แพทย์ชี้หญิงมีรอบเดือนและติดเชื้อไข้เลือดออก เสี่ยงอันตรายเลือดออกไม่หยุด แนะผู้หญิงที่มีไข้ระหว่างมีรอบเดือน ถ้ามีประจำเดือนมากผิดปกติอย่าหลงวางใจว่าเป็นไข้ทับระดู ขอให้นึกถึงโรคไข้เลือดออก หากกินยาแล้วไข้ไม่ลดลงรีบพบแพทย์ ระบุขณะนี้ไข้เลือดออกเริ่มพบในผู้ใหญ่มากขึ้น
นายอนุทิน ชาญวีระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ให้สัมภาษณ์กรณีผู้ป่วยหญิงอายุ 23 ปี จังหวัดนครนายก เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกระหว่างเป็นประจำเดือน โดยเข้าใจผิดในอาการของโรค คิดว่าเป็นไข้ทับระดู เป็นไข้ธรรมดา และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2548 ที่ผ่านมาว่า ส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตเนื่องจากอาการช็อกนาน เพราะมีน้ำเหลืองรั่วออกนอกเส้นเลือดเข้าไปในช่องปอด ช่องท้อง ทำให้ความเข้มของเลือดเพิ่ม ไตวายร่วมด้วย ทำให้โอกาสรอดชีวิตมีน้อยมาก พอมาถึงโรงพยาบาลก็รักษาไม่ได้แล้ว
ดังนั้นจึงขอแนะนำประชาชนหากมีไข้และรับประทานยาพาราเซตามอลแล้วไข้ไม่ลด ถ้ามีไข้เกิน 2 วันหรือ 48 ชั่วโมง ขอให้รีบมาพบแพทย์ ซึ่งจะป้องกันการเสียชีวิตได้
นายอนุทินกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ประชาสัมพันธ์โรคไข้เลือดออกทั่วทุกหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง อสม.ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่จะไม่ให้มีคนป่วยครบ 100% ก็คงรับปากไม่ได้ สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องช่วยกันดูแลความเป็นอยู่ของตัวเองและครอบครัว ช่วยกันดูแลกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายและยุงลายตัวแก่ในบ้านของตนเองด้วย
อัตราการเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกขณะนี้น้อยมากถ้าเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา คือมีเพียงร้อยละ 0.16 หรือกล่าวโดยเฉลี่ยได้ว่าป่วย 2,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 3 คนเท่านั้น ส่วนใหญ่ถ้าผู้ป่วยมารับการรักษาเร็วก็น่าจะรอดทุกราย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลในต่างจังหวัดหรือโรงพยาบาลในเขตต่าง ๆ ของกรุงเทพมหานคร ทั้งของรัฐและเอกชนซึ่งมีผู้ป่วยจำนวนมาก หากมาตรวจรักษาเร็วและมาตามที่แพทย์นัดทุกครั้งจนไข้ลง 24 ชั่วโมง จึงถือว่าปลอดภัย
ด้าน พ.ญ.ศิริเพ็ญ กัลยาณรุจ ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือในการรักษาโรคไข้เลือดออกระหว่างองค์การอนามัยโลกและสถาบันสุขภาพเด็กมหาราชินี กทม.กล่าวว่า ขณะนี้โรคไข้เลือดออกเริ่มพบในผู้ใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงขณะที่เป็นประจำเดือนยิ่งจะมีความเสี่ยงที่มีอาการรุนแรงได้มากกว่าในภาวะปกติ หรือมากกว่าในผู้ชาย การมีประจำเดือนจะมีแผลเปิดในโพรงมดลูก เนื่องจากมีการลอกหลุดตัวของเยื่อบุผนังมดลูกอยู่แล้ว และหากป่วยเป็นไข้เลือดออกจะมีระดับเกร็ดเลือดต่ำลง และปัจจัยที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือดจะถูกใช้ไปมากกว่าปกติ จึงทำให้เลือดออกมากกว่าปกติ เนื่องจากเลือดแข็งตัวช้าลงและหยุดช้ากว่าปกติ ทำให้อาการรุนแรงได้ ที่ผ่านมาพบผู้หญิงเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกระหว่างเป็นรอบเดือนหลายราย
“ขอให้ผู้หญิงสังเกตว่าหากมีไข้สูง และมีประจำเดือนมามากกว่าปกติ หรือมาผิดเวลาที่ไม่ใช่เวลาที่เคยมีตามปกติ ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน สัญญาณเตือนภัยที่สำคัญของโรคไข้เลือดออกก็คือการมีเลือดประจำเดือนออกมากผิดปกติ เกินกว่าร้อยละ 10 ของปริมาณเลือดในร่างกาย คือมากกว่า 300 ซีซีหรือชุ่มผ้าอนามัยมากกว่า 3 แผ่นใน 1 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย จำเป็นต้องให้เลือดทดแทน ดังนั้นต้องรีบพบแพทย์ทันที อย่าหลงเชื่อว่าเป็นเพียงไข้ทับระดูธรรมดา” พ.ญ.ศิริเพ็ญกล่าว
สำหรับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2548-23 กรกฎาคม 2548 ทั่วประเทศมีจำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 22,877 ราย เสียชีวิต 36 ราย ภาคกลางมีผู้ป่วยสูงสุด 8,975 ราย เสียชีวิต 17 ราย
นายอนุทิน ชาญวีระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ให้สัมภาษณ์กรณีผู้ป่วยหญิงอายุ 23 ปี จังหวัดนครนายก เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกระหว่างเป็นประจำเดือน โดยเข้าใจผิดในอาการของโรค คิดว่าเป็นไข้ทับระดู เป็นไข้ธรรมดา และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2548 ที่ผ่านมาว่า ส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตเนื่องจากอาการช็อกนาน เพราะมีน้ำเหลืองรั่วออกนอกเส้นเลือดเข้าไปในช่องปอด ช่องท้อง ทำให้ความเข้มของเลือดเพิ่ม ไตวายร่วมด้วย ทำให้โอกาสรอดชีวิตมีน้อยมาก พอมาถึงโรงพยาบาลก็รักษาไม่ได้แล้ว
ดังนั้นจึงขอแนะนำประชาชนหากมีไข้และรับประทานยาพาราเซตามอลแล้วไข้ไม่ลด ถ้ามีไข้เกิน 2 วันหรือ 48 ชั่วโมง ขอให้รีบมาพบแพทย์ ซึ่งจะป้องกันการเสียชีวิตได้
นายอนุทินกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ประชาสัมพันธ์โรคไข้เลือดออกทั่วทุกหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง อสม.ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่จะไม่ให้มีคนป่วยครบ 100% ก็คงรับปากไม่ได้ สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องช่วยกันดูแลความเป็นอยู่ของตัวเองและครอบครัว ช่วยกันดูแลกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายและยุงลายตัวแก่ในบ้านของตนเองด้วย
อัตราการเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกขณะนี้น้อยมากถ้าเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา คือมีเพียงร้อยละ 0.16 หรือกล่าวโดยเฉลี่ยได้ว่าป่วย 2,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 3 คนเท่านั้น ส่วนใหญ่ถ้าผู้ป่วยมารับการรักษาเร็วก็น่าจะรอดทุกราย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลในต่างจังหวัดหรือโรงพยาบาลในเขตต่าง ๆ ของกรุงเทพมหานคร ทั้งของรัฐและเอกชนซึ่งมีผู้ป่วยจำนวนมาก หากมาตรวจรักษาเร็วและมาตามที่แพทย์นัดทุกครั้งจนไข้ลง 24 ชั่วโมง จึงถือว่าปลอดภัย
ด้าน พ.ญ.ศิริเพ็ญ กัลยาณรุจ ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือในการรักษาโรคไข้เลือดออกระหว่างองค์การอนามัยโลกและสถาบันสุขภาพเด็กมหาราชินี กทม.กล่าวว่า ขณะนี้โรคไข้เลือดออกเริ่มพบในผู้ใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงขณะที่เป็นประจำเดือนยิ่งจะมีความเสี่ยงที่มีอาการรุนแรงได้มากกว่าในภาวะปกติ หรือมากกว่าในผู้ชาย การมีประจำเดือนจะมีแผลเปิดในโพรงมดลูก เนื่องจากมีการลอกหลุดตัวของเยื่อบุผนังมดลูกอยู่แล้ว และหากป่วยเป็นไข้เลือดออกจะมีระดับเกร็ดเลือดต่ำลง และปัจจัยที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือดจะถูกใช้ไปมากกว่าปกติ จึงทำให้เลือดออกมากกว่าปกติ เนื่องจากเลือดแข็งตัวช้าลงและหยุดช้ากว่าปกติ ทำให้อาการรุนแรงได้ ที่ผ่านมาพบผู้หญิงเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกระหว่างเป็นรอบเดือนหลายราย
“ขอให้ผู้หญิงสังเกตว่าหากมีไข้สูง และมีประจำเดือนมามากกว่าปกติ หรือมาผิดเวลาที่ไม่ใช่เวลาที่เคยมีตามปกติ ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน สัญญาณเตือนภัยที่สำคัญของโรคไข้เลือดออกก็คือการมีเลือดประจำเดือนออกมากผิดปกติ เกินกว่าร้อยละ 10 ของปริมาณเลือดในร่างกาย คือมากกว่า 300 ซีซีหรือชุ่มผ้าอนามัยมากกว่า 3 แผ่นใน 1 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย จำเป็นต้องให้เลือดทดแทน ดังนั้นต้องรีบพบแพทย์ทันที อย่าหลงเชื่อว่าเป็นเพียงไข้ทับระดูธรรมดา” พ.ญ.ศิริเพ็ญกล่าว
สำหรับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2548-23 กรกฎาคม 2548 ทั่วประเทศมีจำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 22,877 ราย เสียชีวิต 36 ราย ภาคกลางมีผู้ป่วยสูงสุด 8,975 ราย เสียชีวิต 17 ราย