xs
xsm
sm
md
lg

เสริมสาว-ลดเสี่ยงมะเร็ง น้ำมันมะกอกช่วยได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สรรพคุณของ “น้ำมันมะกอก” ที่นำมาใช้ในการเสริมความงาม ไม่ว่าจะเป็นทาผิวหรือนำมาหมักผม ดูเหมือนจะเป็นสรรพคุณที่ใครๆ ต่างก็รู้จักกันดี แต่ใช่ว่าน้ำมันมะกอกจะมีดีเพียงแค่นั้น เพราะยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายที่เราๆ ท่านๆ ยังไม่ทราบกัน

จากการเสวนา เรื่อง “น้ำมันมะกอกและสมุนไพรเพื่อสุภาพและความงาม” ในงานอุทยานรักษ์สุขภาพ ครั้งที่ 13 ซึ่งจัดขึ้นที่บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์ ที่ผ่านไปหมาดๆ นั้น อ.หลิว หมิงจาง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง จากมหาวิทยาลัยแพทย์เซี่ยงไฮ้ และยังเป็นแพทย์ผู้ชำนาญการนวดเส้นและฝังเข็มอีกด้วยนั้น มาพร้อมกับ น.พ.สุทัศน์ ดวงดีเด่น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง จากโรงพยาบาลเลิดสิน ได้ให้ความกระจ่างถึงเจ้าน้ำมันพืชมากคุณค่าชนิดนี้ร่วมกัน

น.พ.สุทัศน์ เล่าว่า ต้นมะกอกส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่ในแถบประเทศเมดิเตอร์เรเนียน อาทิ สเปน อิตาลี กรีซ เป็นต้น โดยประเทศสเปนถือเป็นประเทศที่มีการผลิตน้ำมันมะกอกสูงสุดในโลก ซึ่งสมาพันธ์น้ำมันมะกอกนานาชาติได้กำหนดน้ำมันมะกอกออกเป็น 5 เกรด ด้วยกัน ได้แก่ Extra Virgin ซึ่งถือเป็นน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ที่เก็บจากต้นแล้วนำมาเข้าเครื่องบดคล้ายโม่หินโบราณของไทยเอาเมล็ดออก ซึ่งหลังจากบดแล้วเนื้อมะกอกจะมีลักษณะคล้ายแป้งเปียก จากนั้นก็นำเอาไปคั้นและกรองออกมาเป็นน้ำมันมะกอก โดยไม่มีการเจือปนใดๆ

ลักษณะของน้ำมันมะกอกเกรดนี้จะออกสีเขียวอ่อนและใส กลิ่นหอมมะกอกแท้ ซึ่งวิธีการทดสอบว่าเป็นน้ำมันมะกอกเกรด Extra Virgin หรือไม่นั้น ให้เหลือติดก้นขวดแล้วเอาไปแช่ตู้เย็น น้ำมันจะตกผลึกเป็นเกล็ด ซึ่งเกรดหมายเลข 1 นี้ราคาสูงถึงหมื่นบาทต่อลิตรก็มี

ส่วนน้ำมันมะกอกเกรดรองลงมา คือ Virgin คือนำเนื้อมะกอกที่คั้นหัวน้ำมันมะกอกออกไปแล้วนั้นไปผ่านกระบวนการกลั่น โดยเริ่มมีกระบวนการทางเคมีเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งน้ำมันมะกอกเกรดนี้จะมีสีออกเหลืองใส จากนั้นเนื้อมะกอกจะถูกนำมาสกัดเป็นเกรด 3 และ 4 ซึ่งจะใส่สารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายเข้าไป และเกรดสุดท้ายเป็นน้ำมันมะกอกที่รับประทานไม่ได้ นำมาใช้จุดตะเกียง

“น้ำมันมะกอกเกรด Extra Virgin และ Virgin สามารถนำมาใช้เป็นยาหรือรับประทานสด เช่น เป็นน้ำสลัดหรือกินเปล่าๆ ได้ แต่ไม่เหมาะสำหรับนำไปประกอบอาหารประเภทปิ้ง ย่าง ทอด เพราะจะทำให้กลิ่นน้ำมันมะกอกแท้ๆ เสีย และน้ำมันมะกอกที่ผ่านกระบวนการดังกล่าวจะมีกลิ่นเหม็นด้วย หากจะนำมาประกอบอาหารผ่านความร้อนควรใช้เกรดที่ 3 หรือ 4 ส่วนเกรดสุดท้ายห้ามรับประทานเพราะเจือปนสารเคมีและน้ำมันอื่นซึ่งเป็นอันตราย และน้ำมันมะกอกที่ดีต้องใส”

