตด้วยการเป็นแม่บ้านทำความสะอาด ต่อมาได้เซ้งแผงขายดอกไม้ พวงมาลัย และได้ดูแลลูกที่ป่วยด้วยความอดทนจนปัจจุบัน ได้ทำงานช่วยเหลือชุมชนวัดรวกและชุมชนใกล้เคียง เป็นแม่ที่จิตใจงาม แม้ตัวเองลำบากยังมีใจช่วยสังคม
แม่สู้ชีวิตทั้ง 8 คน ได้เข้ารับประทานรางวัล จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในงาน “มหิดล-วันแม่” เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2548 ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จ.นครปฐม