ด้าน หมอหลิว กล่าวถึงประโยชน์ของน้ำมันมะกอกว่า น้ำมันมะกอกเป็นสิ่งที่แพทย์ผิวหนังทุกคนต้องรู้จัก เพราะมีคุณสมบัติเป็นยารักษาโรคและเป็นอาหารด้วย ซึ่งน้ำมันมะกอกถือเป็นไขมันไม่อิ่มตัวและมีวิตามิน A B E K ซึ่งร่างกายมนุษย์ผลิตเองไม่ได้ต้องรับประทานเข้าไปอยู่ในนั้น โดยเฉพาะวิตามิน E ที่มีผลดีต่อผิวและร่างกายในการต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง

“เมื่อ 20 ปีที่แล้วประเทศจีนต้องนำเข้าน้ำมันมะกอก แต่ปัจจุบันเริ่มจะผลิตได้เอง ซึ่งน้ำมันมะกอกมีวิตามิน E เมื่อกินแล้วจะผิวสวย นอกจากนี้ยังนำน้ำมันมะกอกเกรด Extra Virgin มาทำเป็นยา โดยนำมาผสมกับเครื่องยาจีน ซึ่งยาจีนจะให้ผลต่างจากยาฝรั่ง เช่น คนไข้เป็นโรคความดัน ยาฝรั่งจะแก้ที่โรคโดยตรง แต่ยาจีนจะให้ผลในการบำรุงด้วย ไม่ใช่รักษาอย่างเดียว เพราะความดันเกี่ยวข้องกับอวัยวะหลายอย่าง ต้องบำรุงตับ บำรุงหัวใจ ซึ่งน้ำมันมะกอกจะทำหน้าที่เป็นตัวประสานกับเครื่องยาจีนได้ดี เพราะมีวิตามินที่จำเป็นอยู่ในน้ำมันมะกอก ถามว่าใช้น้ำมันอื่นมาเข้ากับยาจีนได้ไหม ก็ทำได้แต่ไม่ได้ผลดีเท่าน้ำมันมะกอก โดยเฉพาะยาที่ใช้กับผิวหนัง น้ำมันมะกอกจะช่วยให้ตัวยาซึมซาบสู่ผิวได้ดีขึ้น”


หมอหลิวยกสรรพคุณของน้ำมันมะกอกที่เชื่อว่าคุณผู้หญิงต้องหูผึ่งให้ฟังอีกว่า น้ำมันมะกอกช่วยให้คุณผู้หญิงผิวพรรณเต่งตึงและดูอ่อนวัยอยู่เสมอ เพียงแค่ใช้น้ำมันมะกอกทาบริเวณปากช่องคลอดวันละครั้งเท่านั้น เพราะวิตามิน E ในน้ำมันมะกอกจะซึมเข้าสู่ผิวหนังบริเวณนั้น ไปกระตุ้นให้ร่างกายผู้หญิงสร้างฮอร์โมนเพศหญิงขึ้นมา ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นจุดอ่อนบางและรวมเส้นประสาทอยู่แล้ว เมื่อร่างกายมีการผลิตฮอร์โมนเพศหญิงก็จะทำให้ไม่เกิดอาการมือ-เท้าชาซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นอัมพฤกษ์ ไม่หงุดหงิด ผิวพรรณเปล่งปลั่งและร่างกายแข็งแรง

แต่...น้ำมันมะกอกที่จะนำมาใช้ในการนี้ ต้องเป็นน้ำมันมะกอกเกรด Extra Virgin เท่านั้น อย่าเผลอไปซื้อขวดละ 10 บาทสีเหลืองอ๋อยที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปมาทาเด็ดขาดเชียว

ไม่เพียงมีผลดีต่อคุณผู้หญิงเท่านั้น สรรพคุณชั้นยอดสำหรับคุณผู้ชายก็มีเช่นเดียวกัน หมอหลิวบอกว่า ผู้ชายมีอัตราการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากสูง เนื่องจากท่อปัสสาวะของเพศชายยาว เมื่อปัสสาวะของเสียจะออกมาไม่หมด แต่จะตกค้างอยู่ในท่อ ส่งผลให้เกิดเป็นหินปูนและกลายเป็นมะเร็งในที่สุด

“เมื่อนำเอายาจีนมาผสมกับน้ำมันมะกอกแล้วนำไปนวดบริเวณฝีเย็บ (บริเวณระหว่างอวัยวะเพศกับทวารหนัก) น้ำมันมะกอกจะช่วยให้ตัวยาซึมเข้าผิวหนังอย่างรวดเร็ว ทำให้สิ่งที่ตกค้างอยู่และหินปูนหลุดออกไป ซึ่งทำให้ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลดลง”

นอกจากนี้คนจีนส่วนใหญ่จะใช้น้ำมันมะกอกทาแผล ไม่ว่าเป็นแผลสดหรือแผลน้ำร้อนลวกไฟไหม้ เพราะน้ำมันมะกอกจะช่วยเคลือบแผลทำให้เชื้อโรคเข้าแผลไม่ได้ ขณะเดียวกันก็มีผลในการช่วยสมานแผล หลังจากแผลหายจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นให้เห็น หรือช่วงตั้งครรภ์คุณแม่จะใช้น้ำมันมะกอกทาท้องก็ช่วยป้องกันปัญหาท้องลายได้เป็นอย่างดี

หมอหลิวยังบอกอีกว่า หากกินผลไม้สดที่มีวิตามิน C ร่วมกับน้ำมันมะกอก ร่างกายจะได้รับวิตามิน C มากกว่าการกินวิตามิน C เม็ดเป็นกระป๋องเสียอีก เนื่องจากวิตามิน C สูญสลายไปได้ง่าย เพราะละลายในน้ำแต่ไม่ละลายในน้ำมัน แถมยังกระบวนการผลิตวิตามิน C เม็ดก็มั่นใจไม่ได้อีก ดังนั้นผลไม้สดกับน้ำมันมะกอกจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ขณะที่ น.พ.สุทัศน์ช่วยเสริมว่า สำหรับน้ำมันมะกอกเกรด Extra Virgin และ Virgin นั้นรับประทานสดๆ ให้ผลดีที่สุด ส่วนเกรด 3, 4 นำมาปรุงอาหารปิ้ง ทอด ย่างได้ ส่วนที่ขายอยู่ในท้องตลาดใช้หมักผมหรือทาผิวได้แต่เป็นน้ำมันเกรดท้ายๆ แล้ว ซึ่งเกรดของน้ำมันมะกอกจะมีเขียนไว้อยู่ข้างขวด แต่ของทุกอย่างเมื่อมีประโยชน์ก็ย่อมมีโทษ การรับประทานน้ำมันมะกอกจึงไม่ควรมากเกินไป เพียง 2 ช้อนโต๊ะต่อวันก็นับว่าพอแล้ว ส่วนน้ำมันมะกอกที่นำมาทอดอาหารก็ไม่ควรใช้ซ้ำเกิน 2 ครั้ง เพราะไขมันไม่อิ่มตัวจะกลายเป็นไขมันอิ่มตัวและเป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน

ที่น่ายินดีสำหรับคนไทยก็คือ ปีนี้เป็นปีแรกที่ต้นมะกอกในประเทศไทยที่ปลูกไว้เมื่อ 5 ปีก่อน เริ่มออกลูกเป็นปีแรก ทั้งๆ ที่ในอดีตประเทศไทยไม่เคยมีต้นมะกอกมาก่อน และต้องสั่งนำเข้าน้ำมันมะกอกทุกเกรดจากต่างประเทศมาโดยตลอด ซึ่งในอนาคตไทยอาจจะผลิตน้ำมันมะกอกได้เอง

ปัจจุบันประเทศไทยมีต้นมะกอกอยู่ทั้งสิ้น 1,002 ต้น โดย 2 ต้นอยู่ภายในพระราชวังสวนจิตรลดา ส่วนอีก 1,000 ต้น อยู่ที่แปลงทดลองใกล้กับตลาดไท รังสิต ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงมองการณ์ไกลและทรงเป็นอัจฉริยบุคคลอย่างแท้จริง

กำลังโหลดความคิดเห็น